เช้านี้ ณ อาคารปฏิบัติการ วิลล่าวนาลัย
เจ้าชายจักรพันธ์ เจ้าชายจักรพรรดิ เจ้าชายจักรภพ เจ้าหญิงศรีจิตรา
พระเลขาฯ จินตหราและพระเลขาฯ จอห์น ต่างเข้าประชุมกัน ณ มุมรับรอง
หน้าห้องรับรองพิเศษ เพราะต่างทรงอยากได้อากาศนอกห้องบ้าง
โดยมีเยอบีร่าเข้าร่วมประชุมด้วย ทุกคนกำลังรอเพลิงภพกับภันดร
แต่พระเลขาฯ ธนัชได้เข้ามาก่อน ธนัชได้เริ่มสรุปในส่วนของธุรกิจ
ต่าง ๆ ในเครือจักรพันธ์ให้ทุกคนรับทราบข้อมูลก่อน อีกไม่นานนัก
เพลิงภพกับพระเลขาฯ ภันดร จึงเดินเข้ามาพร้อมกัน
เจ้าชายจักรพันธ์ทักขึ้นก่อน "ทำไมมาพร้อมกันล่ะ ที่พักของนายกับ
มหาเวหนนี่ คนละฟากเลยนะ" เจ้าชายมองหน้าเพลิงภพ
"แล้วแต่งตัวคล้าย ๆ กันด้วยนะ อืม มันเป็นชุดของภันดรไม่ใช่เหรอ"
เจ้าชายจักรภพถามด้วยความสงสัย
เพลิงภพกับภันดรมองหน้ากัน แล้วเพลิงภพก็หันไปมองเจ้าชายจักรพันธ์
"คือ ... เมื่อคืนฉันไปค้างกับมันมา ตอนเช้าเลยต้องขอยืมชุดของมัน
แต่งมาที่นี่"
"ถึงขั้นไหนกันแล้วครับ" คนที่กล้าถามคำถามนี้คือเจ้าชายจักรพรรดิ
ภันดรยังเงียบอยู่ เพลิงภพจึงเป็นคนตอบ "ตกลงเป็นแฟนกันครับ"
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ" เป็นคำอวยพรจากเจ้าหญิงศรีจิตรา
"ขอบคุณครับ" เพลิงภพขอบคุณแบบเขิน ๆ ทุกคนนั่งอมยิ้มกัน
จากนั้น หัวหน้า รปภ. ขึ้นมารายงาน
"มีคนจำนวน 4 คน บุกรุกเข้ามาครับ"
ทุกคนตกใจกันมาก เยอบีร่าเดินไปดูตรงระเบียง
เธออุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง "สีทันดร"
ตอนนี้ทั้ง 4 คนขึ้นมาบนอาคารแล้ว ทุกคนถูกสวมกุญแจมือไพล่หลัง
ยืนเรียงกันจากซ้ายไปขวาคือแฟรงค์ สีทันดร โชคและเจ้าชายบันทู
มีสีทันดรกับเจ้าชายบันทูที่ไม่ได้สวมเสื้อ เจ้าชายจักรพันธ์สั่งการว่า
"ถอดกุญแจมือออกทั้ง 4 คน แล้วนำทุกคนไปรับของว่างที่ห้องรับรองเล็ก
ช่วยหาเสื้อให้สีทันดรกับเจ้าชายบันทูด้วย อีกครึ่ง ชม. เรามาเจอกันตรงนี้อีกทีนะครับ
เจ้าชายจักรภพโทรแจ้งเจ้าชายอังเดรว่าพบตัวเจ้าชายบันทูแล้ว
เดี๋ยวทางวิลล่าวนาลัยจะส่งรถไปรับเจ้าชายทั้ง 3 แห่งพระราชวังอังเดรให้มาที่นี่ด่วน
เฟอดินานและกาเร็ตเดินทางมาถึงพอดี
เฟอดินานได้รายงานว่าจับผู้ลอบปลงพระชนม์ได้แล้วทั้ง 2 คน
เจ้าชายจักรพันธ์จึงกล่าวว่า "ดี เดี๋ยวอีกประมาณครึ่งชั่วโมง
มาเจอกันแถวนี้นะ ทางเรามีเรื่องสำคัญจะแจ้งด้วย
ตอนนี้แยกย้ายกันไปรับของว่างก่อน"
อีกประมาณครึ่ง ชม. คนทั้งหมดกลับมาที่เดิม
ทางเจ้าหน้าที่ของวิลล่าวนาลัย ได้พาทั้ง 4 คนมายังที่เดิม
สีทันดรกับเจ้าชายบันทูสวมเสื้อเรียบร้อย
สิ่งที่น่าสังเกตและทุกคนให้ความสนใจคือเขาเดินมาเป็นคู่
เจ้าชายบันทูเดินมากับโชค ทั้งคู่จับมือกันแน่น
สีทันดรเดินมากับแฟรงค์ ทั้งคู่จับมือกันแน่นเช่นกัน
"เจ้าชายไม่นั่งลงก่อนล่ะครับ เราจะได้คุยกันสะดวก"
เจ้าชายจักรพันธ์ทรงพูดกับเจ้าชายบันทู
เจ้าชายบันทูตอบกลับมาว่า "ขอพวกเรายืนอยู่ด้วยกันก่อนดีกว่าครับ"
"เจ้าชายลองเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนจะถูกลักพาตัวจนมาถึงตอนนี้
ให้ทุกคนฟังหน่อยครับท่าน" เจ้าชายจักรภพกล่าวขึ้น
เจ้าชายบันทูหันหน้าไปมองโชค ทั้งคู่จับมือกันแน่น แล้วเจ้าชายก็หันมามอง
คนทุกคนที่กำลังนั่งรอฟังด้วยความสนใจ "พวกของเดวิดจับผมไปไว้ที่คฤหาสน์ของเขา
แล้วย้ายไปที่บ้านของนายพลโจชัว คุมขังผมโดยให้โชคคอยคุมและตามดูอยู่ตลอด"
เขาหันไปมองหน้าโชค ยิ่งจับมือกันแน่น ทุกคนสังเกตปฏิกิริยาเหล่านี้
สีทันดรพูดว่า "พวกเดวิดจับผมไปไว้ที่คฤหาสน์ของนายพลชวน ก่อนจะย้ายไปที่บ้านของ
นายพลโสสร คุมขังผมโดยให้แฟรงค์คอยควบคุม" พูดจบเขาหันหน้าไปมองแฟรงค์
ยังคงจับมือกันแน่น
เจ้าชายจักรพันธ์ถามด้วยความสงสัย "แล้วทุกท่านมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรครับ"
ทั้ง 4 คนยังคงเงียบอยู่ เยอบีร่าจึงกล่าวขึ้น "เออ มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่พูดให้คนอื่นเข้าใจ
ได้ยากใช่ไหมคะ" ทั้ง 4 พยักหน้า เจ้าชายจักรพันธ์จึงกล่าวขึ้น "งั้น คุณเยอบีร่าช่วยอธิบาย
ให้พวกเราเข้าใจหน่อยได้ไหมครับ" เยอบีร่าเงียบไปพักนึงก่อนที่จะกล่าวว่า "แต่มันยากมากค่ะ"
"เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ทุกท่านเข้าใจเองครับ" เจ้าชายจักรพรรดิพูดขึ้น ทุกคนหันไปมองเจ้าชาย
กันแบบตาไม่กะพริบ
เจ้าชายจักรพรรดิลุกขึ้นเดินไปยืนตรงกลางของโชคกับเจ้าชายบันทู
ทำให้ทั้งสองผละมือออกจากกัน เจ้าชายจักรพรรดิโอบไหล่ของโชคและเจ้าชายบันทู
หันหน้ามองทั้งสองก่อนจะหันมาทางที่ประชุมและกล่าวว่า
"พวกเรารู้จักกันมาก่อนครับ โชคเป็นรุ่นพี่ ผมกับบันทูเป็นรุ่นน้อง
โชคเป็นรุ่นพี่จอมโหด ชอบลงโทษพวกเรา แต่บางครั้งเขาก็ดูแลเราดี
ดีเสียจนมันมาชดเชยความโหดที่เขาเคยกระหน่ำได้ ตอนนั้นโชคกับบันทู
น่าจะมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันแล้ว แล้วก้แยกจากกัน จนมาพบกันในที่คุมขัง
บันทูเป็นนักโทษ โชคเป็นผู้คุม โชคทนไม่ได้ที่เห็นบันทูเป็นแบบนี้ จึงตัดสินใจปล่อยเขา
แต่บันทูเกรงว่าเดวิดจะฆ่าโชค เลยชวนหนีมาด้วยกัน และที่แรกที่นึกถึงคือวิลล่าวนาลัย
ส่วนแฟรงค์กับสีทันดรก็น่าจะรู้สึกลึกซึ้งต่อกันไม่ต่างกับโชคและเจ้าชายบันทู"
ตอนนี้นอกจากเจ้าชายจักรพรรดิจะโอบไหล่ของทั้งคู่ โชคและเจ้าชายบันทูต่างก็
โอบไหล่เจ้าชายจักรพรรดิด้วย
"ผมเข้าใจแล้วครับพี่" เจ้าชายจักรภพเอ่ยขึ้น
พอเจ้าชายจักรพรรดิผละออกแล้วเดินไปนั่ง โชคกับเจ้าชายบันทูก็กลับมายืนใกล้กัน
และจับมือกันแน่น
โชค
เจ้าชายบันทู
เจ้าหญิงศรีจิตราทรงกล่าวขึ้น "เดี๋ยวจะจัดห้องพักพิเศษ 2 ห้องให้นะคะ
เจ้าชายอังเดร เจ้าชายปีเตอร์ และเจ้าชายโอลิเวอร์ทรงเห็นด้วยรึเปล่าคะ"
"ครับ พวกเราโอเค" เจ้าชายอังเดรทรงเป็นตัวแทนในการให้ความเห็น
ทรงลุกขึ้นเดินไปยังเจ้าชายบันทู ทรงโอบกอดกันและกัน
หลังจากนั้น เจ้าชายปีเตอร์ทรงโอบกอดเจ้าชายบันทูด้วย ตามมาด้วยเจ้าชายโอลิเวอร์
ทรงโอบกอดเจ้าชายบันทูด้วยเช่นกัน ทั้ง 4 พระองค์ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
ทรงพำนักอยู่ที่พระราชวังอังเดร ณ หมู่พระราชวังวริทธ์วิคตอเรียหรือที่สมัยก่อน
ประชาชนจะนิยมเรียกกันว่าวังดาร หลังจากพ่อแม่ของทุกพระองค์เสียชีวิตกันหมด
ทรงอยู่ด้วยกันมาตลอด ช่วยเหลือเจือจุนกันมาตลอด ทั้ง 3 พอจะเข้าใจความรู้สึก
ของเจ้าชายบันทูและพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างในทุกสถานการณ์
จอห์นรับอาสาพาทั้งสองคู่ไปดูห้อง พอโชคและเจ้าชายบันทูได้อยู่กันที่ห้องสองต่อสอง
ทั้งคู่ได้นั่งพักตรงโซฟา
"เหมือนอะไรนะ" โชคพูดขึ้น
"เหมือนอะไรล่ะ" เจ้าชายถามขึ้น จับมือโชคแน่น
"เหมือนฝันนะ ว่าไหม"
"ไม่หรอกมันคือชีวิตจริงของเราสองคนมากกว่า"
"ชอบมากเลยคำว่าเราสองคน" โชคเปรย
เจ้าชายหันมองเขา เอามือจับหน้าเขาแล้วจูบเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะผละออกจากกัน
"มันเริ่มตอนไหนรู้ไหม" โชคถาม
"ไม่รู้ดิ"
"มันยากนะที่คิดทบทวน" โชคเปรย
"ไม่จำเป็นต้องไปรู้หรอกว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ
ได้พูดความในใจออกมา ได้แสดงออกในสิ่งที่ต้องการ ตอนนี้แหละสำคัญที่สุดแล้วล่ะ"
ตอนนี้ มันสำคัญกว่าตอนไหน
ตอนหัวใจใกล้กันสำคัญสุด
แรงรักผลักดันเกินจะยุด
ไม่เคยหยุดหัวใจให้ห่างนาย
จำไม่ได้ว่ามันเริ่มตอนไหน
แต่ตอนนี้ รักนายไม่ห่างหาย
ตอนนี้ ใจใกล้ใจ กายใกล้กาย
มีแต่นายในหัวใจไม่ร้างลา
เมื่อชีวิตเดินมาถึงจุดหนึ่ง
จุดที่ซึ้งถึงแรงเสน่หา
ก้ไม่เคยจะคิดอนิจจา
แต่มันมาตอนไหนไม่รู้เลย
สิ่งที่รู้ตอนนี้มีไม่มาก
และไม่ยากที่ใจจะเฉลย
ทุกเวลาทุกเช้าค่ำพร่ำภิเปรย
อยากจะเอ่ยว่ารักนายเพียงคนเดียว.
เจ้าชายจักรพรรดิทรงเปิดประตูเดินเข้ามา
พอโชคกับเจ้าชายบันทูหันไปเห็น
ทั้งหมดโผเข้ากอดกันสามคนตรงกลางห้อง.
วิมานมายา โดย ศักดา ตอนที่ 81
เจ้าชายจักรพันธ์ เจ้าชายจักรพรรดิ เจ้าชายจักรภพ เจ้าหญิงศรีจิตรา
พระเลขาฯ จินตหราและพระเลขาฯ จอห์น ต่างเข้าประชุมกัน ณ มุมรับรอง
หน้าห้องรับรองพิเศษ เพราะต่างทรงอยากได้อากาศนอกห้องบ้าง
โดยมีเยอบีร่าเข้าร่วมประชุมด้วย ทุกคนกำลังรอเพลิงภพกับภันดร
แต่พระเลขาฯ ธนัชได้เข้ามาก่อน ธนัชได้เริ่มสรุปในส่วนของธุรกิจ
ต่าง ๆ ในเครือจักรพันธ์ให้ทุกคนรับทราบข้อมูลก่อน อีกไม่นานนัก
เพลิงภพกับพระเลขาฯ ภันดร จึงเดินเข้ามาพร้อมกัน
เจ้าชายจักรพันธ์ทักขึ้นก่อน "ทำไมมาพร้อมกันล่ะ ที่พักของนายกับ
มหาเวหนนี่ คนละฟากเลยนะ" เจ้าชายมองหน้าเพลิงภพ
"แล้วแต่งตัวคล้าย ๆ กันด้วยนะ อืม มันเป็นชุดของภันดรไม่ใช่เหรอ"
เจ้าชายจักรภพถามด้วยความสงสัย
เพลิงภพกับภันดรมองหน้ากัน แล้วเพลิงภพก็หันไปมองเจ้าชายจักรพันธ์
"คือ ... เมื่อคืนฉันไปค้างกับมันมา ตอนเช้าเลยต้องขอยืมชุดของมัน
แต่งมาที่นี่"
"ถึงขั้นไหนกันแล้วครับ" คนที่กล้าถามคำถามนี้คือเจ้าชายจักรพรรดิ
ภันดรยังเงียบอยู่ เพลิงภพจึงเป็นคนตอบ "ตกลงเป็นแฟนกันครับ"
"ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ" เป็นคำอวยพรจากเจ้าหญิงศรีจิตรา
"ขอบคุณครับ" เพลิงภพขอบคุณแบบเขิน ๆ ทุกคนนั่งอมยิ้มกัน
จากนั้น หัวหน้า รปภ. ขึ้นมารายงาน
"มีคนจำนวน 4 คน บุกรุกเข้ามาครับ"
ทุกคนตกใจกันมาก เยอบีร่าเดินไปดูตรงระเบียง
เธออุทานออกมาด้วยเสียงอันดัง "สีทันดร"
ตอนนี้ทั้ง 4 คนขึ้นมาบนอาคารแล้ว ทุกคนถูกสวมกุญแจมือไพล่หลัง
ยืนเรียงกันจากซ้ายไปขวาคือแฟรงค์ สีทันดร โชคและเจ้าชายบันทู
มีสีทันดรกับเจ้าชายบันทูที่ไม่ได้สวมเสื้อ เจ้าชายจักรพันธ์สั่งการว่า
"ถอดกุญแจมือออกทั้ง 4 คน แล้วนำทุกคนไปรับของว่างที่ห้องรับรองเล็ก
ช่วยหาเสื้อให้สีทันดรกับเจ้าชายบันทูด้วย อีกครึ่ง ชม. เรามาเจอกันตรงนี้อีกทีนะครับ
เจ้าชายจักรภพโทรแจ้งเจ้าชายอังเดรว่าพบตัวเจ้าชายบันทูแล้ว
เดี๋ยวทางวิลล่าวนาลัยจะส่งรถไปรับเจ้าชายทั้ง 3 แห่งพระราชวังอังเดรให้มาที่นี่ด่วน
เฟอดินานและกาเร็ตเดินทางมาถึงพอดี
เฟอดินานได้รายงานว่าจับผู้ลอบปลงพระชนม์ได้แล้วทั้ง 2 คน
เจ้าชายจักรพันธ์จึงกล่าวว่า "ดี เดี๋ยวอีกประมาณครึ่งชั่วโมง
มาเจอกันแถวนี้นะ ทางเรามีเรื่องสำคัญจะแจ้งด้วย
ตอนนี้แยกย้ายกันไปรับของว่างก่อน"
อีกประมาณครึ่ง ชม. คนทั้งหมดกลับมาที่เดิม
ทางเจ้าหน้าที่ของวิลล่าวนาลัย ได้พาทั้ง 4 คนมายังที่เดิม
สีทันดรกับเจ้าชายบันทูสวมเสื้อเรียบร้อย
สิ่งที่น่าสังเกตและทุกคนให้ความสนใจคือเขาเดินมาเป็นคู่
เจ้าชายบันทูเดินมากับโชค ทั้งคู่จับมือกันแน่น
สีทันดรเดินมากับแฟรงค์ ทั้งคู่จับมือกันแน่นเช่นกัน
"เจ้าชายไม่นั่งลงก่อนล่ะครับ เราจะได้คุยกันสะดวก"
เจ้าชายจักรพันธ์ทรงพูดกับเจ้าชายบันทู
เจ้าชายบันทูตอบกลับมาว่า "ขอพวกเรายืนอยู่ด้วยกันก่อนดีกว่าครับ"
"เจ้าชายลองเล่าถึงเหตุการณ์ก่อนจะถูกลักพาตัวจนมาถึงตอนนี้
ให้ทุกคนฟังหน่อยครับท่าน" เจ้าชายจักรภพกล่าวขึ้น
เจ้าชายบันทูหันหน้าไปมองโชค ทั้งคู่จับมือกันแน่น แล้วเจ้าชายก็หันมามอง
คนทุกคนที่กำลังนั่งรอฟังด้วยความสนใจ "พวกของเดวิดจับผมไปไว้ที่คฤหาสน์ของเขา
แล้วย้ายไปที่บ้านของนายพลโจชัว คุมขังผมโดยให้โชคคอยคุมและตามดูอยู่ตลอด"
เขาหันไปมองหน้าโชค ยิ่งจับมือกันแน่น ทุกคนสังเกตปฏิกิริยาเหล่านี้
สีทันดรพูดว่า "พวกเดวิดจับผมไปไว้ที่คฤหาสน์ของนายพลชวน ก่อนจะย้ายไปที่บ้านของ
นายพลโสสร คุมขังผมโดยให้แฟรงค์คอยควบคุม" พูดจบเขาหันหน้าไปมองแฟรงค์
ยังคงจับมือกันแน่น
เจ้าชายจักรพันธ์ถามด้วยความสงสัย "แล้วทุกท่านมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรครับ"
ทั้ง 4 คนยังคงเงียบอยู่ เยอบีร่าจึงกล่าวขึ้น "เออ มีบางอย่างเกิดขึ้น แต่พูดให้คนอื่นเข้าใจ
ได้ยากใช่ไหมคะ" ทั้ง 4 พยักหน้า เจ้าชายจักรพันธ์จึงกล่าวขึ้น "งั้น คุณเยอบีร่าช่วยอธิบาย
ให้พวกเราเข้าใจหน่อยได้ไหมครับ" เยอบีร่าเงียบไปพักนึงก่อนที่จะกล่าวว่า "แต่มันยากมากค่ะ"
"เดี๋ยวผมจะอธิบายให้ทุกท่านเข้าใจเองครับ" เจ้าชายจักรพรรดิพูดขึ้น ทุกคนหันไปมองเจ้าชาย
กันแบบตาไม่กะพริบ
เจ้าชายจักรพรรดิลุกขึ้นเดินไปยืนตรงกลางของโชคกับเจ้าชายบันทู
ทำให้ทั้งสองผละมือออกจากกัน เจ้าชายจักรพรรดิโอบไหล่ของโชคและเจ้าชายบันทู
หันหน้ามองทั้งสองก่อนจะหันมาทางที่ประชุมและกล่าวว่า
"พวกเรารู้จักกันมาก่อนครับ โชคเป็นรุ่นพี่ ผมกับบันทูเป็นรุ่นน้อง
โชคเป็นรุ่นพี่จอมโหด ชอบลงโทษพวกเรา แต่บางครั้งเขาก็ดูแลเราดี
ดีเสียจนมันมาชดเชยความโหดที่เขาเคยกระหน่ำได้ ตอนนั้นโชคกับบันทู
น่าจะมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันแล้ว แล้วก้แยกจากกัน จนมาพบกันในที่คุมขัง
บันทูเป็นนักโทษ โชคเป็นผู้คุม โชคทนไม่ได้ที่เห็นบันทูเป็นแบบนี้ จึงตัดสินใจปล่อยเขา
แต่บันทูเกรงว่าเดวิดจะฆ่าโชค เลยชวนหนีมาด้วยกัน และที่แรกที่นึกถึงคือวิลล่าวนาลัย
ส่วนแฟรงค์กับสีทันดรก็น่าจะรู้สึกลึกซึ้งต่อกันไม่ต่างกับโชคและเจ้าชายบันทู"
ตอนนี้นอกจากเจ้าชายจักรพรรดิจะโอบไหล่ของทั้งคู่ โชคและเจ้าชายบันทูต่างก็
โอบไหล่เจ้าชายจักรพรรดิด้วย
"ผมเข้าใจแล้วครับพี่" เจ้าชายจักรภพเอ่ยขึ้น
พอเจ้าชายจักรพรรดิผละออกแล้วเดินไปนั่ง โชคกับเจ้าชายบันทูก็กลับมายืนใกล้กัน
และจับมือกันแน่น
โชค
เจ้าชายบันทู
เจ้าหญิงศรีจิตราทรงกล่าวขึ้น "เดี๋ยวจะจัดห้องพักพิเศษ 2 ห้องให้นะคะ
เจ้าชายอังเดร เจ้าชายปีเตอร์ และเจ้าชายโอลิเวอร์ทรงเห็นด้วยรึเปล่าคะ"
"ครับ พวกเราโอเค" เจ้าชายอังเดรทรงเป็นตัวแทนในการให้ความเห็น
ทรงลุกขึ้นเดินไปยังเจ้าชายบันทู ทรงโอบกอดกันและกัน
หลังจากนั้น เจ้าชายปีเตอร์ทรงโอบกอดเจ้าชายบันทูด้วย ตามมาด้วยเจ้าชายโอลิเวอร์
ทรงโอบกอดเจ้าชายบันทูด้วยเช่นกัน ทั้ง 4 พระองค์ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
ทรงพำนักอยู่ที่พระราชวังอังเดร ณ หมู่พระราชวังวริทธ์วิคตอเรียหรือที่สมัยก่อน
ประชาชนจะนิยมเรียกกันว่าวังดาร หลังจากพ่อแม่ของทุกพระองค์เสียชีวิตกันหมด
ทรงอยู่ด้วยกันมาตลอด ช่วยเหลือเจือจุนกันมาตลอด ทั้ง 3 พอจะเข้าใจความรู้สึก
ของเจ้าชายบันทูและพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างในทุกสถานการณ์
จอห์นรับอาสาพาทั้งสองคู่ไปดูห้อง พอโชคและเจ้าชายบันทูได้อยู่กันที่ห้องสองต่อสอง
ทั้งคู่ได้นั่งพักตรงโซฟา
"เหมือนอะไรนะ" โชคพูดขึ้น
"เหมือนอะไรล่ะ" เจ้าชายถามขึ้น จับมือโชคแน่น
"เหมือนฝันนะ ว่าไหม"
"ไม่หรอกมันคือชีวิตจริงของเราสองคนมากกว่า"
"ชอบมากเลยคำว่าเราสองคน" โชคเปรย
เจ้าชายหันมองเขา เอามือจับหน้าเขาแล้วจูบเขาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะผละออกจากกัน
"มันเริ่มตอนไหนรู้ไหม" โชคถาม
"ไม่รู้ดิ"
"มันยากนะที่คิดทบทวน" โชคเปรย
"ไม่จำเป็นต้องไปรู้หรอกว่ามันเริ่มขึ้นตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้เราได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ
ได้พูดความในใจออกมา ได้แสดงออกในสิ่งที่ต้องการ ตอนนี้แหละสำคัญที่สุดแล้วล่ะ"
ตอนนี้ มันสำคัญกว่าตอนไหน
ตอนหัวใจใกล้กันสำคัญสุด
แรงรักผลักดันเกินจะยุด
ไม่เคยหยุดหัวใจให้ห่างนาย
จำไม่ได้ว่ามันเริ่มตอนไหน
แต่ตอนนี้ รักนายไม่ห่างหาย
ตอนนี้ ใจใกล้ใจ กายใกล้กาย
มีแต่นายในหัวใจไม่ร้างลา
เมื่อชีวิตเดินมาถึงจุดหนึ่ง
จุดที่ซึ้งถึงแรงเสน่หา
ก้ไม่เคยจะคิดอนิจจา
แต่มันมาตอนไหนไม่รู้เลย
สิ่งที่รู้ตอนนี้มีไม่มาก
และไม่ยากที่ใจจะเฉลย
ทุกเวลาทุกเช้าค่ำพร่ำภิเปรย
อยากจะเอ่ยว่ารักนายเพียงคนเดียว.
เจ้าชายจักรพรรดิทรงเปิดประตูเดินเข้ามา
พอโชคกับเจ้าชายบันทูหันไปเห็น
ทั้งหมดโผเข้ากอดกันสามคนตรงกลางห้อง.