วันนี้ จะพาไปแอ่ววัด ที่เข้าบทภาพยนตร์เรื่องกลิ่นกาสะลอง นั้นก็คือ วัดต้นเกว๋น (วัดอินทราวาส) อยู่แถวๆ หางดง แล้วก็จะไปกิน ข้าวซอยอร่อยๆ วันนี้เลือกร้านข้าวซอยฟ้าฮ่าม (เชฟยุ่น) อยู่ไม่ไกลจากวัด ขับสบายๆ ก็ 7-8 นาทีเอง จากนั้นก็ไป วัดอรัญญาวาส(บ้านปง) อีกหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ มี โลหะปราสาททิพยวิมานคำ แห่งเมืองล้านนาอยู่บนดอยสูง เดินขึ้นไป 999 ขั้น พิสูจน์แรงศรัทธา ..... แม่เจ้า!!!! 


               ทริปนี้ ผมว่าใช้เวลากึ่งวันเองครับ สำหรับท่านที่มาแอ่วเชียงใหม่ เลือกได้ครับ หากมีผู้สูงอายุ ก็อาจต้องตัดวัดอรัญญาวาส(บ้านปง) ออกไป หากหนุ่มๆ สาวๆ หรือวัยต้องกระตุ้นอย่างผม ก็อาจจะมาเริ่มเช้าๆ ที่วัดอรัญญาวาส(บ้านปง) ก่อนแล้วค่อยไป วัดต้นเกว๋น (วัดอินทราวาส) แล้วค่อยไปกินข้าวซอย จากนั้นบ่ายๆ ก็ค่อยไปที่อื่น หรือจะไปวัดพระธาตุดอยคำก็ไม่ไกลจากที่นี่ครับ ปรับได้หมดตามชอบนะครับ 

วัดต้นเกว๋น (วัดอินทราวาส) ฉากสุดท้ายก่อนจบบริบูรณ์ ละครเรื่อง กลิ่นกาสะลอง
          วัดต้นเกว๋น นับว่าเป็นเก่าแก่ของเชียงใหม่ ปัจจุบันเป็นวัดที่ไม่มีพระอยู่จำพรรษา จัดเป็นวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญในอดีต เพราะใช้เป็นที่พักขบวนแห่พระบรมธาตุศรีจอมทอง จาก อ.จอมทอง มาที่เชียงใหม่ ในอดีตเป็นประเพณีเฉพาะของเจ้าหลวงเมืองเชียงใหม่ มีการสรงน้ำพระธาตุ คือจากวัดพระธาตุจอมทองมาก็เดินทางมาด้วยขบวนช้าง ขบวนม้า แล้วแวะมาที่วัดต้นเกว๋น ให้ประชาชนแถวนี้สรงน้ำพระธาตุศรีจอมทอง หลังจากนั้นก็อัญเชิญไปที่วัดสวนดอก 3 วัน 7 วัน แล้วก็ขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพ เป็นประจำทุกปี เป็นเรื่องของเจ้านายฝ่ายเหนือในอดีต..
        วัดต้นเกว๋น นับว่าเป็นวัดที่สมบูรณ์ที่สุด และเป็นหนึ่งในวัดที่งามที่สุดในประเทศไทย ซึ่งได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น ของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพฯ เมื่อปี พ.ศ. 2532 
          วิหารวัดต้นเกว๋น ที่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมแบบล้านนาโบราณที่มีความงดงามมาก ได้ใช้เป็นต้นแบบสร้างหอคำหลวงในอุทยานหลวงราชพฤกษ์  วิหารหลังนี้มีความสวยงามด้านงานศิลปกรรมเป็นอย่างมาก หน้าบันวิหารประดับตกแต่งด้วยกระจกแก้วสีแบบฝาตาผ้าหรือฝาปะกน โก่งคิ้วจำหลักไม้ลายเครือเถาสอดสลับรูปเศียรนาค มีลายปูนปั้นรูปเทพนมและดอกไม้อยู่หัวเสา ด้านหน้าบันปีกนกแกะสลักเป็นเศียรนาคในลายเครือเถาผสมกนก ตีเป็นช่องตารางเพื่อระบายอากาศ ส่วนปั้นลมและหางหงส์แกะเป็นรูปมักรคายนาค   ที่คันทวย หูช้างจำหลักไม้เป็นรูปกินนรฟ้อนรำ มีความงดงามมาก

             มณฑปจตุรมุข เป็นมณฑปจตุรมุขแบบพื้นเมืองล้านนาซึ่งพบเพียงหลังเดียวเท่านั้นในภาคเหนือ ลักษณะเป็นศาลาที่มีมุขยื่นออกมาทั้งสี่ด้าน ส่วนกลางของศาลามีจั่วซ้อนอยู่สองชั้น มุงด้วยกระเบื้องดินเผาที่เรียกว่ากระเบื้องดินขอ ในมณฑปจตุรมุข ประดิษฐานรูปเหมือนท่านครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เป็นที่เคารพสักการะของผู้คนทั้งหลาย 


บริเวณปากทางเข้าวัด ก็จะมีร้านกาแฟน่ารักๆ แวะดื่มได้ราคาไม่แพงครับ 

            
 
ร้านข้าวซอยฟ้าฮ่าม (เชฟยุ่น) 
               ร้านนี้มีเมนูหลากหลายครับ แต่ข้าวซอยก็ขึ้นชื่อ เขาได้รางวัลชนะเลิศประเภทประชาชนทั่วไปมา ใน ปี พ.ศ. 2559 ก็เลยต้องสั่งข้าวซอยมากิน วันนี้เลือกข้าวซอยหมู ใส่ลูกชิ้นหมูเพิ่ม เป็นซี่โครงหมู ก็อร่อยดีครับ น้ำแกงเข้มข้น ไม่เลี่ยน รสชาติดีครับ เส้นนุ่มใช่ได้เลย ผมเห็นมีข้าวเงี้ยว จานละ 20 บาท ไม่ได้กินนานมาก อยากกินเลยสั่งมา แล้วก็คิดว่าไม่ได้สั่งน้ำเงี้ยวมากิน แต่สั่งหมูสะเต๊ะชุดเล็กมากินกับข้าวเงี้ยวก็น่าจะอร่อย แล้วเดี๋ยวไปย่อยที่วัดอรัญญาวาส(บ้านปง) เพราะดูแล้วน่าจะเดินเยอะมาก เดินขึ้นดอยด้วย สิริรวม 150 บาท ก็ไม่แพงนะครับ แต่มื้อเย็นงด 5555     


  
โลหะปราสาท วัดอรัญญาวาส(บ้านปง)  
                   วัดอรัญญาวาส(บ้านปง) เป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย จากข้อมูลทางวัด “วัดอรัญญวาส” หรือ “วัดบ้านปง” เป็นวัดที่เรียกตามชื่อของหมู่บ้าน คือ “บ้านปง” ซึ่งคำว่า “ปง” ในภาษาเหนือ มีความหมายถึง ที่ริมฝั่งน้ำหรือที่ลุ่มน้ำขัง ซึ่งตัววัดบ้านปงตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ราบเชิงเขา มีภูเขาล้อมรอบ และมีแม่น้ำท่าช้างไหลผ่านบริเวณด้านหน้าวัด ทำให้บริเวณนี้มีลักษณะเป็นแอ่ง หรือปลักบริเวณรอบริมน้ำ มักจะมีเกลือโป่งหรือเกลือแร่ที่สัตว์ต่างๆมาหากิน อันมีความสอดคล้องกับตำนานพื้นบ้านแถบนี้ เรื่อง “กวางคำ” ที่เจ้านายฝ่ายเหนือขี่ม้าไล่ล่ากวางสีทองผ่านมาทางนี้ แล้วต้องมีการหยุดพักตามรายทางตรงจุดต่างๆของแต่ละหมู่บ้าน ที่กวางคำวิ่งผ่านขึ้นไปจนถึงเขตสะเมิง เมื่อผ่านมาบริเวณบ้านปงนี้ก็จะทำการหยุดพัก จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อหมู่บ้านว่า “บ้านปงยั้งม้า” (ยั้ง = จอด,พัก) คือเป็นจุดพักม้า พักการเดินทาง 
   มีข้อสันนิษฐานกันว่า “วัดบ้านปง” สร้างขึ้นในสมัยพระครูบาจินนา ก็น่าจะราวๆ ประมาณปี พ.ศ.2386  
            วัดบ้านปง มีสิ่งที่น่าสนใจมาก สิ่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นที่สุดมองเห็นได้แต่ไกล ก็คือ พระธาตุเจดีย์ศรีเมืองปง โลหะปราสาททิพยวิมานคำแห่งเมืองล้านนา ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาหลังวัด โดย “พระธาตุเจดีย์ศรีเมืองปง” เดิมทีไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด ใครเป็นผู้สร้างและมีลักษณะรูปร่างแบบไหนหรือใช้ศิลปะยุคใดในการก่อสร้าง
       “โลหะปราสาท” เป็นชื่อดั้งเดิมของอินเดีย เรียกกันมาแต่สมัยครั้งพุทธกาล สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงประทานความหมายว่า “ตึกที่มียอดเป็นโลหะ” เป็นโบราณสถานที่มีอยู่เพียง 3 แห่งในโลกเท่านั้น 

 อ้างอิง  ข้อมูลจากวัดและข้อความบางส่วน ; เชียงใหม่เพรส 
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://chiangmaipress.com/2020/11/23/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%87-%E0%B9%82/

ทางขึ้น บันไดนาค 999 ขั้น พระธาตุเจดีย์ศรีเมืองปง โลหะปราสาททิพยวิมานคำแห่งเมืองล้านนา 




            กลับลงมา เหนื่อยมากๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ  ขาสั่นเลยครับ 😃😄 แบ่งบุญทุกคนนะครับบบ 🙏🏻