โอ้พระเยซู ช่วยปิดประตูนรกด้วย--บุญราศีผู้รับทรมานด้วยรอยยิ้ม 😊😊

? ทำไมต้องทนทุกข์ทรมาน ?
โดย เรน อัลเลกรี
ย.อัศวิน ถอดความ



     ชีวประวัติและชีวิตฝ่ายจิตของบุญราศีอาแลสซานดรีนา มารีอา ดากอสตา (Blessed Alessandrina Maria da Costa) หญิงชาวโปรตุเกส🇵🇹 ผู้ต้องนอนทนทุกข์อยู่บนเตียงนอนยาวนานถึง 30 ปี และในช่วง13 ปีสุดท้าย ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการรับศีลมหาสนิทเพียงอย่างเดียว

     การสถาปนาคุณพ่อปีโอ (Padre Pio) เป็นนักบุญเมื่อเร็วๆนี้ ได้ก่อให้เกิดความสนใจในความศักดิ์สิทธิ์บางประการที่เต็มไปด้วยความลึกลับและปรากฏการณ์แปลกประหลาด ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นอำนาจสวรรค์ โดยเฉพาะ มีนักบุญหลายองค์ดูผิวเผินท่านดำรงชีวิตแบบบุคคลธรรมดา แต่ในส่วนลึกท่านชิดสนิทกับพระเป็นเจ้าและบำเพ็ญศีลภาวนาด้วยใจเร่าร้อน มีนักบุญบางองค์ได้รับพรสวรรค์เป็นพิเศษ เช่น เห็นภาพสวรรค์ ได้รับปิติสุขหยั่งรู้จิตใจผู้อื่น ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ และรักษาโรคด้วยพลังจิต นักบุญบางองค์ได้มีส่วนร่วมในมหาทรมานของพระเยซูเจ้า โดยมีรอยแผลปรากฏบนร่างกาย เช่นในกรณีของคุณพ่อปีโอที่มองเห็นบาดแผล บางองค์ไม่เห็นบาดแผล เช่น ในกรณีของนักบุญแคทเธอรีนแห่งซีเอนา (Saint Catherine of Siena)

     ลักษณะของบาดแผลเป็นได้หลายรูปแบบและปรากฏในส่วนต่างๆ ของร่างกาย จำนวนแผลก็อาจแตกต่างกันไป มีลักษณะเหมือนบาดแผลขององค์พระเยซูเจ้า ขณะทรงถูกทรมานและถูกตรึงกางเขน

     พระศาสนจักรคาทอลิกยอมรับความถูกต้องของปรากฏการณ์เหล่านี้ในบางกรณีเท่านั้น แต่ไม่เคยนิยามแหล่งกำเนิดหรือธรรมชาติ คงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแพทย์และจิตแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย ด้วยเหตุนี้บุคคลที่ได้รับปรากฏการณ์นี้ มักจะถูกมองด้วยความสงสัย กรณีของคุณพ่อปีโอเป็นตัวอย่าง แต่บัดนี้ คุณพ่อปีโอได้รับการสถาปนาเป็นนักบุญแล้ว รอยแผลและปรากฏการณ์อื่นๆ บนร่างกายท่าน จึงถือเป็นพรสวรรค์และพระพรพิเศษ สมเด็จพระสันตะปาปาเองยังทรงกล่าวว่าคุณพ่อปีโอรักและผูกพันกับพระเยซูผู้ถูกตรึงกางเขนอย่างแนบแน่น การมีรอยแผลประทับบนร่างกายเป็นเครื่องหมายแห่งการมีส่วนร่วมในมหาทรมานบนไม้กางเขนอย่างเป็นรูปธรรม

     การยอมรับความศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อปีโอโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรสวรรค์พิเศษต่างๆ ประจำตัวท่าน ได้ช่วยให้คุณลักษณะต่างๆ ของท่านเด่นชัดขึ้นมาก ในปัจจุบันมีผู้มีคุณลักษณะพิเศษคล้ายคลึงกันนี้อีกหลายท่าน ที่กำลังได้รับการพิจารณาเพื่อสถาปนาเป็นนักบุญอยู่

     คุณลักษณะพิเศษที่กำลังจะกล่าวถึงนี้เกิดกับหญิงชาวโปรตุเกส🇵🇹คนหนึ่ง ซึ่งสิ้นชีวิตในปี ค.ศ. 1955 ขณะมีอายุได้ 51 ปี เธอชื่อ อาแลสซานดรีนา มารีอา ดา กอสตา มีถิ่นพำนักอยู่ในเมืองบาลาซาร์(BALASAR) เมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ไม่ห่างจากเมืองฟาติมา (FATIMA) มากนัก การดำเนินชีวิตบนโลกนี้ของเธอไม่แตกต่างจากชีวประวัติของคุณพ่อปีโอเลยเรียกว่าคล้ายคลึงกันที่สุด อาแลสซานดรีนาไม่มีรอยแผลลึกลับบนร่างกาย แต่เธอต้องนอนทุกข์ทรมานอยู่บนเตียงนอนติดต่อกันยาวนานถึง 30 ปี เตียงนอนจึงเปรียบได้กับไม้กางเขนสำหรับเธอ เธอรื้อฟื้นภาพเหตุการณ์ขณะองค์พระเยซูเจ้ากำลังถูกทรมาน ขณะแบกกางเขนและถูกตรึงบนไม้กางเขนทำให้ผู้อยู่รอบข้างต้องตื่นตระหนก เธอสนทนากับพระเยซูทุกวันและทราบว่าพระเยซูทรงเลือกเธอให้ต้องทนทุกข์ทรมาน เพื่อช่วยไถ่โทษคนบาป

โคโลสี 1:24
บัดนี้ข้าพเจ้ายินดีที่ได้รับทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลาย ความทรมานของพระคริสตเจ้ายังขาดสิ่งใดข้าพเจ้าก็เสริมให้สมบูรณ์ด้วยการทรมานในกายของข้าพเจ้า เพื่อพระกายของพระองค์คือพระศาสนจักร

🤍 รักษาความบริสุทธิ์ด้วยชีวิต 🤍

     อาแลสซานดรีนา เกิดที่เมืองบาลาซาร์ (BALASAR) ในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1904 เป็นลูกสาวคนเดียว ฐานะของครอบครัวยากจน เธอเป็นคนเปิดเผย ร่าเริง มีบุคลิกภาพดี คุณแม่อบรมสั่งสอนเธอในเรื่องศาสนาอย่างซาบซึ้ง และได้มีโอกาสไปเรียนหนังสือในโรงเรียนเป็นเวลาเพียงหนึ่งปีครึ่ง พออายุย่างเข้า 8 ขวบ ก็เริ่มทำงานรับจ้าง เมื่ออายุย่างเข้า 12 ขวบ เกิดป่วยหนักจนแทบเอาชีวิตไม่รอด และเมื่ออายุย่างเข้าปีที่ 14 ก็ดูเป็นสาวเต็มตัว กิริยามารยาทงดงาม ชายหนุ่มคนหนึ่งหลงใหลในตัวเธอ จึงชวนเพื่อนชายอีกสองคนบุกขึ้นบ้านเพื่อหวังข่มขืนเธอ เธอไม่ยอมจึงปีนหน้าต่างแล้วกระโดดลงมาจากชั้นบนกระดูกสันหลังหักได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส เธอได้รับการรักษาพยาบาลอยู่นานถึงเจ็ดปี อาการไม่ดีขึ้น และกลายเป็นคนพิการได้แต่นอนบนเตียงเท่านั้น

     ในช่วงต้นๆ เธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้หายจากความเจ็บปวด เธอสวดภาวนาขอพระเป็นเจ้าโปรดประทานสุขภาพคืนให้เธอ แต่พอเธอรู้ว่าภาระหน้าที่ของเธอคือสู้ทนความทุกข์ทรมานด้วยความอดทน เธอจึงยอมรับความยากลำบากแสนสาหัสนี้ด้วยความเต็มใจ และดำเนินชีวิตด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มจนถึงเวลาสิ้นใจ

😇 ชีวิตแห่งการเพ่งพิศภาวนาระดับสูง 😇

     อาแลสซานดรีนา มารีอา ดากอสตา เป็นบุคคลที่มีกระแสจิตสูง ในช่วงสิบสามปีสุดท้ายของชีวิต เธองดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดโดยสิ้นเชิง บรรดาแพทย์ต่างพิศวงงงงวย พยายามมาตรวจร่างกายและวิเคราะห์สาเหตุด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อความกระจ่างชัดของเหตุการณ์นี้ ผู้ให้คำตอบได้แจ้งชัดที่สุด น่าจะเป็นคุณพ่อปาสกัลลีเบราตอเร ประธานผู้ยื่นขอสถาปนาเป็นนักบุญ ซึ่งท่านก็ได้กรุณาอธิบายสภาวะจิตของอาแลสซานดรีนา ไว้ดังนี้

     พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ได้ทรงอนุญาตให้อาแลสซานดรีนามีส่วนร่วมในมหาทรมานของพระเยซูคริสต์ เริ่มตั้งแต่สวนเกทเสมนี จนถึงตอนที่พระองค์ถูกตรึงกางเขน

     เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1983 พระเยซูคริสต์ตรัสกับเธอว่า ทรง “อนุญาตให้เธอมีส่วนร่วมในมหาทรมาน เริ่มจากสวนมะกอกไปจนถึงเนินเขากัลวารีโอ แต่ไม่ถึงตอนสิ้นพระชนม์” 

     อาแลสซานดรีนาเริ่มป่วยแบบต้องนอนอยู่บนเตียงเมื่อเธอมีอายุได้ 21 ปี และเป็นอยู่เช่นนั้นเป็นเวลายาวนานถึง 30 ปีติดต่อกันจนสิ้นใจ จากเดือนตุลาคม ค.ศ. 1938 ถึง มีนาคม ค.ศ. 1942 เป็นเวลาสามปีครึ่งมองเห็นได้ชัดเจนว่า เธออยู่ในสภาวะร่วมทนทุกข์ทรมานกับองค์พระเยซูคริสต์ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำกันทุกสัปดาห์ จำนวน 182 ครั้ง เริ่มจากวันพฤหัสบดีถึงวันศุกร์ ต่อจากนั้นปรากฏการณ์ที่แทบไม่เชื่อก็ตามมา คือ การงดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดเป็นเวลายาวนานถึง 13 ปี กับ 7 เดือน

❤️‍🩹 ความเจ็บปวดทางใจที่ร้ายกาจกว่าความเจ็บปวดทางกาย ❤️‍🩹

     เท่าที่เล่ามานี้ เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจากตัวเธอเอง แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากภายนอกคือเจ้าปีศาจที่คอยทำร้ายเธอในทุกวิถีทาง ด้วยการล่อลวงเธอบ้าง ทำร้ายร่างกายเธอบ้าง ผลักเธอให้หล่นจากเตียงนอนบ้าง ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านี้ยังไม่พอ ความไม่เข้าใจของมนุษย์ที่แปลพฤติกรรมแปลกประหลาดเหล่านี้ไปต่างๆนานา โดยมากไปในทางลบ แต่ถ้าจากบุคคลสามัญธรรมดาก็ยังพอทำเนา แต่จากบุคคลของพระศาสนจักรเองนี่สิ ได้สร้างความทุกข์ทรมานและความขมขื่นแก่เธออย่างสุดพรรณนา ได้แก่ การสอบสวนของคณะกรรมการอัครสังฆมณฑลบรากา (Archdiocese of Braga) ก่อให้เกิดคำสั่งลงนามโดยอาร์คบิชอป ห้ามทำโน่นทำนี่หลายอย่าง หลายประการ รวมทั้งแสดงความเคลือบแคลงสงสัยต่อเหตุการณ์แปลกประหลาดต่างๆ ที่เกิดขึ้นและร้ายแรงที่สุดคือคำสั่งย้ายพระสงฆ์วิญญาณรักษ์ของเธอ

     สภาพการอดอาหารและน้ำโดยสิ้นเชิง เป็นความจริงและมีประจักษ์พยานที่เห็นได้แจ้งชัดแต่ต้องกลับกลายเป็นทุกข์ทรมานอย่างเหลือเชื่อแพทย์สาขาไหนๆ นักจิตวิทยาหลายสำนักต่างแย่งชิงกันมาขอตรวจขอวิเคราะห์และทดสอบไม่หยุดหย่อน สร้างความปวดร้าวและรำคาญแก่เธอเป็นที่สุด

     ความทุกข์ทรมานเหล่านี้ย่อมต้องมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์แน่ชัด

🚪 เธอต้องการปิดประตูนรก 🚪

     ดังได้กล่าวมาแล้วในตอนต้น ภารกิจของอาแลสซานดรีนาคือการมีส่วนร่วมในมหาทรมานของพระเยซูคริสตเจ้า เพื่อปลุกโลกให้ตื่นเกี่ยวกับความชั่วร้ายของบาปและเร่งเร้าให้กลับใจ

     คุณพ่ออุมแบร์โต ปาสกัล (Father Umberto Pasquale) พระสงฆ์วิญญาณของเธอได้เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่ง ให้ชื่อว่า “เธอต้องการปิดประตูนรก” เนื่องจากท่านได้มีโอกาสอยู่ขณะที่อาแลสซานดรีนากำลังเข้าฌาน ได้ยินเธอพูดว่า “โอ้พระเยซู ช่วยปิดประตูนรกด้วย แล้วโปรดวางตัวดิฉันขวางไว้ตรงนั้นจนถึงวันสิ้นพิภพจนกว่าไม่มีคนบาปที่จะต้องช่วยให้กลับใจ”


✝️ คุณพ่ออุมแบร์โต ปาสกัล (Father Umberto Pasquale) พระสงฆ์วิญญาณของบุญราศีอาแลสซานดรีนา มารีอา ดากอสตา (Blessed Alessandrina Maria da Costa)

     สำหรับหลุมฝังศพของอาแลสซานดรีนา เธอต้องการให้เขียนข้อความบนศิลาจารึกดังนี้ “คนบาปทั้งหลาย ถ้าขี้เถ้าจากร่างกายของดิฉันสามารถมีส่วนช่วยท่านให้รับความรอดได้ จงเข้ามาใกล้ๆ แล้วย่ำเท้าลง จนมันกระจายไปได้เลย แต่ขออย่าทำบาปอีก อย่าทำร้ายพระผู้เป็นเจ้าของเราอีกเลย ขอให้กลับใจโปรดอย่าทำร้ายพระเยซู จงอย่าสูญเสียพระองค์ตลอดกาล พระองค์ท่านทรงดีเหลือเกิน ขอจงเลิกทำบาปจงรักพระเยซูมากๆ จงรักพระองค์”

     “ภารกิจของเธอคือ การมีส่วนร่วมในมหาทรมาน ของพระเยซูคริสตเจ้า เพื่อปลุกโลกให้ตื่นเกี่ยวกับความชั่วร้ายของบาปและเร่งเร้าให้กลับใจ”

     ภารกิจหลักของเธอ คือ ทำหน้าที่ร่วมกับพระเยซูเจ้ารับแบกบาปของมนุษยชาติ และชดเชยความผิดบาปโดยอาศัยการไถ่บาป มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่เธอนอนอยู่บนพื้นข้างเตียง ไม่มีใครสามารถยกเธอให้ขึ้นไปบนเตียงได้ ทั้งๆที่น้ำหนักตัวของเธอแค่ 30 กิโลกรัม มีคนถามเธอว่า ทำไมเป็นเช่นนั้น เธอตอบว่า “ไม้กางเขนของฉันแบกน้ำหนักของโลกไว้”

👀 อาแลสซานดรีนาเห็นภาพนิมิตบ่อยไหม? 👀

     ขอตอบว่า “บ่อย” เนื่องจากเธอดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระเยซูเจ้า จึงปรากฏเป็นอากัปกิริยาภายนอกเช่น การเข้าฌาน และสนทนากับพระเยซูคริสตเจ้าบ่อยๆ พระสงฆ์วิญญาณรักษ์แนะนำให้มีการบันทึกคำสนทนาระหว่างเข้าฌานไว้ (น้องสาวของเธอเคยทำหน้าที่บันทึก) เธอได้รับพรสวรรค์หลายๆอย่าง รวมทั้งการรักษาโรคทางร่างกายด้วย

🙏 ชีวิตฝ่ายจิตของเธอค่อนข้างไปทางการบำเพ็ญพรต 🙏

     การดำเนินชีวิตแบบบำเพ็ญพรต น่าจะเริ่มต้น จากการกระโดดหน้าต่างหนีผู้บุกรุก จนได้รับบาดเจ็บเป็นผู้พิการตลอดชีวิต ติดตามด้วยการปล่อยวางและยอมเสียสละทั้งครบ

     องค์พระคริสตเจ้าตรัสกับเธอว่า “เธอจะรู้สึกสบายน้อยครั้งมากน้อยจริงๆ จนกว่าชีวิตของเธอจะหาไม่หัวใจของเธออยู่ในความเจ็บปวด แต่ว่ารอยยิ้มจะปรากฏบนริมฝีปากของเธอ” และเธอก็ยินยอมรับความเสียสละด้วยความเต็มใจ คือความเจ็บปวดกับความชื่นชมยินดี คำวอนขอข้อหนึ่งของเธอคือ “ขอพระองค์โปรดประทานรอยยิ้มไว้บนริมฝีปากของดิฉันด้วยเถิด” ผู้มาพบเห็นต่างแปลกประหลาดใจในรอยยิ้มของเธอ โดยหารู้ไม่ว่าเธอกำลังเจ็บปวดแค่ไหน มีไม่กี่คนที่สามารถหยั่งรู้ถึงความเจ็บปวดที่แท้จริง ภายใต้รอยยิ้มของเธอ เธอจัดให้มีการระลึกถึงวันที่เกิดการเจ็บป่วยนี้ทุกปีและในปี ค.ศ. 1950 เธอฉลองวันครบรอบ 25 ปีที่นอนอยู่บนเตียง

🤔 ท่านคิดว่าการดำเนินชีวิตแบบทุกข์ทรมานนี้ยังเหมาะกับยุคสมัยของเราไหม? ผู้คนยังสนใจไหม? 🤔

     เมื่อความศักดิ์สิทธ์เป็นของแท้ และไม่ใช่เพียงปรากฏการณ์ภายนอก ของแท้จะไม่ถูกจำกัดด้วยกำหนดเวลา ถือเป็นปัจจุบันตลอดกาล นักบุญเกิดขึ้นได้เสมอ ท่านลองเอามือแตะที่หัวใจเวลาไหนเมื่อใดมันก็เต้นเช่นนั้นตลอดเวลา ฉันใดก็ฉันนั้นสำหรับผู้บำเพ็ญพรตและเป็นนักบุญ สามารถเกิดขึ้น และทำได้ทุกสมัยตลอดไปจนกว่าจะสิ้นพิภพ

     อาแลสซานดรีนา สร้างความประทับใจแก่ผู้คน โดยตนเองยอมทนทุกข์ทรมานเพื่อไถ่โทษแทนคนบาปทำนองเดียวกันกับคุณพ่อปีโอ ที่เพิ่งได้รับสถาปนาเป็นนักบุญเมื่อเร็วๆนี้ และถือว่าท่านเป็นคนในสมัยเดียวกับเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่