คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
#1-5,
ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมในรายละเอียดดังต่อไปนี้
การให้ กกต ตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆว่าเป็นประโยชน์ต่อ ปชช โดยรวมหรือไม่นั้น กกต ควรมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1) หากเป็นนโยบายประชานิยมที่แจกเงินต่างๆนั้น พรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็น รบ.นั้นจะต้อง
1.1) ระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาแจกด้วยว่าพรรคการเมืองนั้นๆจะนำมาจากไหน ด้วยวิธีใด
1.2) การแจกเงินให้ ปชช ในโครงการต่างๆตามนโยบายต่างๆนั้น รบ.ต้องการจะช่วยแก้ไขปัญหาใดของ ปชช และจะมีวิธีการวัดผลด้วยวิธีใดว่า รบ.สามารถแก้ไขได้จริงหรือไม่? ให้พรรคการเมืองกำหนดค่า KPI ออกมาให้ชัดเจนในการวัดผลด้วย อาทิ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวก็ให้วัดผลจากตัวเลขการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว เป็นต้น
1.3) หากแหล่งที่มาของเงินมาจากการกู้ รบ.จะต้องกำหนดวิธีการที่จะชำระคืนเงินกู้นั้นๆด้วยว่า รบ.จะมีวิธีการเพิ่มรายได้ให้แก่ภาค ปชช เพื่อที่ รบ.จะสามารถเก็บภาษีคืนจาก ปชช ได้อย่างไร?
1.4) คำนวณหาความคุ้มค่าและระยะเวลาคืนทุนสำหรับทุกโครงการและนโยบายที่ต้องใช้เงินมาแจก ปชช ด้วยทุกครั้ง โดยการหาค่า ROI สำหรับแต่ละโครงการด้วยว่ามีค่า ROI และระยะเวลาคืนทุนที่เกินกว่า 4 ปีหรือไม่ หากโครงการใดที่มีระยะเวลาคืนทุนนานกว่า 4 ปี ก็ควรให้มีการแยกโครงการออกเป็นเฟสและวัดผลจากการลงทุนในแต่ละเฟสไม่เกิน 4 ปีต่อไปเป็นต้น เพื่อให้ รบ.ที่เข้ามาใหม่จะได้พิจารณาได้ว่าควรสานต่อโครงการเดิมหรือไม่? และเพื่อให้ ปชช จะสามารถวัดผลการบริหารงานของ รบ.แต่ละชุดได้อย่างแท้จริง จะได้ไม่ต้องมีการมาเคลมผลงานข้ามชุดของแต่ละ รบ.กันอีกต่อไป
1.5) ให้ กกต กำหนดหลักเกณฑ์ไปเลยว่านโยบายที่ต้องใช้เงินแจก ปชช นั้น หากคำนวณได้ค่า ROI < 0 และระยะเวลาคืนทุน > 4 ปี ให้นโยบายที่ต้องใช้เงินแจก ปชช ทั้งหลายนั้นเป็นอันตกไป เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อ ปชช โดยรวมและยังก่อให้เกิดเป็นภาระหนี้สินผูกพันต่อ ปชช และ ประเทศชาติอีกด้วยต่างหาก
2) หากเป็นนโยบายที่ไม่ต้องใช้เงินแจก ปชช นั้น กกต ก็เพียงพิจารณาว่าเป็นนโยบายที่ขัดต่อ รธน.อย่างมากจนอาจจะนำไปสู่กระบวนการล้มล้างการปกครองหรือไม่เท่านั้น แต่หากเป็นการเสนอขอแก้ไขกฎหมายต่างๆเพื่อความเท่าเทียมหรือความเสมอภาคต่างๆนั้น ซึ่ง กกต ไม่ต้องส่งศาล รธน.ตีความก็ถือเป็นนโยบายที่พรรคต่างๆสามารถกระทำได้ เพราะ รบ.จะแก้ไขกฎหมายต่างๆนั้น รบ.ก็ต้องผ่านความเห็นชอบในการขอแก้ไขกฎหมายต่างๆจากรัฐสภาต่อไปอยู่ดี
ข้อ 3) กกต ควรคัดเลือกพรรคการเมืองและผู้สมัครเลือกตั้งเบื้องต้นด้วยการตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆว่ามีคดีติดตัวหรือไม่ และ กกต ควรกำหนดให้ผู้สมัครทุกคนตัองผ่านคะแนนขั้นต่ำของการวัดผล IQ EQ MQ จากระบบมาตรฐานสากลที่ผ่านการยอมรับว่าเชื่อถือได้ให้ผ่านเสียก่อนด้วยนะ เพื่อให้ ปชช สามารถมีโอกาสได้เลือกตั้งบุคคลที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้ ปชช จำใจต้องเลือกบุคคลไร้คุณภาพจำนวนมากมายเข้าสู่สภาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนโดยการแอบอ้าง ปชช อีกต่อไปเช่นนี้เน้อ
จึงขอเสนอมาเพื่อให้ กกต โปรดพิจารณาด้วยจ้า
ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมในรายละเอียดดังต่อไปนี้
การให้ กกต ตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองต่างๆว่าเป็นประโยชน์ต่อ ปชช โดยรวมหรือไม่นั้น กกต ควรมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1) หากเป็นนโยบายประชานิยมที่แจกเงินต่างๆนั้น พรรคการเมืองที่จะเข้ามาเป็น รบ.นั้นจะต้อง
1.1) ระบุแหล่งที่มาของเงินที่จะนำมาแจกด้วยว่าพรรคการเมืองนั้นๆจะนำมาจากไหน ด้วยวิธีใด
1.2) การแจกเงินให้ ปชช ในโครงการต่างๆตามนโยบายต่างๆนั้น รบ.ต้องการจะช่วยแก้ไขปัญหาใดของ ปชช และจะมีวิธีการวัดผลด้วยวิธีใดว่า รบ.สามารถแก้ไขได้จริงหรือไม่? ให้พรรคการเมืองกำหนดค่า KPI ออกมาให้ชัดเจนในการวัดผลด้วย อาทิ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวก็ให้วัดผลจากตัวเลขการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยว เป็นต้น
1.3) หากแหล่งที่มาของเงินมาจากการกู้ รบ.จะต้องกำหนดวิธีการที่จะชำระคืนเงินกู้นั้นๆด้วยว่า รบ.จะมีวิธีการเพิ่มรายได้ให้แก่ภาค ปชช เพื่อที่ รบ.จะสามารถเก็บภาษีคืนจาก ปชช ได้อย่างไร?
1.4) คำนวณหาความคุ้มค่าและระยะเวลาคืนทุนสำหรับทุกโครงการและนโยบายที่ต้องใช้เงินมาแจก ปชช ด้วยทุกครั้ง โดยการหาค่า ROI สำหรับแต่ละโครงการด้วยว่ามีค่า ROI และระยะเวลาคืนทุนที่เกินกว่า 4 ปีหรือไม่ หากโครงการใดที่มีระยะเวลาคืนทุนนานกว่า 4 ปี ก็ควรให้มีการแยกโครงการออกเป็นเฟสและวัดผลจากการลงทุนในแต่ละเฟสไม่เกิน 4 ปีต่อไปเป็นต้น เพื่อให้ รบ.ที่เข้ามาใหม่จะได้พิจารณาได้ว่าควรสานต่อโครงการเดิมหรือไม่? และเพื่อให้ ปชช จะสามารถวัดผลการบริหารงานของ รบ.แต่ละชุดได้อย่างแท้จริง จะได้ไม่ต้องมีการมาเคลมผลงานข้ามชุดของแต่ละ รบ.กันอีกต่อไป
1.5) ให้ กกต กำหนดหลักเกณฑ์ไปเลยว่านโยบายที่ต้องใช้เงินแจก ปชช นั้น หากคำนวณได้ค่า ROI < 0 และระยะเวลาคืนทุน > 4 ปี ให้นโยบายที่ต้องใช้เงินแจก ปชช ทั้งหลายนั้นเป็นอันตกไป เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อ ปชช โดยรวมและยังก่อให้เกิดเป็นภาระหนี้สินผูกพันต่อ ปชช และ ประเทศชาติอีกด้วยต่างหาก
2) หากเป็นนโยบายที่ไม่ต้องใช้เงินแจก ปชช นั้น กกต ก็เพียงพิจารณาว่าเป็นนโยบายที่ขัดต่อ รธน.อย่างมากจนอาจจะนำไปสู่กระบวนการล้มล้างการปกครองหรือไม่เท่านั้น แต่หากเป็นการเสนอขอแก้ไขกฎหมายต่างๆเพื่อความเท่าเทียมหรือความเสมอภาคต่างๆนั้น ซึ่ง กกต ไม่ต้องส่งศาล รธน.ตีความก็ถือเป็นนโยบายที่พรรคต่างๆสามารถกระทำได้ เพราะ รบ.จะแก้ไขกฎหมายต่างๆนั้น รบ.ก็ต้องผ่านความเห็นชอบในการขอแก้ไขกฎหมายต่างๆจากรัฐสภาต่อไปอยู่ดี
ข้อ 3) กกต ควรคัดเลือกพรรคการเมืองและผู้สมัครเลือกตั้งเบื้องต้นด้วยการตรวจสอบคุณสมบัติต่างๆว่ามีคดีติดตัวหรือไม่ และ กกต ควรกำหนดให้ผู้สมัครทุกคนตัองผ่านคะแนนขั้นต่ำของการวัดผล IQ EQ MQ จากระบบมาตรฐานสากลที่ผ่านการยอมรับว่าเชื่อถือได้ให้ผ่านเสียก่อนด้วยนะ เพื่อให้ ปชช สามารถมีโอกาสได้เลือกตั้งบุคคลที่มีคุณภาพตามมาตรฐานเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้ ปชช จำใจต้องเลือกบุคคลไร้คุณภาพจำนวนมากมายเข้าสู่สภาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนโดยการแอบอ้าง ปชช อีกต่อไปเช่นนี้เน้อ
จึงขอเสนอมาเพื่อให้ กกต โปรดพิจารณาด้วยจ้า
แสดงความคิดเห็น
ทำไม ปทท ไม่มีนายกอย่างแมร์เคิล ผู้เปลี่ยนแปลงการเมืองให้เป็นการอภิปรายในเรื่องนโยบายแทนที่จะเป็นเรื่องการเมือง?
ถ้า ปทท มีนายกอย่างนายกหญิงแมร์เคิล ของเยอรมันคนนี้ การเมืองไทยและ ปทท จะสามารถพัฒนาได้อย่างแท้จริง แทนการด่าทอกันไปมาอย่างทุกวันนี้ได้ไหมนะ?
เราควรเริ่มต้นปรับปรุงที่ระบบของ กกต ในการคัดเลือกคุณสมบัติของผู้สมัครและนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆก่อนลงสมัครรับเลือกตั้งไปเลยจะได้ไหมนะ? ไม่งั้นเราจะได้คนเก่ง ดี มีจริยธรรมมาช่วยกันบริหารประเทศได้จากที่ไหนกัน? นอกจากได้บรรดาเหล่านอร์มินีของเหล่านายทุนทั้งหลายอย่างทุกวันนี้?