[CR] ประจวบฯ..เหมาะ "ปีนเขาแบบชิลๆ มาชมวิวแบบพาโนราม่า"

สำหรับผู้พิชิตยอดเขาทั้งหลาย ที่นี่อาจจะไม่ได้ยากหรือท้าทายอะไรมากนัก (ความเห็นส่วนตัว) หากแต่จะต้องรังเรื่องของวิธีการปีนสักเล็กน้อย
เนื่องจากที่นี่มีก้อนหินแหลมเรียงราย อาจเกิดอันตรายได้หากก้าวโดยไม่ระวัง
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถปีนขึ้นนี้ได้ ตอนเรามาเราเจอคุณแม่ผู้ทรงพลังอุ้มลูกน้อยไว้กับตัวเองและก็ปีนขึ้นลงอย่างสบาย

เราสองคนเคยมาเที่ยวที่จังหวัดประจวบแล้วก็หลายครั้ง ผ่านก็หลายครั้ง แต่ครั้งนี้เราตั้งใจมาเพื่อปีนเขาล้อมหมวกโดยเฉพาะ
เพราะวิวด้านบนนั้นสวยงามมาก มองแล้วก็คล้ายกับวิวของหมู่เกาะอ่างทอง จ.สุราษฎร์ธานี แต่ที่นี่เดินทางมาได้ไม่ไกลค่ะ
เราแวะไหว้พระที่วัดห้วยมงคลก่อน วัดใหญ่วัดดังที่หลายๆ คนก็น่าจะรู้จักดี เดินทางไม่ยาก เพราะมีป้ายบอกทางตลอด
ไหว้พระเรียบร้อยก็แวะทานอาหารเย็นกันก่อนที่ร้านเพลินสมุทร อยู่ตัวเมืองประจวบฯ ข้างโรงแรมหาดทอง อาหารรสชาติดีค่ะ
อิ่มแล้วก็มาพักเอาแรงกันก่อนที่จะปีนเขากันในวันรุ่งขึ้น เราพักที่ De Boutique Hotelเพราะที่นี่ไม่ไกลจากเขาล้อมหมวกมากนัก
เขาล้อมหมวก อยู่ในเขตของพื้นที่กองบิน 5 อ่าวมะนาว จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณเป็นภูหินปูน สูงประมาณ 900 ฟุต หรือ 300 เมตร
จากระดับน้ำทะเล บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระบรมสารีริกธาตุ และเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา
สามารถมองเห็นวิวทั้งสามอ่าวของจังหวัดประจวบฯ (อ่าวประจวบ,อ่าวน้อย,อ่าวมะนาว) อย่างสวยงามตระการตา

เขาล้อมหมวกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเวลา 8.00 น. – 18.00 น. (หากเกินจากนี้เจ้าหน้าที่จะไม่อนุญาตให้ขึ้นเขา)
ระยะเวลาในการพิชิตเขาล้อมหมวกอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งการเดินทางนั้นจะต้องเข้าไปภายในกองบิน 53 ก่อน
แล้วจะมีทางแยกไปเขาล้อมหมวกก่อนที่จะถึงอ่าวมะนาว เมื่อเลี้ยวเข้าทางแยกในกองบินก็ให้ขับตรงไปจนถึงตีนเขา
โดยสามารถจอดรถที่บริเวณนี้ จากนั้นก็จะพบกับศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกและฝูงค่างแว่นจำนวนมาก
สิ่งที่ต้องเตรียมและข้อควรปฏิบัติ เมื่อขึ้นเขาล้อมหมวก
1. สวมรองเท้าผ้าใบเท่านั้น
2. ควรสวมถุงมือ เพราะตั้งแต่ช่วงกลางเขา นักท่องเที่ยวจะต้องไต่เชือกขึ้นไป
3. น้ำดื่ม ไว้ดื่มแก้กระหายระหว่างทาง
4. ห้ามถ่ายภาพลงมาติดสนามบิน (รันเวย์) และตัวอาคารของเขตกองบิน 5 โดยเด็ดขาด
5. ห้ามทิ้งขยะบนยอดเขา เพื่อความสะอาดของพื้นที่

ขั้นตอนการพิชิตยอดเขา
1. ลงทะเบียนเพื่อพิชิตยอดเขา จะเปิดให้ลงทะเบียนและวัดความดัน ตั้งแต่เวลา  6.00 น. – 10.30 น.
2. ลงทะเบียนขอรับใบประกาศแห่งความทรงจำ โดยมีค่าธรรมเนียม 60 บาท (อันนี้ไม่บังคับค่ะ)
3. ปฎิบัติตามข้อควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

พร้อมแล้วก็ลุยกันเลยจ๊ะ...แต่เดินไปได้ไม่ไกลรองเท้าที่ใส่มาดันขาดเฉย ต้องยืมรองเท้าเจ้าหน้าที่มาใส่ **เขินจุง**
เมื่อเราพิชิตยอดเขาได้เราจะได้ประกาศไว้เป็นที่ระลึกด้วยนะทุกคน อย่างเท่ห์เลย
ที่เท่ห์กว่านั้นคือสภาพรองเท้าของดิฉันเองค่ะ ยับเยินมากๆ T.T
จบภารกิจปีนเขาอย่างที่ตั้งใจแล้ว เราก็รีบเช็คเอ้าท์เพื่อไปหาอะไรทานกันต่อ เรามาร้านอาหารข้างทางริมอ่าวประจวบ
ซึ่งไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก ชื่อร้านครัวลุงหมึก ป้าหลอด เค้ากำลังเปิดร้านพอดีก็จัดไปซะ เมนูทะเลกรุบกริบ ไม่น่าเชื่ออร่อยมาก
แถมยังราคาไม่แพงอีกด้วยเมื่อเทียบกับเพลินสมุทรเมื่อวานแล้ว ทานไปรับลมเย็นๆ ไป เลิศมากคะ

กินเสร็จก็แวะเที่ยวต่อ เราแวะไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานวิทยาศาสตร์
มีพื้นที่จัดแสดงทั้งหมดประมาณ 3,600 ตารางเมตร ภายในอาคารจัดแสดงนิทรรศการและจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่หลากหลายสมจริง
ตามระบบนิเวศของแหล่งน้ำทั้งแหล่งน้ำจืด แหล่งน้ำกร่อย และทะเล
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอนี้ ภายในแบ่งพื้นที่เป็น 6 ส่วน คือ ส่วนอัศจรรย์โลกสีคราม, ส่วนจากขุนเขาสู่สายน้ำ, ส่วนสีสันแห่งท้องทะเล,
ส่วนเปิดโลกใต้ทะเล, ส่วนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และส่วนกิจกรรมปฏิบัติการ
จบจากพิพิธภัณฑ์หว้ากอก็ไปต่อกันที่ "เขาหินเหล็กไฟ" กันเลยจ๊ะ
จุดชมวิว "เขาหินเหล็กไฟ" หรือที่ชาวหัวหินเรียกกันติดปากว่าเขาเรดาร์ สมัยก่อนคนเก่าแก่เรียกกันว่าเขาสี่ขีด เพราะถ้ามองขึ้นมาจากในตัวเมือง
จะมองเห็นหินก้อนใหญ่ตรงหน้าผามีขีดสีขาว ๆ เห็นแต่ไกล เป็นภูเขาขนาดไม่ใหญ่มาก ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองหัวหิน
และอยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 3 กม. เท่านั้น ยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 162 เมตร มีขนาดพื้นที่ 352 ไร่
บริเวณด้านบนเขาจะเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ซึ่งหันพระพักตร์มองลงไปยังตัวเมือง
ที่พระองค์ท่านทรงโปรด เมื่อครั้งเสด็จมาประทับ และได้ทรงนำความเจริญต่าง ๆ มาสู่หัวหิน ชาวหัวหินจึงได้ร่วมกันสร้างไว้
เพื่อเป็นที่รำลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณทั้งยังเป็นจุดที่บรรดานักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนขึ้นไปสักการบูชา
ที่นี่ชมฟรีไม่มีค่าเข้านะคะ แต่ต้องระวังหน่อยตรงบริเวณลานจอดรถจะมีฝูงลิงมาคอยต้อนรับเยอะมาก
หากให้อาหารแบบโลกสวยเราจะโดนลิงมันรุมเอาได้ อันตรายมากคะ อย่าให้เลยจะดีกว่าเนอะ...น้องไม่น่ารัก

ชมวิวเสร็จก็ลงมาเช็คอินนอนเล่นอีก 1 คืนที่หัวหิน และเดินกินอาหารอร่อย ๆ กันที่นี่
วันสุดท้ายของทริป เราแวะเที่ยว "โครงการชั่งหัวมัน" กันก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ 

เมื่อหลายปีก่อนเราเคยมาเที่ยวโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริแล้ว สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีอะไรมากมายแต่ก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจได้เหมือนกัน
มาคราวนี้ เราแวะมาเที่ยวชมโครงการอีกครั้ง โครงการหลวงทางการเกษตรของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีทัวร์ชมฟาร์มออร์แกนิกและร้านอาหาร
มีบริการจักรยานให้ปั่นชมบรรยากาศรอบๆ จริงๆ ที่นี่เป็นสถานที่ราชการ ใครจะเข้าออกต้องขออนุญาติ แต่ในหลวงรัชกาลที่ 9
ทรงอนุญาติให้ประชาชนเข้ามาเรียนรู้วิถีทางการเกษตรแบบผสมผสาน เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีมากๆ เลย หากใครอยากพาลูกหลานมาเที่ยวชมธรรมชาติ 
หรือแม้กระทั่งมาจัดอบรมสัมมนาเชิงเกษตร ที่นี่ก็เป็นอีกที่นึงที่มีความน่าสนใจมากๆ 

นอกจากนี้ยังมีนิทรรศการประวัติของโครงการด้วย ตั้งแต่เริ่มการก่อสร้าง แนวคิดและอื่นๆ รวมถึงมีสินค้าเกษตรโครงการหลวง
ที่สามารถซื้อนำกลับไปเป็นของฝาก และยังเป็นการแสร้างรายได้กลับสู่ชุมชมอีกด้วย
ก่อนเดินทางกลับเราเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อยเพื่อหลีกหนีการจราจร เราวิ่งมาทางราชบุรี และแวะหามื้อเย็นทานกันที่ร้าน “ส้มตำปลาเขื่อน”
ร้านนี้ติดป้ายก่อนถึงร้านเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่หัวหินกันเลย เราจึงขับรถตามป้ายมาเรื่อยๆ ด้วยความหิวจึงจัดหนักชุดใหญ่ 55++
เดินทางกลับบ้านพุงกาง...อย่างสบายใจ
ชื่อสินค้า:   เขาล้อมหมวก, กองบิน 5, ประจวบคีรีขันธ์
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่