เหตุใดพระเจ้า
จึงทรงอนุญาตให้ความชั่วมีชัย?
——————
มุมมองคาทอลิกต่อธรรมล้ำลึกแห่งความทุกข์และความยุติธรรมของพระเจ้า
ปัญหาว่า “เหตุใดพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพและทรงความดีสูงสุด จึงทรงอนุญาตให้ความชั่ว ความทุกข์ และความอยุติธรรมดำรงอยู่ในโลกนี้?” เป็นหนึ่งในปัญหาทางเทววิทยาที่ท้าทายที่สุดตลอดมา
พระศาสนจักรคาทอลิก โดยอาศัยพระคัมภีร์ คำสอนของบรรดานักบุญ และการใคร่ครวญทางเทววิทยาอย่างลึกซึ้ง ได้ให้ความกระจ่างต่อธรรมล้ำลึกข้อนี้
บทความนี้จะพาท่านพินิจพิเคราะห์ถึงธรรมชาติของความชั่ว มนุษย์และเสรีภาพของตน คุณค่าของความทุกข์ในแง่ไถ่บาป และแผนการสูงสุดของพระเจ้าในความยุติธรรมและการฟื้นฟูทุกสิ่ง
ภาคที่ ๑ ธรรมชาติของความชั่ว: ความพร่องแห่งความดี
๑. ความชั่วไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น
นักบุญออกุสตินได้สอนว่า ความชั่วหาใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นไม่ หากแต่เป็น “ความพร่อง” หรือ “ความบิดเบี้ยว” ของความดี ดังเช่นความมืด คือการขาดแสงสว่าง
ความชั่วจึงไม่มีตัวตนโดยตัวของมันเอง หากเป็นการเบี่ยงเบนหรือวิบัติของสิ่งที่ควรดีงาม
พระคัมภีร์:
“พระเจ้าทอดพระเนตรทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง และดูเถิด ทุกสิ่งนั้นดีมาก” (ปฐมกาล 1:31)
เพราะพระเจ้าทรงเนรมิตทุกสิ่งให้ดีแต่เดิม ความชั่วจึงมิใช่สิ่งที่ทรงสร้าง แต่เกิดจากสิ่งสร้างเบี่ยงเบนจากพระองค์
๒. ประเภทของความชั่ว
• ความชั่วทางศีลธรรม: เกิดจากการเลือกของมนุษย์ เช่น บาป ความอยุติธรรม ความโหดร้าย และความเสื่อมทราม
• ความชั่วทางธรรมชาติ: ความทุกข์จากโรคภัย ภัยพิบัติ และความเจ็บปวดในโลก ซึ่งสัมพันธ์กับธรรมชาติตกต่ำเพราะบาปกำเนิด
พระคัมภีร์:
“โดยคนผู้หนึ่งบาปจึงเข้ามาในโลก และโดยบาป ความตายก็ตามมา และความตายนี้ได้แพร่ไปถึงมนุษย์ทั้งหลาย เพราะทุกคนได้ทำบาป” (โรม 5:12)
ภาคที่ ๒ เสรีภาพของมนุษย์: ประตูเปิดสู่ทั้งความดีและความชั่ว
๑. เหตุใดพระเจ้าจึงทรงประทานเสรีภาพแก่มนุษย์
เพราะพระเจ้าทรงปรารถนาความรักแท้จากสิ่งสร้างของพระองค์ และความรักแท้ต้องเกิดจากการเลือกโดยเสรี หาใช่การบีบบังคับไม่
พระคัมภีร์:
“ดูเถิด เราวางชีวิตและความตาย พระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าเจ้า จงเลือกชีวิต เพื่อเจ้ากับลูกหลานของเจ้าจะได้มีชีวิต” (เฉลยธรรมบัญญัติ 30:19)
๒. ผลที่ตามมาของเสรีภาพ
ด้วยเสรีภาพ มนุษย์จึงรับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง หากเลือกบาป ความชั่วก็เกิดขึ้น พระเจ้ามิได้ทรงประสงค์ให้ความชั่วมีอยู่ แต่ทรงเคารพเสรีภาพที่พระองค์ประทาน
หากพระเจ้าทรงลบล้างความชั่วด้วยการทำลายเสรีภาพ มนุษย์ก็จะหมดโอกาสที่จะรักหรือกระทำความดีโดยเสรีเช่นกัน
ภาคที่ ๓ เหตุใดพระเจ้าจึงทรงอนุญาตให้ความชั่วดำรงอยู่: เพื่อความดีที่ยิ่งกว่า
๑. พระเจ้าทรงสามารถทรงบันดาลความดีจากความชั่วได้
ตัวอย่างสูงสุดคือ การทรงยอมให้พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขน ซึ่งเป็นความอยุติธรรมที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่กลับกลายเป็นเหตุแห่งความรอดของมนุษย์ทั้งมวล
พระคัมภีร์:
“พวกท่านวางแผนร้ายต่อข้าพเจ้า แต่พระเจ้าทรงเปลี่ยนให้เป็นผลดี เพื่อรักษาชีวิตของประชากรจำนวนมาก” (ปฐมกาล 50:20)
๒. ความทุกข์เป็นบททดสอบและหนทางสู่การเติบโตฝ่ายจิต
ความทุกข์ทำให้มนุษย์ฝึกฝนความเพียร ความถ่อมตน ความกล้าหาญ และความไว้วางใจในพระเจ้า
พระคัมภีร์:
“ความทุกข์ทำให้เกิดความเพียร ความเพียรทำให้เกิดความชอบธรรม และความชอบธรรมก่อให้เกิดความหวัง” (โรม 5:3-4)
บรรดานักบุญ เช่น นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา และนักบุญแม็กซีมีเลียน โคลเบ ได้ใช้ความทุกข์เป็นหนทางชำระจิตและแสดงความรักสูงสุด
ภาคที่ ๔ คุณค่าแห่งความทุกข์ในมิติไถ่บาป
๑. ความทุกข์ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้ามีความหมาย
พระเยซูเจ้าทรงรับเอาความทุกข์ไว้บนไม้กางเขน และทรงเชื้อเชิญเราร่วมแบกกางเขนของตนเอง
พระคัมภีร์:
“ใครที่ปรารถนาจะติดตามเราต้องปฏิเสธตนเอง แบกกางเขนของตน และติดตามเรา” (มัทธิว 16:24)
๒. การมีส่วนร่วมในการถวายบูชาของพระคริสตเจ้า
คาทอลิกเชื่อว่าความทุกข์สามารถถวายเป็นเครื่องบูชาเพื่อส่วนรวมได้ เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงบูชาพระองค์เองเพื่อโลก
ตัวอย่างเช่น นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูถวายความเจ็บปวดเป็น “พลีกรรมเล็กน้อย” เพื่อช่วยวิญญาณต่าง ๆ
ภาคที่ ๕ พระสัญญาแห่งความยุติธรรมสุดท้าย: ความชั่วจะมิได้มีชัยตลอดไป
๑. พระเจ้าทรงเป็นธรรมและจะทรงพิพากษาอย่างสมบูรณ์
แม้วันนี้ความชั่วดูประหนึ่งมีชัย แต่ในบั้นปลาย พระเจ้าจะทรงชำระโลกและปราบความชั่วให้หมดสิ้น
พระคัมภีร์:
“พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความทุกข์ร่ำไห้หรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีก เพราะสิ่งทั้งหลายเก่าผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4)
๒. นรก: ความยุติธรรมสำหรับผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้า
นรกคือผลของการเลือกหันหลังให้พระเจ้าอย่างเด็ดขาด มิใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ แต่เป็นผลของเสรีภาพที่มนุษย์เลือก
พระคัมภีร์:
“จงไปเสียจากเรา เจ้าผู้ถูกสาป แด่ไฟนิรันดร์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับปีศาจและสมุนของมัน” (มัทธิว 25:41)
๓. สวรรค์: ชัยชนะสูงสุดของความดี
สำหรับผู้ซื่อสัตย์แม้ต้องเผชิญความทุกข์ ความสุขนิรันดร์ในพระพักตร์พระเจ้ารอคอยอยู่ ชัยชนะของพระคริสตเจ้าคือความหวังของเรา
บทสรุป: ดำเนินชีวิตด้วยความหวังและความไว้วางใจในพระเจ้า
แม้โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์และความชั่วร้าย แต่สายตาคาทอลิกมองเห็นว่า:
๑. ความชั่วคือความบิดเบี้ยวของความดี มิใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง
๒. เสรีภาพนำมาซึ่งทั้งความรักแท้และความชั่วร้าย
๓. พระเจ้าทรงอนุญาตให้ความทุกข์มีอยู่ เพื่อความดีที่ยิ่งกว่า
๔. ความทุกข์มีความหมายหากเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า
๕. ในท้ายที่สุด ความชั่วจะพ่ายแพ้ และความยุติธรรมของพระเจ้าจะมีชัย
เราจึงได้รับการเชื้อเชิญให้ดำเนินชีวิตด้วยความหวัง ไว้วางใจในแผนการของพระเจ้า และเชื่อมั่นว่า
“ทุกสิ่งจะกลับกลายเป็นผลดีแก่ผู้ที่รักพระเจ้า” (โรม 8:28)
ความชั่วอาจมีอยู่ชั่วคราว แต่วันของมันนับถอยหลังแล้ว พระเมตตาและความยุติธรรมของพระเจ้าจะทรงพิพากษาและนำเราสู่ชีวิตนิรันดร์
เหตุใดพระเจ้า จึงทรงอนุญาตให้ความชั่วมีชัย?
จึงทรงอนุญาตให้ความชั่วมีชัย?
——————
มุมมองคาทอลิกต่อธรรมล้ำลึกแห่งความทุกข์และความยุติธรรมของพระเจ้า
ปัญหาว่า “เหตุใดพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพและทรงความดีสูงสุด จึงทรงอนุญาตให้ความชั่ว ความทุกข์ และความอยุติธรรมดำรงอยู่ในโลกนี้?” เป็นหนึ่งในปัญหาทางเทววิทยาที่ท้าทายที่สุดตลอดมา
พระศาสนจักรคาทอลิก โดยอาศัยพระคัมภีร์ คำสอนของบรรดานักบุญ และการใคร่ครวญทางเทววิทยาอย่างลึกซึ้ง ได้ให้ความกระจ่างต่อธรรมล้ำลึกข้อนี้
บทความนี้จะพาท่านพินิจพิเคราะห์ถึงธรรมชาติของความชั่ว มนุษย์และเสรีภาพของตน คุณค่าของความทุกข์ในแง่ไถ่บาป และแผนการสูงสุดของพระเจ้าในความยุติธรรมและการฟื้นฟูทุกสิ่ง
ภาคที่ ๑ ธรรมชาติของความชั่ว: ความพร่องแห่งความดี
๑. ความชั่วไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น
นักบุญออกุสตินได้สอนว่า ความชั่วหาใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นไม่ หากแต่เป็น “ความพร่อง” หรือ “ความบิดเบี้ยว” ของความดี ดังเช่นความมืด คือการขาดแสงสว่าง
ความชั่วจึงไม่มีตัวตนโดยตัวของมันเอง หากเป็นการเบี่ยงเบนหรือวิบัติของสิ่งที่ควรดีงาม
พระคัมภีร์:
“พระเจ้าทอดพระเนตรทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสร้าง และดูเถิด ทุกสิ่งนั้นดีมาก” (ปฐมกาล 1:31)
เพราะพระเจ้าทรงเนรมิตทุกสิ่งให้ดีแต่เดิม ความชั่วจึงมิใช่สิ่งที่ทรงสร้าง แต่เกิดจากสิ่งสร้างเบี่ยงเบนจากพระองค์
๒. ประเภทของความชั่ว
• ความชั่วทางศีลธรรม: เกิดจากการเลือกของมนุษย์ เช่น บาป ความอยุติธรรม ความโหดร้าย และความเสื่อมทราม
• ความชั่วทางธรรมชาติ: ความทุกข์จากโรคภัย ภัยพิบัติ และความเจ็บปวดในโลก ซึ่งสัมพันธ์กับธรรมชาติตกต่ำเพราะบาปกำเนิด
พระคัมภีร์:
“โดยคนผู้หนึ่งบาปจึงเข้ามาในโลก และโดยบาป ความตายก็ตามมา และความตายนี้ได้แพร่ไปถึงมนุษย์ทั้งหลาย เพราะทุกคนได้ทำบาป” (โรม 5:12)
ภาคที่ ๒ เสรีภาพของมนุษย์: ประตูเปิดสู่ทั้งความดีและความชั่ว
๑. เหตุใดพระเจ้าจึงทรงประทานเสรีภาพแก่มนุษย์
เพราะพระเจ้าทรงปรารถนาความรักแท้จากสิ่งสร้างของพระองค์ และความรักแท้ต้องเกิดจากการเลือกโดยเสรี หาใช่การบีบบังคับไม่
พระคัมภีร์:
“ดูเถิด เราวางชีวิตและความตาย พระพรและคำสาปแช่งไว้ต่อหน้าเจ้า จงเลือกชีวิต เพื่อเจ้ากับลูกหลานของเจ้าจะได้มีชีวิต” (เฉลยธรรมบัญญัติ 30:19)
๒. ผลที่ตามมาของเสรีภาพ
ด้วยเสรีภาพ มนุษย์จึงรับผิดชอบต่อการเลือกของตนเอง หากเลือกบาป ความชั่วก็เกิดขึ้น พระเจ้ามิได้ทรงประสงค์ให้ความชั่วมีอยู่ แต่ทรงเคารพเสรีภาพที่พระองค์ประทาน
หากพระเจ้าทรงลบล้างความชั่วด้วยการทำลายเสรีภาพ มนุษย์ก็จะหมดโอกาสที่จะรักหรือกระทำความดีโดยเสรีเช่นกัน
ภาคที่ ๓ เหตุใดพระเจ้าจึงทรงอนุญาตให้ความชั่วดำรงอยู่: เพื่อความดีที่ยิ่งกว่า
๑. พระเจ้าทรงสามารถทรงบันดาลความดีจากความชั่วได้
ตัวอย่างสูงสุดคือ การทรงยอมให้พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงกางเขน ซึ่งเป็นความอยุติธรรมที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่กลับกลายเป็นเหตุแห่งความรอดของมนุษย์ทั้งมวล
พระคัมภีร์:
“พวกท่านวางแผนร้ายต่อข้าพเจ้า แต่พระเจ้าทรงเปลี่ยนให้เป็นผลดี เพื่อรักษาชีวิตของประชากรจำนวนมาก” (ปฐมกาล 50:20)
๒. ความทุกข์เป็นบททดสอบและหนทางสู่การเติบโตฝ่ายจิต
ความทุกข์ทำให้มนุษย์ฝึกฝนความเพียร ความถ่อมตน ความกล้าหาญ และความไว้วางใจในพระเจ้า
พระคัมภีร์:
“ความทุกข์ทำให้เกิดความเพียร ความเพียรทำให้เกิดความชอบธรรม และความชอบธรรมก่อให้เกิดความหวัง” (โรม 5:3-4)
บรรดานักบุญ เช่น นักบุญเทเรซาแห่งกัลกัตตา และนักบุญแม็กซีมีเลียน โคลเบ ได้ใช้ความทุกข์เป็นหนทางชำระจิตและแสดงความรักสูงสุด
ภาคที่ ๔ คุณค่าแห่งความทุกข์ในมิติไถ่บาป
๑. ความทุกข์ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้ามีความหมาย
พระเยซูเจ้าทรงรับเอาความทุกข์ไว้บนไม้กางเขน และทรงเชื้อเชิญเราร่วมแบกกางเขนของตนเอง
พระคัมภีร์:
“ใครที่ปรารถนาจะติดตามเราต้องปฏิเสธตนเอง แบกกางเขนของตน และติดตามเรา” (มัทธิว 16:24)
๒. การมีส่วนร่วมในการถวายบูชาของพระคริสตเจ้า
คาทอลิกเชื่อว่าความทุกข์สามารถถวายเป็นเครื่องบูชาเพื่อส่วนรวมได้ เช่นเดียวกับที่พระคริสตเจ้าทรงบูชาพระองค์เองเพื่อโลก
ตัวอย่างเช่น นักบุญเทเรซาแห่งพระกุมารเยซูถวายความเจ็บปวดเป็น “พลีกรรมเล็กน้อย” เพื่อช่วยวิญญาณต่าง ๆ
ภาคที่ ๕ พระสัญญาแห่งความยุติธรรมสุดท้าย: ความชั่วจะมิได้มีชัยตลอดไป
๑. พระเจ้าทรงเป็นธรรมและจะทรงพิพากษาอย่างสมบูรณ์
แม้วันนี้ความชั่วดูประหนึ่งมีชัย แต่ในบั้นปลาย พระเจ้าจะทรงชำระโลกและปราบความชั่วให้หมดสิ้น
พระคัมภีร์:
“พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความทุกข์ร่ำไห้หรือความเจ็บปวดจะไม่มีอีก เพราะสิ่งทั้งหลายเก่าผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4)
๒. นรก: ความยุติธรรมสำหรับผู้ที่ปฏิเสธพระเจ้า
นรกคือผลของการเลือกหันหลังให้พระเจ้าอย่างเด็ดขาด มิใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ แต่เป็นผลของเสรีภาพที่มนุษย์เลือก
พระคัมภีร์:
“จงไปเสียจากเรา เจ้าผู้ถูกสาป แด่ไฟนิรันดร์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับปีศาจและสมุนของมัน” (มัทธิว 25:41)
๓. สวรรค์: ชัยชนะสูงสุดของความดี
สำหรับผู้ซื่อสัตย์แม้ต้องเผชิญความทุกข์ ความสุขนิรันดร์ในพระพักตร์พระเจ้ารอคอยอยู่ ชัยชนะของพระคริสตเจ้าคือความหวังของเรา
บทสรุป: ดำเนินชีวิตด้วยความหวังและความไว้วางใจในพระเจ้า
แม้โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์และความชั่วร้าย แต่สายตาคาทอลิกมองเห็นว่า:
๑. ความชั่วคือความบิดเบี้ยวของความดี มิใช่สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง
๒. เสรีภาพนำมาซึ่งทั้งความรักแท้และความชั่วร้าย
๓. พระเจ้าทรงอนุญาตให้ความทุกข์มีอยู่ เพื่อความดีที่ยิ่งกว่า
๔. ความทุกข์มีความหมายหากเรารวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า
๕. ในท้ายที่สุด ความชั่วจะพ่ายแพ้ และความยุติธรรมของพระเจ้าจะมีชัย
เราจึงได้รับการเชื้อเชิญให้ดำเนินชีวิตด้วยความหวัง ไว้วางใจในแผนการของพระเจ้า และเชื่อมั่นว่า
“ทุกสิ่งจะกลับกลายเป็นผลดีแก่ผู้ที่รักพระเจ้า” (โรม 8:28)
ความชั่วอาจมีอยู่ชั่วคราว แต่วันของมันนับถอยหลังแล้ว พระเมตตาและความยุติธรรมของพระเจ้าจะทรงพิพากษาและนำเราสู่ชีวิตนิรันดร์