The Wind Rises (2013) - ลมพัดแรงกล้า เราจึงอยู่ท้าแรงลม

The Wind Rises: ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก

"The wind is rising! We must try to live."
- Paul Valery


กำกับและเขียนบทโดย Hayao Miyazaki

ในที่สุดก็ได้รีวิวเสียที ! The Wind Rises (2013) เป็นหนัง Ghibli อีกเรื่องที่อยากกลับมาเปิดอีกครั้ง

หลังจากที่ได้ดูจบก็ไม่ผิดหวัง สมราคาที่เข้าชิงออสการ์แอนิเมชันยอดเยี่ยม (แต่แพ้ให้กับ Frozen แบบน่าเสียดาย 😂)

เรื่องย่อ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
The Wind Rises: ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก ( Official Trailer)

The Wind Rises อ้างอิงเรื่องราวมาจากชีวิตของ Jiro Horikoshi หัวหน้าวิศวกรของ Mitsubishi Heavy Industries ที่ออกแบบเครื่องบินรบให้กับญี่ปุ่น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ "Mitsubishi A6M Zero fighter" เครื่องบินขับไล่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น แถมยังสร้างวีรกรรมมากมายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

ความรู้สึกหลังชม

- ส่วนแรกที่อยากชม คือ "ฝีมือของ Hayao Miyazaki" 

The Wind Rises เหมือนเป็นงานคืนฟอร์มของปู่ฮายาโอะ ในฐานะหนึ่งในแอนิเมเตอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น โดยเฉพาะการเล่าเรื่องที่น้อยและคลีนผ่านงานภาพ บทสนทนา ดนตรีประกอบ แต่ก็ท่วมท้นด้วยความรู้สึก และมีคอนเซปต์ที่ลึกซึ้งบริสุทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อ

ทำให้โดยรวมแล้ว The Wind Rises เป็นหนังที่งดงามและคมคายมากทีเดียว


- คอนเซ็ปต์หลักของเรื่องเป็นไปตามชื่อเรื่องที่ว่า "The Wind Rises" หรือ "แรงลมที่พัดให้สูงขึ้น" เช่น ไฟฝัน แรงบันดาลใจ และแรงรัก ทั้งหมดทั้งมวลล้วนพัดให้จิโร่และประเทศญี่ปุ่นลอยขึ้น

และแม้ว่าเขาจะเจอเรื่องราวทั้งดีและร้ายมากมาย ลมที่พัดผ่านก็ช่วยสอนให้เขาเข้าใจในชีวิต พร้อมกับใช้ชีวิตให้เต็มที่คุ้มค่าที่สุด

- หนังให้แรงบันดาลใจในหลายแง่ เช่น ความฝันของจิโร่ที่อยากให้วิศวกรรมการบินของญี่ปุ่นก้าวหน้าทัดเทียมยุโรป ชีวิตที่ไม่ย่อท้อ แถมคำพูดหลายคำ ก็ให้กำลังใจเราเป็นอย่างดี 

เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดู จะต้องได้พลังบวกดี ๆ จากหนังเรื่องนี้แน่นอน

"The wind is rising! We must try to live."

"ลมพัดแรงกล้า เราจึงอยู่ท้าแรงลม"


- ระหว่างดู ก็แอบนึกถึงเรื่อง Oppenheimer เพราะมีบางอย่างที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นหนังชีวประวัติเรื่องแรกของผู้กำกับทั้งสอง ความซีเรียสและประเด็นที่หนักขึ้นอย่างความรัก รวมไปถึงการใส่ลูกเล่นแฟนตาซีเข้ามาในหนัง  

แถมหนังทั้งสองเรื่อง ยังเป็นต่อต้านสงครามที่เล่าถึงชีวิตของนักวิทยาศาสตร์ / วิศวกรที่ประดิษฐ์อาวุธในสงคราม เพื่อประหัตประหารเช่นกัน
 
The Wind Rises เลยเป็นหนังที่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ใหญ่... ที่สำคัญ สเกลและประเด็นของเรื่องก็มีความหนักไม่แพ้ภาพยนตร์คนแสดง


- หนังฉายภาพญี่ปุ่นช่วงก่อร่างสร้างตัวได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งเป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านระหว่างความเก่าสู่ความใหม่อย่างก้าวกระโดด ทั้งยังมีพูดถึงเหตุการณ์สำคัญอย่างแผ่นดินไหวในภูมิภาคคันโตราวปี 1923

- งานภาพในเรื่องยังคงเอกลักษณ์ของ Studio Ghibli ด้วยโทนสบายตา ที่ชอบเป็นพิเศษ คือโทนภาพที่ใช้สีน้ำแต่งแต้มในฉาก ทั้งฉากเครื่องบิน ท้องฟ้า ป่าไม้ ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติและสวยงามมาก

- ดนตรีประกอบของ Joe Hisaishi ยังสุดยอดเหมือนเดิม งวดนี้มาในธีมที่ให้ฟีลลิ่งอิตาลี เข้ากับซีนสำคัญเวลาที่มี "คาโปรนี" โผล่เข้ามา

นอกจากนี้เสียงกีตาร์โปร่งที่บรรเลง ยังให้ฟีลลิ่งสอดคล้องกับคอนเซปต์ของลมที่ถูกพัดพาขึ้นอีกด้วย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
A Journey (A Dream of Flight)

- เพลงประกอบท้ายเรื่อง "Vapor Trail" เพราะมาก

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
Vapor Trail / Hikouki Gumo

สรุป

เป็นหนังของ Studio Ghibli ที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด แม้จะไม่หวือหวาเหมือนภาพยนตร์เรื่องก่อน ๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า The Wind Rises คือหนังที่ดีที่สุดอีกเรื่องของค่าย

ระหว่างที่รอ How Do You Live ภาพยนตร์เรื่องใหม่ (เรื่องสุดท้าย) ของปู่ฮายาโอะ... ดูเรื่องนี้รอก็ไม่เสียหาย 

ใครสนใจดูได้บน Netflix!

Mitsubishi A6M Zero fighter

____________________________________

ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ

   
IG: benjireview
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่