กษัตริย์หลุยส์ทรงมอบหมายให้ทางวิลล่าวนาลัยวิเคราะห์
และวางแผนหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ณ พระราชวังอันเดรเฟราอาน
เจ้าชายจักรพันธ์ เจ้าชายจักรพรรดิ เจ้าชายจักรภพ เจ้าหญิงศรีจิตรา
พระเลขาฯจินตหราและพระเลขาฯจอห์น จึงมาประชุมร่วมกัน
ทั้งหมดยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ตั้งรหัสเกี่ยวกับเหตุการณ์
นี้ว่า 202 พระเลขาฯจินตหราสรุปสิ่งที่น่าพิจารณาไว้ดังนี้
"อย่างแรกคือการตั้งใจลอบปลงพระชนม์ แต่น่าจะเน้นที่กษัตริย์หลุยส์
ส่วนกษัตริย์โพสี น่าจะเป็นตัวแถม อย่างที่สองเกิดในช่วงงานฉลองพระยศ
ที่มีชาวเน็ตถ่ายทอดสดกันหลายช่อง ก็น่าจะอยากให้รับรู้โดยทั่วกัน
อย่างที่ 3 มีคนหายไปสองคนคือเจ้าชายบันทูและเด็กหนุ่มที่ชื่อสีทันดร"
พระเลขาฯจอห์นให้ข้อมูล "อรชุนเคยมีแผนที่จะลอบปลงพระชนม์กษัตริย์หลุยส์
หลายครั้ง แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่โชนหนานที่โชกุนโพ ไม่น่าจะสั่งการอะไรได้
ที่พระราชวังวริศราก็มีกลุ่มอำนาจใหม่ขึ้นมาคือปานฑพกับฟ้าดาษ
ซึ่งก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรแบบนี้"
ตอนนั้นเยอบีร่ามาถึงพอดี เธอมาพร้อมกับชุดราตรีสีส้มสุดอลังการ
มีกาก้ามาช่วยถือหาง "ขอคารวะเจ้าชายเจ้าหญิงและพระเลขาฯ
ทุกท่านนะคะ" เยอบีร่ากล่าวอย่างนอบน้อมก่อนจะนั่งลง
เจ้าหญิงศรีจิตราพูดขึ้นว่า "จากที่จินตหราสรุปประเด็นมา สิ่งที่น่าสงสัย
ก็คือคนที่หายไปค่ะ ตอนนั้นสีทันดรอยู่ด้านนอก เจ้าชายบันทูอยู่ด้านใน
และน่าจะหายไปก่อนการลอบปลงพระชนม์ หญิงสนใจในประเด็นนี้มาก
จากการศึกษาข้อมูลพบว่าควีนเยอบีร่าเป็นคนใกล้ชิดกับสีทันดร
เลยเชิญมาวันนี้ด้วยค่ะ ให้ควีนเยอบีร่าช่วยวิเคราะห์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวค่ะ"
เยอบีร่ากล่าวว่า "สำหรับสีทันดร ดิฉันขอแยกเป็นสองส่วนนะคะ
ส่วนแรกคือส่วนรูปร่างหน้าตา หน้าหล่อสไตล์นี้กับหุ่นที่ล่ำแบบนี้ ดิฉันคิดว่า
เป็นรูปแบบเดียวกับทหารรับใช้ที่นายพลชวนคัดเลือกไปค่ะ ดิฉันมีรูปให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ"
เยอบีร่าส่งแฟ้มให้ที่ประชุมดู "หน้าตามักจะไปในทางเดียวกันหมด
หุ่นก็จะมีกล้ามในลักษณะที่คล้าย ๆ กัน ผิวก็ค่อนข้างขาวกันทุกคนค่ะ"
เจ้าขายจักรพันธ์ถามขึ้น "คุณกำลังจะบอกว่านายพลชวนเป็นเกย์เหรอครับ"
"เออ ... ค่ะ แต่เป็นเกย์ที่ยังปรับตัวไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงดี
ประกอบกับเกิดมาในครอบครัวทหาร ถูกเลี้ยงดูแบบทหาร นายพลชวนไม่สามารถ
หลุดกรอบของตัวเองไปได้ค่ะ อีกอย่างนายพลชวนคงไม่กล้ามีอะไรกับผู้ชาย
แม้ในใจจะอยาก สิ่งเดียวที่จะดูผู้ชายเปลือยได้ก็คือตอนลงโทษและทรมานค่ะ"
เจ้าชายจักรภพสงสัย "ทำไมคุณถึงปักใจเชื่อขนาดนั้นครับ"
"อ๋อ ดิฉันเปรียบเทียบกับทหารรับใช้ของอีกสามส่วนคือของนายพลรามัญ
นายพลแม็กและนายพลเฉิน ทหารรับใช้ของทั้งสามส่วนจะคละกันค่ะ
มีทั้งหล่อบ้างไม่หล่อบ้าง หุ่นก็หลากหลายมาก แล้วที่สำคัญ
ตอนเลือกทหารรับใช้ นายพลชวนถึงกับมาเลือกด้วยตัวเองเลยนะคะ
และเป็นการขอเลือกก่อนใครเพื่อนด้วย จึงได้แต่ตัวดี ๆ ไป ส่วนของอีกสามนายพล
เขาใช้สุ่มเอา ไม่เสียเวลามาเลือกหรอกค่ะ"
เจ้าชายจักรพันธ์ถามขึ้น "แล้วที่ลือกันว่าแกเจ้าชู้มาก มีผู้หญิงจำนวนมาก
มันคืออะไรครับ"
"น่าจะเป็นการปล่อยข่าวให้ลือกันไปในลักษณะนั้นค่ะ แกน่าจะไม่ค่อยมีอะไรกับผู้หญิงมากนัก
แต่ก็มีการนำผู้หญิงเข้าบ้านบ้างเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย เรื่องลูก แกไม่น่าจะเคยมีเลยนะคะ
คุณวรรณาเองก็ถูกเก็บมาจากบ้านเด็กกำพร้าค่ะ ไม่ใช่ลูกจริง ๆ"
ข้อมูลจากเยอบีร่าทำให้ทุกคนถึงกับอึ้ง
"ดิฉันมีหลักฐานหมด จะทิ้งแฟ้มพวกนี้ไว้ที่นี่นะคะ ส่วนอีกเรื่องนึงของสีทันดรที่ดิฉันคิดว่า
ทุกท่านควรรู้ก็คือเขาเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบการถูกลงโทษและทรมานมาก ๆ เลยค่ะ"
"ยังไงครับ" พระเลขาฯจอห์นสงสัยมาก
"คือตอนไปช่วยกิจกรรมของชมรมคริสต์อ่ะค่ะ เขายอมเป็นพระเยซูตอนถูกทรมาน
เขายืนยันว่าให้ทรมานเขาจริง ๆ และตอนที่ไปร่วมกิจกรรมรอบกองไฟกับพวกลูกเสือวิสามัญอ่ะค่ะ
เขารับบทเป็นเชลยศึก เขาก็บอกพวกที่รับบททหารว่าให้ทรมานเขาจริง ๆ
แล้วล่าสุด ตอนที่เขาโดนครูสันต์ลงโทษโหดอ่ะค่ะ หลังจากนั้นดิฉันชวนเขาไปกินข้าว
เขาได้แต่ยิ้มแบบมีความสุขมากค่ะ ดูเหมือนกับว่าเขาสะใจมากที่ถูกลงโทษโหดต่อหน้าคนจำนวนมาก
อ่ะค่ะ" ทุกคนอึ้งกับข้อมูลของเยอบีร่า
"ดิฉันขอเล่าต่อนะคะ มาถึงตัวเจ้าชายบันทู รูปร่างหน้าตาของพระองค์ทรงอยู่ในโซนเดียวกับ
พวกทหารรับใช้ของนายพลชวนและสีทันดร ทรงหน้าตาหล่อ มีพระกล้ามและผิวขาวเนียน
แต่ที่ดิฉันไม่ทราบเลยก็คือพระองค์ทรงชื่นชอบการถูกลงโทษโหดต่อหน้าสาธารณชนรึเปล่าคะ"
"น่าจะใช่นะครับ" เจ้าชายจักรพรรดิกล่าวขึ้น "ผมเคยดูละครเวทีที่พระองค์ทรงเคยแสดง
ตอนเป็นนักศึกษา เรื่องทาสทมิฬ ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโสฬส พระองค์ไม่ได้แสดงตัว
ว่าเป็นเจ้าชาย ทุกคนรู้จักพระองค์ในนามนายบันทู พระองค์รับบทเป็นทหารรับใช้
ช่วงท้าย ๆ ของเรื่องนี้ จะมีฉากที่นายพลฮวนทรมานทหารรับใช้
พระองค์ทรงถูกมัดโยงในรูปแบบตัว X ตรงหน้าเวที ตอนนั้นทรงสวมกางเกงในเพียงตัวเดียว
คนที่รับบทเป็นนายพลฮวนทรมานพระองค์จริง ๆ เสียงดังฟังชัดเพราะมีการติดไมค์ที่ขอบกางเกงในด้วย"
ขณะเล่าเจ้าชายจักรพรรดิอดคิดถึงหุ่นของเจ้าชายบันทูไม่ได้
แต่เจ้าชายจักรพรรดิไม่ได้เล่าหมด มีบางสิ่งที่พระองค์ปกปิดไว้
พระองค์เองได้ทรงสมัครไปออดิชันละครเวทีเรื่องนี้ด้วยในบททหารรับใช้
ทางทีมงานได้ประชาสัมพันธ์รับออดิชันบทนี้โดยระบุคุณสมบัติไว้ว่า
1. หน้าตาหล่อ
2. หุ่นดีมาก
3. ทนรับความเจ็บปวดได้เพราะจะมีฉากถูกทรมานและจะเป็นการเล่นจริงเจ็บจริงในทุกรอบ
เมื่อทรงเห็นประกาศ พระองค์ทรงสมัครทันที และต้องพบกับการออดิชันที่ค่อนข้างป่าเถื่อน
ทรงทราบในเวลาต่อมาว่าทีมงานทั้งหมดคือกลุ่มรุ่นพี่สุดโหดที่ชอบรับน้องโหด
แต่พอทางมหาวิทยาลัยปราบปรามอย่างจริงจัง ทางกลุ่มจึงจัดกิจกรรมแบบนี้
แต่ก็ยังคงแฝงความโหดเอาไว้ในทุกองคาพยพ
ต่อมาทราบว่ามีนักศึกษาชายมาออดิชันบทนี้กันประมาณ 25 คน
วันที่ไปรายงานตัว เจ้าชายจักรพรรดิรู้สึกว่าทุกคนดูดีเหมือนกันหมด
ทางทีมงานให้ไปรายงานตัวตรงสนามบอลเก่าที่อยู่ทางด้านหลัง
ซึ่งลับหูลับตาคนหน่อย ทีมงานบอกว่าอยากเช็คหุ่นและความอดทน
จึงขอให้ทั้งหมดถอดเสื้อผ้าออกให้หมดไม่เว้นแม้แต่รองเท้ากับถุงเท้า
ขอให้เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว เจ้าชายจักรพรรดิรู้สึกตลกตรงที่ว่า
ละครเวทีเรื่องทาสทมิฬ ดูเหมือนผลิตขึ้นเพื่อเสียดสีการที่นายพลชวน
กดขี่ข่มเหงทหารรับใช้และไม่มีใครไปช่วยพวกเขาได้
แต่การออดิชันกลับเลียนแบบพฤติกรรมของนายพลชวน แล้วทำกับคนมาออดิชันเหมือน
เป็นทหารรับใช้ มันเหมือนกับว่า อำนาจนั้น ถ้าให้อยู่ในมือคนเลว
ไม่ว่าจะเป็นอำนาจล้นฟ้าหรืออำนาจอันน้อยนิด ก็สามารถใช้กดขี่ผู้อื่นอย่างเลือดเย็นได้
แต่พวกนายไม่เคยเจอคนอย่างกู คนที่หาความบันเทิงเริงรมย์กับการถูกกดขี่
อย่างเลือดเย็นได้ คนแบบพวกกูนี่แหละ อยู่รอดแน่ ๆ ไม่ว่ากูจะโดนแส้
โดนหวาย โดนต่อย โดนกระทืบ โดนทำทารุณกรรมต่าง ๆ นานา
สิ่งที่พวกชอบกดขี่กู ไม่เคยรู้เลยก็คือกูชอบ กูสะใจและกูมีความสุข
ธรรมชาติสร้างให้พวกกูอยู่รอดและรวมตัวกันได้เพื่อมากำจัดพวกที่ชอบกดขี่
ผู้อื่นในภายหลัง ดังนั้นทุกการกดขี่จะมีคนอยู่รอดเพื่อกลับมาแก้แค้นเสมอ
ถึงตอนนั้น ผู้แก้แค้นที่มีจริยธรรมก็จะอยู่รอด ส่วนผู้แก้แค้นที่ไม่มีจริยธรรม
ก็จะถูกกำจัดทิ้งอย่างเลือดเย็นเช่นกัน สิ่งนี้น่าจะคือสัจธรรมของชีวิตที่แท้จริง
พอทุกคนอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียวแล้ว ทางทีมงานก็ให้มาเข้าแถว
แล้วให้วิ่งรอบสนามบอล 2 รอบ ต่อจากนั้นให้มาตั้งแถวตอน
สั่งให้วิดพื้น 20 ครั้ง ตอนนี้จะเริ่มได้ยินเสียงว่ามีบางคนถูกทุบหลัง
วิดพื้นเสร็จ ก็เข้าแถวยืนตรง ทีมงานจะพูดว่าคนรับบททหารรับใช้
จะต้องแสดงต่อเนื่องคนเดียว 12 วัน ในขณะที่บทนายพลฮวน
จะมีสองคนเล่นสลับกัน ที่ใช้คนเดียวเล่นและโปรโมทว่าเล่นจริงเจ็บจริงนั้น
ก็เพื่อให้คนบางกลุ่มอยากมาดู ซึ่งการวางแผนในลักษณะนี้เพื่อทำให้เห็นว่า
คนที่รับบททหารรับใช้นั้นต้องรับบทโหดโดยแท้
ขณะกำลังยืนฟังทีมงานพูด ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งมาฟาดหน้าอกเจ้าชายจักรพรรดิ
อย่างแรง แล้วกระซิบข้างหูว่า "ยืนไม่ตรง" แต่นั้นเป็นเพียงข้ออ้าง
ทีมรับน้องโหดกลุ่มนี้ หาโอกาสกระทำรุนแรงกับคนอื่นได้ตลอด
เขาคงรู้สึกสะใจ โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่โดนบางคนก็รู้สึกสะใจเหมือนกัน
และความเจ็บปวดที่พวกเขามอบให้ มันทำให้คนบางคนอยู่รอดไปอีกนาน
ก่อนจะกลับ ทีมงานเลือก 5 คนให้อยู่เย็น เขาบอกว่าจะให้อยู่เย็นสลับกันไป
เจ้าชายจักรพรรดิก็ไม่ทราบว่าจะกักตัวไว้ทำไม
วันที่สองที่มาออดิชันก็ยังคล้าย ๆ เดิม ทุกคนอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียว
มีกิจกรรมโหด ๆ เช่น วิ่งแบกซุง วิ่งลากยางรถยนต์ ดึงข้อและอีกมากมาย
เจ้าชายนับดู พบว่ายังอยู่กันครบ 25 คน แสดงว่าไอ้ 25 คนนี้เสพติดความโหดโดยแท้
แล้วทีมงานก็กักตัวไว้อีก 5 คนก่อนจะปล่อยคนอื่นกลับ
กิจกรรมวนเวียนอยู่อย่างนี้จนถึงวันสุดท้ายของการออดิชันรอบแรก
และเป็นวันที่เจ้าชายจักรพรรดิคือ 1 ใน 5 ที่ถูกกักตัวให้อยู่เย็น
ทั้ง 5 คนมายืนรวมกัน มีทีมงานมาบอกว่า
"ทางเราขอเช็คเรื่องกำลังใจและความกล้า เดี๋ยวเข้าไปในห้องนั้นทีละคนนะ"
พอถึงตาเจ้าชายเดินเข้าไป ในนั้นมีรุ่นพี่ผู้ชายโหด ๆ อยู่ถึง 7 คน
"มายืนตรงนี้ ยืนดี ๆ เอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย" ท่าบังคับก่อนโดนทรมาน
พอ 7 คนมายืนล้อม เจ้าชายก็โดนทั้งต่อย ฟาด ศอก ชก พอพวกมันเอากรรไกร
มาตัดกางเกงในออก ก็โดนเตะ ทุบ บีบ อัด จนน่วมไปหมด ถือว่าโหดมาก
สำหรับด่านนี้ พอเสร็จแล้วก็ไล่ให้ออกอีกประตูนึง พอออกไปก็มาเจอ
รุ่นพี่รูปหล่อรอต้อนรับอยู่คนเดียวกับข้าวของมากมายเต็มห้อง
"นี่คือสปอนเซอร์ของเราทั้งนั้น น้องเลือกหยิบได้เลย นี่ถุงครับ"
แล้วกูก็ต้องมาแก้ผ้า shopping มันคือตลกร้ายของโลกใบนี้
พอเสร็จแล้วรุ่นพี่รูปหล่อถึงเอากางเกงในมาแจกแล้วพูดว่า
"โปรดใส่กางเกงในก่อนออกจากห้องนะครับ"
และแล้ววันประกาศผลเข้ารอบ 5 คนก็มาถึง
ทีมงานประกาศผลในโรงละคร 25 หนุ่มยังมากันอย่างเหนียวแน่น
"เมื่อพี่ประกาศรายชื่อ 5 คนนี้ โปรดเดินขึ้นมาบนเวทีเลยนะคะ
นายสินธพ
นายสันติภพ
นายเพลิงภพ
นายจักรพรรดิ
และ
นายบันทู"
วิมานมายา โดย ศักดา ตอนที่ 78
และวางแผนหลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ณ พระราชวังอันเดรเฟราอาน
เจ้าชายจักรพันธ์ เจ้าชายจักรพรรดิ เจ้าชายจักรภพ เจ้าหญิงศรีจิตรา
พระเลขาฯจินตหราและพระเลขาฯจอห์น จึงมาประชุมร่วมกัน
ทั้งหมดยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ตั้งรหัสเกี่ยวกับเหตุการณ์
นี้ว่า 202 พระเลขาฯจินตหราสรุปสิ่งที่น่าพิจารณาไว้ดังนี้
"อย่างแรกคือการตั้งใจลอบปลงพระชนม์ แต่น่าจะเน้นที่กษัตริย์หลุยส์
ส่วนกษัตริย์โพสี น่าจะเป็นตัวแถม อย่างที่สองเกิดในช่วงงานฉลองพระยศ
ที่มีชาวเน็ตถ่ายทอดสดกันหลายช่อง ก็น่าจะอยากให้รับรู้โดยทั่วกัน
อย่างที่ 3 มีคนหายไปสองคนคือเจ้าชายบันทูและเด็กหนุ่มที่ชื่อสีทันดร"
พระเลขาฯจอห์นให้ข้อมูล "อรชุนเคยมีแผนที่จะลอบปลงพระชนม์กษัตริย์หลุยส์
หลายครั้ง แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่โชนหนานที่โชกุนโพ ไม่น่าจะสั่งการอะไรได้
ที่พระราชวังวริศราก็มีกลุ่มอำนาจใหม่ขึ้นมาคือปานฑพกับฟ้าดาษ
ซึ่งก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรแบบนี้"
ตอนนั้นเยอบีร่ามาถึงพอดี เธอมาพร้อมกับชุดราตรีสีส้มสุดอลังการ
มีกาก้ามาช่วยถือหาง "ขอคารวะเจ้าชายเจ้าหญิงและพระเลขาฯ
ทุกท่านนะคะ" เยอบีร่ากล่าวอย่างนอบน้อมก่อนจะนั่งลง
เจ้าหญิงศรีจิตราพูดขึ้นว่า "จากที่จินตหราสรุปประเด็นมา สิ่งที่น่าสงสัย
ก็คือคนที่หายไปค่ะ ตอนนั้นสีทันดรอยู่ด้านนอก เจ้าชายบันทูอยู่ด้านใน
และน่าจะหายไปก่อนการลอบปลงพระชนม์ หญิงสนใจในประเด็นนี้มาก
จากการศึกษาข้อมูลพบว่าควีนเยอบีร่าเป็นคนใกล้ชิดกับสีทันดร
เลยเชิญมาวันนี้ด้วยค่ะ ให้ควีนเยอบีร่าช่วยวิเคราะห์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวค่ะ"
เยอบีร่ากล่าวว่า "สำหรับสีทันดร ดิฉันขอแยกเป็นสองส่วนนะคะ
ส่วนแรกคือส่วนรูปร่างหน้าตา หน้าหล่อสไตล์นี้กับหุ่นที่ล่ำแบบนี้ ดิฉันคิดว่า
เป็นรูปแบบเดียวกับทหารรับใช้ที่นายพลชวนคัดเลือกไปค่ะ ดิฉันมีรูปให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ"
เยอบีร่าส่งแฟ้มให้ที่ประชุมดู "หน้าตามักจะไปในทางเดียวกันหมด
หุ่นก็จะมีกล้ามในลักษณะที่คล้าย ๆ กัน ผิวก็ค่อนข้างขาวกันทุกคนค่ะ"
เจ้าขายจักรพันธ์ถามขึ้น "คุณกำลังจะบอกว่านายพลชวนเป็นเกย์เหรอครับ"
"เออ ... ค่ะ แต่เป็นเกย์ที่ยังปรับตัวไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงดี
ประกอบกับเกิดมาในครอบครัวทหาร ถูกเลี้ยงดูแบบทหาร นายพลชวนไม่สามารถ
หลุดกรอบของตัวเองไปได้ค่ะ อีกอย่างนายพลชวนคงไม่กล้ามีอะไรกับผู้ชาย
แม้ในใจจะอยาก สิ่งเดียวที่จะดูผู้ชายเปลือยได้ก็คือตอนลงโทษและทรมานค่ะ"
เจ้าชายจักรภพสงสัย "ทำไมคุณถึงปักใจเชื่อขนาดนั้นครับ"
"อ๋อ ดิฉันเปรียบเทียบกับทหารรับใช้ของอีกสามส่วนคือของนายพลรามัญ
นายพลแม็กและนายพลเฉิน ทหารรับใช้ของทั้งสามส่วนจะคละกันค่ะ
มีทั้งหล่อบ้างไม่หล่อบ้าง หุ่นก็หลากหลายมาก แล้วที่สำคัญ
ตอนเลือกทหารรับใช้ นายพลชวนถึงกับมาเลือกด้วยตัวเองเลยนะคะ
และเป็นการขอเลือกก่อนใครเพื่อนด้วย จึงได้แต่ตัวดี ๆ ไป ส่วนของอีกสามนายพล
เขาใช้สุ่มเอา ไม่เสียเวลามาเลือกหรอกค่ะ"
เจ้าชายจักรพันธ์ถามขึ้น "แล้วที่ลือกันว่าแกเจ้าชู้มาก มีผู้หญิงจำนวนมาก
มันคืออะไรครับ"
"น่าจะเป็นการปล่อยข่าวให้ลือกันไปในลักษณะนั้นค่ะ แกน่าจะไม่ค่อยมีอะไรกับผู้หญิงมากนัก
แต่ก็มีการนำผู้หญิงเข้าบ้านบ้างเพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย เรื่องลูก แกไม่น่าจะเคยมีเลยนะคะ
คุณวรรณาเองก็ถูกเก็บมาจากบ้านเด็กกำพร้าค่ะ ไม่ใช่ลูกจริง ๆ"
ข้อมูลจากเยอบีร่าทำให้ทุกคนถึงกับอึ้ง
"ดิฉันมีหลักฐานหมด จะทิ้งแฟ้มพวกนี้ไว้ที่นี่นะคะ ส่วนอีกเรื่องนึงของสีทันดรที่ดิฉันคิดว่า
ทุกท่านควรรู้ก็คือเขาเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบการถูกลงโทษและทรมานมาก ๆ เลยค่ะ"
"ยังไงครับ" พระเลขาฯจอห์นสงสัยมาก
"คือตอนไปช่วยกิจกรรมของชมรมคริสต์อ่ะค่ะ เขายอมเป็นพระเยซูตอนถูกทรมาน
เขายืนยันว่าให้ทรมานเขาจริง ๆ และตอนที่ไปร่วมกิจกรรมรอบกองไฟกับพวกลูกเสือวิสามัญอ่ะค่ะ
เขารับบทเป็นเชลยศึก เขาก็บอกพวกที่รับบททหารว่าให้ทรมานเขาจริง ๆ
แล้วล่าสุด ตอนที่เขาโดนครูสันต์ลงโทษโหดอ่ะค่ะ หลังจากนั้นดิฉันชวนเขาไปกินข้าว
เขาได้แต่ยิ้มแบบมีความสุขมากค่ะ ดูเหมือนกับว่าเขาสะใจมากที่ถูกลงโทษโหดต่อหน้าคนจำนวนมาก
อ่ะค่ะ" ทุกคนอึ้งกับข้อมูลของเยอบีร่า
"ดิฉันขอเล่าต่อนะคะ มาถึงตัวเจ้าชายบันทู รูปร่างหน้าตาของพระองค์ทรงอยู่ในโซนเดียวกับ
พวกทหารรับใช้ของนายพลชวนและสีทันดร ทรงหน้าตาหล่อ มีพระกล้ามและผิวขาวเนียน
แต่ที่ดิฉันไม่ทราบเลยก็คือพระองค์ทรงชื่นชอบการถูกลงโทษโหดต่อหน้าสาธารณชนรึเปล่าคะ"
"น่าจะใช่นะครับ" เจ้าชายจักรพรรดิกล่าวขึ้น "ผมเคยดูละครเวทีที่พระองค์ทรงเคยแสดง
ตอนเป็นนักศึกษา เรื่องทาสทมิฬ ตอนเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติโสฬส พระองค์ไม่ได้แสดงตัว
ว่าเป็นเจ้าชาย ทุกคนรู้จักพระองค์ในนามนายบันทู พระองค์รับบทเป็นทหารรับใช้
ช่วงท้าย ๆ ของเรื่องนี้ จะมีฉากที่นายพลฮวนทรมานทหารรับใช้
พระองค์ทรงถูกมัดโยงในรูปแบบตัว X ตรงหน้าเวที ตอนนั้นทรงสวมกางเกงในเพียงตัวเดียว
คนที่รับบทเป็นนายพลฮวนทรมานพระองค์จริง ๆ เสียงดังฟังชัดเพราะมีการติดไมค์ที่ขอบกางเกงในด้วย"
ขณะเล่าเจ้าชายจักรพรรดิอดคิดถึงหุ่นของเจ้าชายบันทูไม่ได้
แต่เจ้าชายจักรพรรดิไม่ได้เล่าหมด มีบางสิ่งที่พระองค์ปกปิดไว้
พระองค์เองได้ทรงสมัครไปออดิชันละครเวทีเรื่องนี้ด้วยในบททหารรับใช้
ทางทีมงานได้ประชาสัมพันธ์รับออดิชันบทนี้โดยระบุคุณสมบัติไว้ว่า
1. หน้าตาหล่อ
2. หุ่นดีมาก
3. ทนรับความเจ็บปวดได้เพราะจะมีฉากถูกทรมานและจะเป็นการเล่นจริงเจ็บจริงในทุกรอบ
เมื่อทรงเห็นประกาศ พระองค์ทรงสมัครทันที และต้องพบกับการออดิชันที่ค่อนข้างป่าเถื่อน
ทรงทราบในเวลาต่อมาว่าทีมงานทั้งหมดคือกลุ่มรุ่นพี่สุดโหดที่ชอบรับน้องโหด
แต่พอทางมหาวิทยาลัยปราบปรามอย่างจริงจัง ทางกลุ่มจึงจัดกิจกรรมแบบนี้
แต่ก็ยังคงแฝงความโหดเอาไว้ในทุกองคาพยพ
ต่อมาทราบว่ามีนักศึกษาชายมาออดิชันบทนี้กันประมาณ 25 คน
วันที่ไปรายงานตัว เจ้าชายจักรพรรดิรู้สึกว่าทุกคนดูดีเหมือนกันหมด
ทางทีมงานให้ไปรายงานตัวตรงสนามบอลเก่าที่อยู่ทางด้านหลัง
ซึ่งลับหูลับตาคนหน่อย ทีมงานบอกว่าอยากเช็คหุ่นและความอดทน
จึงขอให้ทั้งหมดถอดเสื้อผ้าออกให้หมดไม่เว้นแม้แต่รองเท้ากับถุงเท้า
ขอให้เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียว เจ้าชายจักรพรรดิรู้สึกตลกตรงที่ว่า
ละครเวทีเรื่องทาสทมิฬ ดูเหมือนผลิตขึ้นเพื่อเสียดสีการที่นายพลชวน
กดขี่ข่มเหงทหารรับใช้และไม่มีใครไปช่วยพวกเขาได้
แต่การออดิชันกลับเลียนแบบพฤติกรรมของนายพลชวน แล้วทำกับคนมาออดิชันเหมือน
เป็นทหารรับใช้ มันเหมือนกับว่า อำนาจนั้น ถ้าให้อยู่ในมือคนเลว
ไม่ว่าจะเป็นอำนาจล้นฟ้าหรืออำนาจอันน้อยนิด ก็สามารถใช้กดขี่ผู้อื่นอย่างเลือดเย็นได้
แต่พวกนายไม่เคยเจอคนอย่างกู คนที่หาความบันเทิงเริงรมย์กับการถูกกดขี่
อย่างเลือดเย็นได้ คนแบบพวกกูนี่แหละ อยู่รอดแน่ ๆ ไม่ว่ากูจะโดนแส้
โดนหวาย โดนต่อย โดนกระทืบ โดนทำทารุณกรรมต่าง ๆ นานา
สิ่งที่พวกชอบกดขี่กู ไม่เคยรู้เลยก็คือกูชอบ กูสะใจและกูมีความสุข
ธรรมชาติสร้างให้พวกกูอยู่รอดและรวมตัวกันได้เพื่อมากำจัดพวกที่ชอบกดขี่
ผู้อื่นในภายหลัง ดังนั้นทุกการกดขี่จะมีคนอยู่รอดเพื่อกลับมาแก้แค้นเสมอ
ถึงตอนนั้น ผู้แก้แค้นที่มีจริยธรรมก็จะอยู่รอด ส่วนผู้แก้แค้นที่ไม่มีจริยธรรม
ก็จะถูกกำจัดทิ้งอย่างเลือดเย็นเช่นกัน สิ่งนี้น่าจะคือสัจธรรมของชีวิตที่แท้จริง
พอทุกคนอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียวแล้ว ทางทีมงานก็ให้มาเข้าแถว
แล้วให้วิ่งรอบสนามบอล 2 รอบ ต่อจากนั้นให้มาตั้งแถวตอน
สั่งให้วิดพื้น 20 ครั้ง ตอนนี้จะเริ่มได้ยินเสียงว่ามีบางคนถูกทุบหลัง
วิดพื้นเสร็จ ก็เข้าแถวยืนตรง ทีมงานจะพูดว่าคนรับบททหารรับใช้
จะต้องแสดงต่อเนื่องคนเดียว 12 วัน ในขณะที่บทนายพลฮวน
จะมีสองคนเล่นสลับกัน ที่ใช้คนเดียวเล่นและโปรโมทว่าเล่นจริงเจ็บจริงนั้น
ก็เพื่อให้คนบางกลุ่มอยากมาดู ซึ่งการวางแผนในลักษณะนี้เพื่อทำให้เห็นว่า
คนที่รับบททหารรับใช้นั้นต้องรับบทโหดโดยแท้
ขณะกำลังยืนฟังทีมงานพูด ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งมาฟาดหน้าอกเจ้าชายจักรพรรดิ
อย่างแรง แล้วกระซิบข้างหูว่า "ยืนไม่ตรง" แต่นั้นเป็นเพียงข้ออ้าง
ทีมรับน้องโหดกลุ่มนี้ หาโอกาสกระทำรุนแรงกับคนอื่นได้ตลอด
เขาคงรู้สึกสะใจ โดยที่ไม่รู้ว่าคนที่โดนบางคนก็รู้สึกสะใจเหมือนกัน
และความเจ็บปวดที่พวกเขามอบให้ มันทำให้คนบางคนอยู่รอดไปอีกนาน
ก่อนจะกลับ ทีมงานเลือก 5 คนให้อยู่เย็น เขาบอกว่าจะให้อยู่เย็นสลับกันไป
เจ้าชายจักรพรรดิก็ไม่ทราบว่าจะกักตัวไว้ทำไม
วันที่สองที่มาออดิชันก็ยังคล้าย ๆ เดิม ทุกคนอยู่ในสภาพนุ่งกางเกงในตัวเดียว
มีกิจกรรมโหด ๆ เช่น วิ่งแบกซุง วิ่งลากยางรถยนต์ ดึงข้อและอีกมากมาย
เจ้าชายนับดู พบว่ายังอยู่กันครบ 25 คน แสดงว่าไอ้ 25 คนนี้เสพติดความโหดโดยแท้
แล้วทีมงานก็กักตัวไว้อีก 5 คนก่อนจะปล่อยคนอื่นกลับ
กิจกรรมวนเวียนอยู่อย่างนี้จนถึงวันสุดท้ายของการออดิชันรอบแรก
และเป็นวันที่เจ้าชายจักรพรรดิคือ 1 ใน 5 ที่ถูกกักตัวให้อยู่เย็น
ทั้ง 5 คนมายืนรวมกัน มีทีมงานมาบอกว่า
"ทางเราขอเช็คเรื่องกำลังใจและความกล้า เดี๋ยวเข้าไปในห้องนั้นทีละคนนะ"
พอถึงตาเจ้าชายเดินเข้าไป ในนั้นมีรุ่นพี่ผู้ชายโหด ๆ อยู่ถึง 7 คน
"มายืนตรงนี้ ยืนดี ๆ เอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย" ท่าบังคับก่อนโดนทรมาน
พอ 7 คนมายืนล้อม เจ้าชายก็โดนทั้งต่อย ฟาด ศอก ชก พอพวกมันเอากรรไกร
มาตัดกางเกงในออก ก็โดนเตะ ทุบ บีบ อัด จนน่วมไปหมด ถือว่าโหดมาก
สำหรับด่านนี้ พอเสร็จแล้วก็ไล่ให้ออกอีกประตูนึง พอออกไปก็มาเจอ
รุ่นพี่รูปหล่อรอต้อนรับอยู่คนเดียวกับข้าวของมากมายเต็มห้อง
"นี่คือสปอนเซอร์ของเราทั้งนั้น น้องเลือกหยิบได้เลย นี่ถุงครับ"
แล้วกูก็ต้องมาแก้ผ้า shopping มันคือตลกร้ายของโลกใบนี้
พอเสร็จแล้วรุ่นพี่รูปหล่อถึงเอากางเกงในมาแจกแล้วพูดว่า
"โปรดใส่กางเกงในก่อนออกจากห้องนะครับ"
และแล้ววันประกาศผลเข้ารอบ 5 คนก็มาถึง
ทีมงานประกาศผลในโรงละคร 25 หนุ่มยังมากันอย่างเหนียวแน่น
"เมื่อพี่ประกาศรายชื่อ 5 คนนี้ โปรดเดินขึ้นมาบนเวทีเลยนะคะ
นายสินธพ
นายสันติภพ
นายเพลิงภพ
นายจักรพรรดิ
และ
นายบันทู"