คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
🍷 ศาสนาคริสต์สอนเรื่องเหล้าอย่างไร 🍷
🍷 คำสอนในศาสนาคริสต์ไม่มีข้อห้ามการดื่มเหล้า
🍷 มีการถือศีลบางอย่างในพระคัมภีร์ที่งดเหล้า
🍷 พระเยซูทำอัศจรรย์แรกเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่น
🍷 พระเยซูดื่มเหล้า
🍷 พระเยซูและศิษย์ดื่มเหล้ากันปกติจนมีฟาริสีมาด่า
🍷 พระเยซูตั้งศีลมหาสนิท โดยให้เหล้าองุ่นแทนพระโลหิตของพระองค์
🍷 ในพระคัมภีร์มีเรื่องราวที่เปาโลแนะนำทิโมธีให้ดื่มเหล้าองุ่นเพื่อรักษาโรค
🍷 ในพระคัมภีร์ สอนว่าอย่าดื่มเหล้ามากจนเมามาย
🍷 พระคัมภีร์ประณามการดื่มเหล้าเมาเสเพล
มีความชัดเจนว่า ในพระคัมภีร์ และการสอนของคริสตศาสนาว่าไม่ห้ามการดื่มเหล้า ด้วยเหล้านั้นเป็นวัฒนธรรมการกินอาหารปกติของชาวยิว และยังเป็นวัฒนธรรมอาหารปกติของประเทศยุโรปหลายประเทศที่เป็นเมืองหนาว และยังอยู่ในฐานะยารักษาโรคบางอย่าง ซึ่งเป็นสูตรทั่วไปมากของยาแผนโบราณทั่วโลกแม้ในสูตรยาของไทยเองด้วย
1ทธ 5:23
"อย่าดื่มแต่น้ำ จงดื่มเหล้าองุ่นเพื่อช่วยย่อยอาหาร และบรรเทาอาการป่วยของท่านที่เกิดขึ้นเสมอ"
ดังนั้นการห้ามเด็ดขาดจึงไม่ใช่คำสอนของคริสตศาสนา แต่ในพระคัมภีร์เองมีหลายบทหลายตอนที่เขียนอย่างชัดเจนว่า การเสพสุราจนเมาเป็นเรื่องไม่ควรทำ เช่น
อฟ 5:18
"อย่าเสพสุราจนเมามาย เพราะสุราเป็นสาเหตุของการปล่อยตัวเสเพล แต่จงยอมให้พระจิตเจ้าทรงนำชีวิตของท่าน"
กระนั้นในการถือศีลอดต่างๆ เช่นการถือศีลอดอาหาร หรือการปฏิบัติตนเป็น นาศีร์ ต้องงดดื่มเหล้าด้วย แต่ก็ไม่ได้ถูกมองต่างอะไรจากการงดกินเนื้อสัตว์ ระหว่างถือศีลอดอาหาร
🍷 ในวัฒนธรรมจำนวนมาก เหล้าไม่ใช่แค่เป็นยาแต่เป็นวัตถุดิบหนึ่งในการประกอบของอาหารด้วย
🍷 ในประเทศแถบหนาวจำนวนมาก คนดื่มเหล้าเพื่อสร้างความอบอุ่นให้รางกาย
🍷 มีอารามนักบวชคาทอลิกในต่างประเทศผลิตเหล้าจำหน่ายเอาเงินบำรุงอารามมาหลายร้อยปี จนกลายเป็นเหล้าชื่อดังของประเทศ
🍷 มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้เป็นชาวเยอรมัน สนับสนุนการดื่มเบียร์ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของเยอรมัน(ดูจากข้อความที่คัดมาในภาพส่วนล่างได้)
มีความชัดเจนว่า หลักการใช้เหล้าในวัฒนธรรมของคริสตศาสนา คือ การใช้จำนวนน้อยแต่พอดี เพื่อสุขภาพดี ไม่ให้ใช้มากในทางเมามาย หรือทำลายสุขภาพตัวเอง ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากในปัจจุบันว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำช่วยให้สุขภาพดีในหลายด้าน เช่นนอนหลับง่าย ปรับความดันโลหิต สร้างความอบอุ่นร่างกาย ฯลฯ ในอาหารจีน ญี่ปุ่น และอาหารยุโรปเอง มีการผสมเหล้าในอาหารเป็นปกติ และอาหารผสมเหล้านี้ก็ไม่ห้ามเด็กกินด้วย
แล้วดังนั้นในด้านศีลธรรม และจริยธรรมแล้ว ศาสนาคริสต์ อยู่ร่วมกับ เหล้า ในรูปแบบใด
🍷 ในประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมาก มีการเสรีทางการผลิตและขายเหล้า แต่อัตราเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตน้อยกว่าไทย
ในศาสนาเดียวกันอาจมีวิธีจัดการคำสอนศาสนา การอภิบาล และการตั้งกฎ สำหรับเรื่องที่ต่างกันได้หลายวิธีและหลายแง่มุมไม่เหมือนกันหรือไม่เท่ากันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก บางเรื่องอาจ สอนแบบสอนเด็ก หรือ หรือบางเรื่องอาจสอนแบบสอนผู้ใหญ่
ลักษณะของการตั้งกฎห้ามทำไปเลย เป็นลักษณะการอภิบาลแบบกับเด็กๆ เด็กๆเราไม่สามารถอธิบายเหตุผลซับซ้อนกับเขาได้ การห้ามไปเลยจะปลอดภัยกว่า กฎทางศาสนาบางอย่างมีความจำเป็นต้องใช้หลักแบบนี้
แต่กับเรื่องเหล้า พระคัมภีร์ในศาสนาคริสต์เลือกใช้วิธีดูแลผู้ใหญ่ คือ ให้เป็นวิจารณญาณและความรับผิดชอบทางศีลธรรมของคนนั้นๆเอง โดยให้เหตุผลว่าทำไมไม่ควร หรือทำไมควรจำกัดการใช้ ไม่ใช่ทำปุ๊บผิดปั๊บ แต่ จะผิดเมื่อขาดการควบคุมตนเอง หรือเสี่ยงที่จะละเมิดผู้อื่น
ดังนั้นการห้ามเหล้าในประเทศอื่นๆจึงมีรูปแบบคล้ายๆกันคือ ห้ามเด็กกินโดยจำกัดที่อายุ และห้ามดื่มเหล้าในสถานการณ์ที่อาจนำสู่การเกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น เช่นห้ามดื่มในการขับรถ หรือ ห้ามดื่มในขณะควบคุมเครื่องจักรอันตราย
และก็น่าสนใจว่าในประเทศไทย มีวิธีการรณรงค์เรื่องเหล้าที่แปลกกว่าโลกสากลหลายประการ เช่นมีการดึงคำสอนของศาสนาเข้ามาใช้ให้งดเหล้าในช่วงวันสำคัญทางศาสนา แต่ที่จริงการแก้ปัญหาแบบนี้ ได้ช่วยให้อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลงหรือไม่ ในเมื่อต่างประเทศทุ่มเทงบไปกับการปลูกจิตสำนึกว่า การขับรถขณะมึนเมา คือการขาดความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างรุนแรง มันอาจฆ่าทั้งตัวเองและผู้อื่น แต่ของไทยเรางบครึ่งหนึ่งจะไปที่การรณรงค์งดเหล้าชั่วเวลาหนึ่ง ซึ่งเหมือนการถือศีลอดในศาสนาคริสต์ แต่ในประเทศที่มีคนนับถือศาสนาคริสต์เยอะไม่นิยมเอาเรื่องการถือศีลอดอาหารช่วงมหาพรตก่อนอีสเตอร์มารณรงค์งดเหล้า
เพราะมันไม่แก้ปัญหาได้จริงๆ แต่มันจะทำได้แค่ให้คนกินเหล้าน้อยลงช่วงเดียว แต่ไม่ได้ทำให้เขาตระหนักหรือสำนึกจริงๆว่า ทำไม ไม่ควรกิน หรือเพราะอะไร ต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นรอบตัวที่อาจเกิดความพังพินาศจากความขาดจิตสำนึกของเรา ในช่วงเทศกาลต่างๆในประเทศไทยจึงยังมีการเสียชีวิตจากการอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับมากมายทุกๆปีและไม่ยอมลดลงง่ายๆเลยด้วย
หรือการไปทุ่มเท ห้ามโฆษณาเหล้า เบลอเหล้าในหนังในละคร ห้ามตั้งบริษัทผลิตเหล้า แต่ให้ผูกขาดอยู่2-3เจ้าใหญ่ๆ จนรวยเละเป็นมหาเศรษฐีอยู่2-3ครอบครัว แต่ที่สุด2-3เจ้านี้ก็ออกรสใหม่ ออกแบรนด์ใหม่ มีการนำเข้าเหล้านอก อยู่ดี
องค์กรในไทยสร้างเหล้าให้ดูเหมือน ลอร์ด วอลเดอมอร์ในแฮรี่พอตเตอร์ ห้ามเอ่ยชื่อ ห้ามพูดถึง จะพูดถึงต้องเลี่ยงว่า คนที่คุณก็รู้ว่าใคร แต่มีตัวตนอยู่นะ มีภาพเป็นปีศาจชั่วร้าย ที่ยังแฝงตัวในสังคมไม่ถูกกำจัด แต่ห้ามไปยุ่งไม่งั้นจะกลายเป็นคนเลวไปด้วย คนจน เครียด อย่าไปกินเหล้านะ (คนรวย กินได้ไม่เป็นไรหรือไง)
ซึ่งที่จริง ถ้าสามารถปลูกจิตสำนึกประชาชนได้ตั้งแต่แรกว่า จะกินต้องรับผิดชอบตัวเองและสังคม ต่อให้มีโฆษณา ต่อให้มีหลายเจ้าแข่งขัน คนเราถ้ารู้จักกินไม่เมาก็ไม่เมา หรือคนไม่กินก็คือไม่กิน คนกินก็คือกินอยู่ดี
🍷 เมื่อเหล้าในพระคัมภีร์ปะทะ เคมเปญการสร้างเหล้าให้เป็นปีศาจในไทย
ผลพวงที่มาจากการปฏิบัติต่อเหล้าของไทยนี้ สร้างปรากฏการณ์แปลกไม่เหมือนใครในหมู่คริสตชนไทยด้วยเช่นกัน เช่น มีคาทอลิกบางคนรับไม่ได้ที่เห็นนักบวชในศาสนา ดื่มเหล้า หรือคิดว่าบาปหรือผิด ทั้งที่จริง พ่อก็ดื่มเหล้าองุ่นในมิสซาอยู่ทุกวันแท้ๆ
หรือโปรแตสแตนท์บางคริสตจักรในไทย ถุงกับยอมเปลี่ยนไปใช้น้ำหวานรสองุ่นในพิธีมหาสนิท แทนการใช้เหล้าองุ่นแบบพระเยซูเคยทำและระบุในพระคัมภีร์ เพราะกลัวคนพุทธไทยรับไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวผมทึ่งมากที่ปกติโปรแตสแตนท์ที่มีหลักการสำคัญในการยึดถือพระคัมภีร์ ยอมเปลี่ยนพิธีการที่สำคัญที่สุดที่ระบุชัดเจนในพระคัมภีร์เพื่อให้ศาสนาอื่นยอมรับ (จากการสอบถาม ปรับเปลี่ยนเฉพาะในไทยเท่านั้น โปรแตสแตนท์คณะนิกายเดียวกันในต่างประเทศไม่ได้ปรับเปลี่ยนมาให้) (บอกก่อนว่าส่วนตัวผมเคารพในการตัดสินใจของผู้นำคริสตจักรใดๆต่อคริสตจักรของตน ไม่ตัดสินว่าผิดหรือถูก แค่แปลกใจมากเฉยๆ)
ดังนั้นสรุปสั้นๆง่ายๆว่า
ศาสนาคริสต์ "ไม่ห้ามกินเหล้า" แต่ "ห้ามกินเยอะจนเมามาย" ศาสนาคริสต์ไม่มองว่าเหล้าคือปีศาจชั่วร้ายด้วยตัวมันเอง การขาดสติและขาดความรับผิดชอบและไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจในการดื่มต่างหากที่ชั่วร้าย
ดังนั้นหากคริสตชนคนใดจะดื่มและรับผิดชอบตัวตนเองได้ ท่านไม่ผิด แต่ถ้าท่านคิดว่าตัวเองอาจไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จงอยู่ห่างจากมันอย่างเด็กๆ
“ถ้าท่านทั้งหลายจะกินจะดื่มก็ดี, หรือจะทำประการใดก็ดี, จงกระทำทุกสิ่งให้เป็นที่ถวายเกียรติยศแก่พระเจ้า.”(1 คร 10:31)
cr. www.facebook.com/holysmn
🍷 คำสอนในศาสนาคริสต์ไม่มีข้อห้ามการดื่มเหล้า
🍷 มีการถือศีลบางอย่างในพระคัมภีร์ที่งดเหล้า
🍷 พระเยซูทำอัศจรรย์แรกเปลี่ยนน้ำเป็นเหล้าองุ่น
🍷 พระเยซูดื่มเหล้า
🍷 พระเยซูและศิษย์ดื่มเหล้ากันปกติจนมีฟาริสีมาด่า
🍷 พระเยซูตั้งศีลมหาสนิท โดยให้เหล้าองุ่นแทนพระโลหิตของพระองค์
🍷 ในพระคัมภีร์มีเรื่องราวที่เปาโลแนะนำทิโมธีให้ดื่มเหล้าองุ่นเพื่อรักษาโรค
🍷 ในพระคัมภีร์ สอนว่าอย่าดื่มเหล้ามากจนเมามาย
🍷 พระคัมภีร์ประณามการดื่มเหล้าเมาเสเพล
มีความชัดเจนว่า ในพระคัมภีร์ และการสอนของคริสตศาสนาว่าไม่ห้ามการดื่มเหล้า ด้วยเหล้านั้นเป็นวัฒนธรรมการกินอาหารปกติของชาวยิว และยังเป็นวัฒนธรรมอาหารปกติของประเทศยุโรปหลายประเทศที่เป็นเมืองหนาว และยังอยู่ในฐานะยารักษาโรคบางอย่าง ซึ่งเป็นสูตรทั่วไปมากของยาแผนโบราณทั่วโลกแม้ในสูตรยาของไทยเองด้วย
1ทธ 5:23
"อย่าดื่มแต่น้ำ จงดื่มเหล้าองุ่นเพื่อช่วยย่อยอาหาร และบรรเทาอาการป่วยของท่านที่เกิดขึ้นเสมอ"
ดังนั้นการห้ามเด็ดขาดจึงไม่ใช่คำสอนของคริสตศาสนา แต่ในพระคัมภีร์เองมีหลายบทหลายตอนที่เขียนอย่างชัดเจนว่า การเสพสุราจนเมาเป็นเรื่องไม่ควรทำ เช่น
อฟ 5:18
"อย่าเสพสุราจนเมามาย เพราะสุราเป็นสาเหตุของการปล่อยตัวเสเพล แต่จงยอมให้พระจิตเจ้าทรงนำชีวิตของท่าน"
กระนั้นในการถือศีลอดต่างๆ เช่นการถือศีลอดอาหาร หรือการปฏิบัติตนเป็น นาศีร์ ต้องงดดื่มเหล้าด้วย แต่ก็ไม่ได้ถูกมองต่างอะไรจากการงดกินเนื้อสัตว์ ระหว่างถือศีลอดอาหาร
🍷 ในวัฒนธรรมจำนวนมาก เหล้าไม่ใช่แค่เป็นยาแต่เป็นวัตถุดิบหนึ่งในการประกอบของอาหารด้วย
🍷 ในประเทศแถบหนาวจำนวนมาก คนดื่มเหล้าเพื่อสร้างความอบอุ่นให้รางกาย
🍷 มีอารามนักบวชคาทอลิกในต่างประเทศผลิตเหล้าจำหน่ายเอาเงินบำรุงอารามมาหลายร้อยปี จนกลายเป็นเหล้าชื่อดังของประเทศ
🍷 มาร์ติน ลูเธอร์ ผู้เป็นชาวเยอรมัน สนับสนุนการดื่มเบียร์ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของเยอรมัน(ดูจากข้อความที่คัดมาในภาพส่วนล่างได้)
มีความชัดเจนว่า หลักการใช้เหล้าในวัฒนธรรมของคริสตศาสนา คือ การใช้จำนวนน้อยแต่พอดี เพื่อสุขภาพดี ไม่ให้ใช้มากในทางเมามาย หรือทำลายสุขภาพตัวเอง ซึ่งสอดคล้องกับผลวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากในปัจจุบันว่า การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำช่วยให้สุขภาพดีในหลายด้าน เช่นนอนหลับง่าย ปรับความดันโลหิต สร้างความอบอุ่นร่างกาย ฯลฯ ในอาหารจีน ญี่ปุ่น และอาหารยุโรปเอง มีการผสมเหล้าในอาหารเป็นปกติ และอาหารผสมเหล้านี้ก็ไม่ห้ามเด็กกินด้วย
แล้วดังนั้นในด้านศีลธรรม และจริยธรรมแล้ว ศาสนาคริสต์ อยู่ร่วมกับ เหล้า ในรูปแบบใด
🍷 ในประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมาก มีการเสรีทางการผลิตและขายเหล้า แต่อัตราเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตน้อยกว่าไทย
ในศาสนาเดียวกันอาจมีวิธีจัดการคำสอนศาสนา การอภิบาล และการตั้งกฎ สำหรับเรื่องที่ต่างกันได้หลายวิธีและหลายแง่มุมไม่เหมือนกันหรือไม่เท่ากันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก บางเรื่องอาจ สอนแบบสอนเด็ก หรือ หรือบางเรื่องอาจสอนแบบสอนผู้ใหญ่
ลักษณะของการตั้งกฎห้ามทำไปเลย เป็นลักษณะการอภิบาลแบบกับเด็กๆ เด็กๆเราไม่สามารถอธิบายเหตุผลซับซ้อนกับเขาได้ การห้ามไปเลยจะปลอดภัยกว่า กฎทางศาสนาบางอย่างมีความจำเป็นต้องใช้หลักแบบนี้
แต่กับเรื่องเหล้า พระคัมภีร์ในศาสนาคริสต์เลือกใช้วิธีดูแลผู้ใหญ่ คือ ให้เป็นวิจารณญาณและความรับผิดชอบทางศีลธรรมของคนนั้นๆเอง โดยให้เหตุผลว่าทำไมไม่ควร หรือทำไมควรจำกัดการใช้ ไม่ใช่ทำปุ๊บผิดปั๊บ แต่ จะผิดเมื่อขาดการควบคุมตนเอง หรือเสี่ยงที่จะละเมิดผู้อื่น
ดังนั้นการห้ามเหล้าในประเทศอื่นๆจึงมีรูปแบบคล้ายๆกันคือ ห้ามเด็กกินโดยจำกัดที่อายุ และห้ามดื่มเหล้าในสถานการณ์ที่อาจนำสู่การเกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น เช่นห้ามดื่มในการขับรถ หรือ ห้ามดื่มในขณะควบคุมเครื่องจักรอันตราย
และก็น่าสนใจว่าในประเทศไทย มีวิธีการรณรงค์เรื่องเหล้าที่แปลกกว่าโลกสากลหลายประการ เช่นมีการดึงคำสอนของศาสนาเข้ามาใช้ให้งดเหล้าในช่วงวันสำคัญทางศาสนา แต่ที่จริงการแก้ปัญหาแบบนี้ ได้ช่วยให้อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุลดลงหรือไม่ ในเมื่อต่างประเทศทุ่มเทงบไปกับการปลูกจิตสำนึกว่า การขับรถขณะมึนเมา คือการขาดความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างรุนแรง มันอาจฆ่าทั้งตัวเองและผู้อื่น แต่ของไทยเรางบครึ่งหนึ่งจะไปที่การรณรงค์งดเหล้าชั่วเวลาหนึ่ง ซึ่งเหมือนการถือศีลอดในศาสนาคริสต์ แต่ในประเทศที่มีคนนับถือศาสนาคริสต์เยอะไม่นิยมเอาเรื่องการถือศีลอดอาหารช่วงมหาพรตก่อนอีสเตอร์มารณรงค์งดเหล้า
เพราะมันไม่แก้ปัญหาได้จริงๆ แต่มันจะทำได้แค่ให้คนกินเหล้าน้อยลงช่วงเดียว แต่ไม่ได้ทำให้เขาตระหนักหรือสำนึกจริงๆว่า ทำไม ไม่ควรกิน หรือเพราะอะไร ต้องรับผิดชอบชีวิตคนอื่นรอบตัวที่อาจเกิดความพังพินาศจากความขาดจิตสำนึกของเรา ในช่วงเทศกาลต่างๆในประเทศไทยจึงยังมีการเสียชีวิตจากการอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับมากมายทุกๆปีและไม่ยอมลดลงง่ายๆเลยด้วย
หรือการไปทุ่มเท ห้ามโฆษณาเหล้า เบลอเหล้าในหนังในละคร ห้ามตั้งบริษัทผลิตเหล้า แต่ให้ผูกขาดอยู่2-3เจ้าใหญ่ๆ จนรวยเละเป็นมหาเศรษฐีอยู่2-3ครอบครัว แต่ที่สุด2-3เจ้านี้ก็ออกรสใหม่ ออกแบรนด์ใหม่ มีการนำเข้าเหล้านอก อยู่ดี
องค์กรในไทยสร้างเหล้าให้ดูเหมือน ลอร์ด วอลเดอมอร์ในแฮรี่พอตเตอร์ ห้ามเอ่ยชื่อ ห้ามพูดถึง จะพูดถึงต้องเลี่ยงว่า คนที่คุณก็รู้ว่าใคร แต่มีตัวตนอยู่นะ มีภาพเป็นปีศาจชั่วร้าย ที่ยังแฝงตัวในสังคมไม่ถูกกำจัด แต่ห้ามไปยุ่งไม่งั้นจะกลายเป็นคนเลวไปด้วย คนจน เครียด อย่าไปกินเหล้านะ (คนรวย กินได้ไม่เป็นไรหรือไง)
ซึ่งที่จริง ถ้าสามารถปลูกจิตสำนึกประชาชนได้ตั้งแต่แรกว่า จะกินต้องรับผิดชอบตัวเองและสังคม ต่อให้มีโฆษณา ต่อให้มีหลายเจ้าแข่งขัน คนเราถ้ารู้จักกินไม่เมาก็ไม่เมา หรือคนไม่กินก็คือไม่กิน คนกินก็คือกินอยู่ดี
🍷 เมื่อเหล้าในพระคัมภีร์ปะทะ เคมเปญการสร้างเหล้าให้เป็นปีศาจในไทย
ผลพวงที่มาจากการปฏิบัติต่อเหล้าของไทยนี้ สร้างปรากฏการณ์แปลกไม่เหมือนใครในหมู่คริสตชนไทยด้วยเช่นกัน เช่น มีคาทอลิกบางคนรับไม่ได้ที่เห็นนักบวชในศาสนา ดื่มเหล้า หรือคิดว่าบาปหรือผิด ทั้งที่จริง พ่อก็ดื่มเหล้าองุ่นในมิสซาอยู่ทุกวันแท้ๆ
หรือโปรแตสแตนท์บางคริสตจักรในไทย ถุงกับยอมเปลี่ยนไปใช้น้ำหวานรสองุ่นในพิธีมหาสนิท แทนการใช้เหล้าองุ่นแบบพระเยซูเคยทำและระบุในพระคัมภีร์ เพราะกลัวคนพุทธไทยรับไม่ได้ ซึ่งส่วนตัวผมทึ่งมากที่ปกติโปรแตสแตนท์ที่มีหลักการสำคัญในการยึดถือพระคัมภีร์ ยอมเปลี่ยนพิธีการที่สำคัญที่สุดที่ระบุชัดเจนในพระคัมภีร์เพื่อให้ศาสนาอื่นยอมรับ (จากการสอบถาม ปรับเปลี่ยนเฉพาะในไทยเท่านั้น โปรแตสแตนท์คณะนิกายเดียวกันในต่างประเทศไม่ได้ปรับเปลี่ยนมาให้) (บอกก่อนว่าส่วนตัวผมเคารพในการตัดสินใจของผู้นำคริสตจักรใดๆต่อคริสตจักรของตน ไม่ตัดสินว่าผิดหรือถูก แค่แปลกใจมากเฉยๆ)
ดังนั้นสรุปสั้นๆง่ายๆว่า
ศาสนาคริสต์ "ไม่ห้ามกินเหล้า" แต่ "ห้ามกินเยอะจนเมามาย" ศาสนาคริสต์ไม่มองว่าเหล้าคือปีศาจชั่วร้ายด้วยตัวมันเอง การขาดสติและขาดความรับผิดชอบและไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจในการดื่มต่างหากที่ชั่วร้าย
ดังนั้นหากคริสตชนคนใดจะดื่มและรับผิดชอบตัวตนเองได้ ท่านไม่ผิด แต่ถ้าท่านคิดว่าตัวเองอาจไม่สามารถควบคุมตนเองได้ จงอยู่ห่างจากมันอย่างเด็กๆ
“ถ้าท่านทั้งหลายจะกินจะดื่มก็ดี, หรือจะทำประการใดก็ดี, จงกระทำทุกสิ่งให้เป็นที่ถวายเกียรติยศแก่พระเจ้า.”(1 คร 10:31)
cr. www.facebook.com/holysmn
แสดงความคิดเห็น
ในทางศาสนาคริสต์และศาสนายูดาห์ พูดถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไว้ว่าอย่างไรบ้างคะ
แล้วศาสนายูดาห์ ล่ะคะ