ย้อนรอย 5 วันที่แม่ฮองสอน ทริปชมทุ่งดอกบัวตอง ความงามตามธรรมชาติที่ปีนึงจะมีแค่ครั้งเดียวค่ะ
ไปไหนกันบ้าง..ตามมาดูกันเลยค่ะ
เริ่มต้นกันที่อุทยานแห่งชาติออบหลวงกันก่อนนะคะ
เราเริ่มเดินทางกันโดยรถตู้จากกรุงเทพในคืนของวันที่ 18 พย. 53 เวลา 19.30 น.
เช่นเคยค่ะ 1 ตื่นถึง อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ก็เกือบรุ่งสางพอดี งัวเงียเหมือนโดนยาสลบ ดูเวลาแล้วประมาณตี 4 ครึ่ง
แวะทานข้าวต้ม และเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติออบหลวง แกรนด์แคนยอนเมืองไทย แต่ตอนที่มาน้ำไม่ค่อยเยอะเท่าไร
บรรยากาศรอบๆ ปนไปด้วยหมอกพร้อมผู้คน และเสียงอึกทึก ถ่ายรูปได้ไม่ถึง 10 ใบถ้วนจ๊ะ
จากนั้นเราก็ไปจุดถ่ายภาพที่สอง "สวนสนบ่อแก้ว"
ที่นี่สวยงามมากค่ะ เป็นทิวสนนับร้อยสูงสง่ายิ้มรับแสงอรุณสีทองยามเช้า ไม่รีรอลงไปถ่ายภาพสักหน่อย
จากสวนสนใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่ง เราก็มาถึงไฮไลท์ของทริปเราค่ะ "ทุ่งดอกบัวตอง"
ภูเขาสีทองเหลืองอร่าม งดงามมากเมื่อได้เข้ามาใกล้ๆ
ที่นี่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,600 เมตร ทิวทัศน์งามตา มองเห็นภูเขาสลับซับซ้อน อากาศเย็นตลอดปี
จากทุ่งดอกบัวตอง ประมาณ 27 กิโลเมตร ถึงที่หมายใหม่ของเรา "ปางอุ๋ง" ที่พักกางเต้นท์
ทะเลสาปบนภูเขา พร้อมสายหมอกและดวงดาว บอกเลยว่าคืนนี้หนาวมากแน่ๆ
ปางอุ๋งที่เรารู้จักนั้นคือหมู่บ้านกาแฟ บ้านรวมไทย จ.แม่ฮ่องสอนค่ะ มีความสงบร่มรื่น เหมาะแก่การพักผ่อน ที่นี่นอกจากลานกลางเต้นท์
เค้าก็มีห้องพักไว้คอยบริการด้วยนะคะ อากาศเย็นสบายมาก ถ้าไปปลายฝนต้นหนาวก็จะเจอหมอกจางๆ และควันด้วยนะเธอ
จากปางอุ๋งมาพระตำหนักปางตองค่ะ ไม่ไกลค่ะ 123 กิโลเมตร อยู่ในเขตตำบลหมอกจำแป๋
ใช้เส้นทางเดียวกับทางเข้าวนอุทยานผาเสื่อต่อไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร
บริเวณตำหนักมีแปลงสาธิตการปลูกดอกไม้ไทย และต่างประเทศ รวมถึงการเลี้ยงสัตว์ เช่น แกะ และไก่ฟ้าค่ะ
เล่นกับน้องแกะแล้วก็แวะมาพอกโคลนกันที่ "บ่อโคลน" ไม่ไกลจากพระตำหนัก ประมาณ 16 กว่ากิโล (ครึ่งชั่วโมงถึง)
ที่นี่เป็นแหล่งโคลนจากธรรมชาติจากน้ำพุร้อน ที่สามารถช่วยเรื่องสุขภาพความงามเพราะมีแร่ธาตุที่มีประโชยน์
สามารถมาเที่ยวได้ตลอดทั้งปีค่ะ แต่มาหน้าหนาวดีก่านะ แถมยังมีบริการสปา มีสระน้ำแร่ธรรมชาติด้วย พอกหน้าแช่ขากันไปสวยๆ ค่ะ
เดินทางมาอีกประมาณ 5.7กิโลเมตร เราก็จะมาถึง "ถ้ำปลา" ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ
ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผา ต.ห้วยผา บริเวณรอบเป็นลำธารและป่าเขา
จากนั้นเราจะเดินทางไปบนทางหลวงหมายเลข 1095 (ปาย-ปางมะผ้า) เพื่อไปยังถ้ำน้ำลอด ด้วยระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร
บริเวณปากทางเข้าถ้ำ นักท่องเที่ยวเห็นแล้วจะต้องร้องอ้อว่าทำไมถ้ำนี้ถึงชื่อว่า "ถ้ำน้ำลอด"
เพราะมีสายน้ำไหลผ่านตั้งแต่ปากทางเข้าถ้ำไปตลอดจนสุด โดยภายในมีลักษณะเป็นโพรงที่มีความยาวกว่า 500 เมตร
เนื่องจากการกัดเซาะของน้ำมากกว่าล้านปี (อ่านจากป้าย)
เรานั่งแพ เพื่อล่องเข้าไปชมถ้ำด้านใน ซึ่งข้างในจะมืด และแอบเหม็นอึข้างค้าวเล็กน้อย (จริงๆ ก็ไม่น้อยอะ 55+)
ออกจากถ้ำลอด..เรานั่งรถตู้ต่อไปยังเมืองปาย ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งได้
หลับๆ ไปอีก 1 ตื่น ก็มาถึงที่พักที่เราได้จองไว้ "ปาย ริเวอร์เคิร์ฟ รีสอร์ท" ที่นี่ไม่ไกลจากถนนคนเดินด้วย เราเก็บสัมภาระไว้ที่นี่
และเราจะมาเดินเล่นกันคืนนี้ แต่ก่อนจะไปเดินเล่น เราเดินทางไปไหว้พระกันที่วัดพระธาตุแม่เย็นกันก่อน
เพื่อหวังจะชมพระอาทิตย์ตกและวิวเมืองปายโดยรอบกันบนวัดนี้ และแล้วฟ้าก็มืดลงอย่างรวดเร็ว...แต่ก็พอมองเห็นวิวด้านล่างนิดหน่อย
เรารีบลงมาจากวัด และกลับมาเดินเล่นบนถนนคนเดินปายกันค่ะ เราเดินหาของกินเล่น และกินจริงจังกันอย่างเพลิดเพลิน
ที่นี่มีร้านอาหารน่ารักมากมาย ของขายอีกเพียบ ก่อนจะกลับที่พักเราแวะซื้อโคมลอยมาด้วย ประเพณีพื้นบ้านของชาวล้านนา
ในวันเพ็ญเดือน 12 งดงามและโรแมนติกมากๆ ค่ะ
ตื่นเช้าท่ามกลางสายหมอก เราออกมาใส่บาตรในตลาดกันสักหน่อย เดินเล่นดื่มด่ำวิถีชาวบ้านน่ารักๆ ก่อนจะไปเที่ยวที่ต่อไปจ๊ะ
จากปายเรานั่งรถมาเที่ยววัดน้ำฮู ประมาณ 17 กิโลค่ะ โดยวัดนี้มีพระพุทธรูปที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่ออุ่นเมือง
ซึ่งไม่เหมือนพระพุทธรูปใดๆ เพราะยอดพระเกศสามารถยกขึ้นได้เหมือนฝาผอบ ตัวพระเศรียรภายในกลวง
แต่ที่แปลกคือภายในจะมีน้ำที่เกิดขึ้นเอง จากคำบอกเล่าของลุงที่เป็นคนดูแลเล่าว่า ประมาณ 10 วันน้ำก็จะเต็ม แต่ระยะหลังๆ นี้ไม่เคยเต็มเลย
เพราะลุงแกตักน้ำนี้ลงมาผสมกับอ่างน้ำใหญ่ด้านล่าง เพื่อเป็นน้ำมงคลให้สำหรับผู้ที่เข้ามากราบไหว้ เพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ
จากวัดน้ำฮูมาไม่ไกล (1.5 กิโล) เราก็มาถึงหมู่บ้านสันติชล หมู่บ้านทางวัฒนธรรมชาวจีนยูนาน มีเอกลักษณ์โดดเด่นตามวิธี
เราเรียนรู้รูปแบบการใช้ชีวิตที่นี่ ผ่านกิจกรรมที่เค้านำเสนอ นั่นคือการโล้ชิงช้า เป็นเหมือนการละเล่นพื้นเมืองของเค้า
แต่บอกเลยว่าสนุกมาก นอกจากนี้ก็ยังมีม้าให้ขี่ชมวิว และก็ยังมีที่พักอีกด้วย
จากหมู่บ้านสันติชลไปประมาณ 6 กิโล ทางถนนหมายเลข 1095 เราก็จะเจอกับร้านกาแฟน่ารักๆ coffee in love pai
เราแวะจิบกาแฟที่นี่พร้อมถ่ายรูปชมบรรยากาศกันก่อนค่ะ
เราขึ้นรถเดินทางกันต่อ จริงๆ ก็คือเดินทางกลับแหละ แต่ผ่านสะพานประวัติศาสตร์ ท่าปาย ก็เลยแวะสักหน่อย
เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกสร้างขึ้นโดยทหารญี่ปุ่น แต่ที่ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้ว
จากสะพานประวัติศาสตร์ เราแวะถนนคนเดินลำปาง กินอาหารเย็นแบบบ้านๆ (ไม่มีภาพบรรยากาศให้ชมนะคะ เม็มเต็มแล้วค่ะ 55+)
จากนั้นก็ขึ้นรถกลับแบบหลับยิงยาวค่ะ จบทริปแบบเหมารถตู้เดินทางโดยไม่ต้องเหนื่อยขับรถมาเองค่ะ
ก็สะดวกดีนะคะ แต่อาจจะต้องนั่งรถนานหน่อย และก็อาจจะเมากับทางโค้ง 1,864 โค้งได้ แนะนำกินยาและหลับไปคะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันจนจบนะคะ
[CR] แม่ฮองสอน 1,864 โค้ง_18-22 พย. 53
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้