
หลังจากที่เปิด 2023 Mazda2 โฉมปรับปรุงเล็ก ได้เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา
เมื่อประมาณกลางเดือนนี้ ทาง Mazda Sales ประเทศไทย ก็ได้จัดกิจกรรมเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบ New Mazda2 บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมระยะทางทั้งไปและกลับประมาณ 270 กม. (จาก Davin Café ไปกลับศูนย์ทดสอบ ATTRIC)

ซึ่งทีมงาน Pantip Garage เราได้ทดสอบเป็นรุ่น Skyactiv-G 1.3 SP (รุ่นท็อปตัวเบนซิน)

อย่างที่เพื่อนๆ หลายคนอาจจะทราบกันไปแล้วว่า การปรับโฉม 2023 Mazda2 นี้ เป็นการปรับที่เรียกว่า Facelift
ซึ่งจะเน้นที่ความหลากหลายในการดีไซน์ เพราะนอกจากมีตัวถังทั้งแบบ 4 และ 5 ประตูแล้ว ยังมีให้เลือกด้วยกัน 2 ดีไซน์ใหม่ คือ แบบ Sport Design และแบบ New Wave Design พร้อมรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่น กับ Rookie Drive และ Clap Pop ที่จะนำตัวล่างของเบนซินมาตกแต่งเพิ่มความแตกต่าง Mazda ยังบอกอีกว่าสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบรถตัวเองให้หลากหลายไม่ซ้ำใคร เพราะสามารถปรับได้ถึง 83 ดีไซน์ ทั้งรูปลักษณ์ การเลือกใช้สีภายนอกและภายใน รวมถึงอุปกรณ์ที่นำมาตกแต่งในแต่ละรุ่น

รูปลักษณ์ภายนอก ตัว 1.3 SP Sedan ที่ผมได้ขับ
จะมากับสไตล์ Sport Design กระจังหน้าดำ มีแถบแดงตรงกระจังหน้า

ล้อขอบ 15” สีเทา Gun Metallic
กระจกข้างทำสีดำ
และหลังคาเป็นสีดำ ที่ดูเหมือนลายแบบเคฟล่า

ส่วนด้านหลัง ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมาก นอกไปจากสปอยเลอร์ที่ติดตั้งบนฝากระโปรงหลัง

ภายในห้องโดยสาร ได้มีการตกแต่งเพิ่มเติม ได้แก่

กรอบช่องแอร์เป็นสีแดง
แผงคอนโซลหน้าวัสดุ Alcantara เดินด้ายแดง รวมไปถึงตรงวัสดุแผงประตู

เบาะนั่งเป็นวัสดุหนัง ตรงกลางเป็น Alcantara และมีลาย Dot สีแดงตรงกลาง

นอกจากนั้น ยังมีระบบ Mazda Connect ที่รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android AutoTM ผ่านหน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง ที่มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ขับสนุกปลอดภัยไร้กังวลตลอดการเดินทาง สัมผัสกับความสะดวกสบายในการขับขี่จากเทคโนโลยี i-Activsense อาทิ ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) ระบบภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 View Monitor) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน (LDWS) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและเบรกอัตโนมัติ (MRCC) กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง RCTA รวมถึงระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sport paddle shift ที่มอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ได้อย่างลงตัว
[SR] รีวิว 2023 Mazda2 Facelift แต่งหน้าทาปาก แต่ยังมี Driving Dynamic ที่ดีสุดในคลาส
หลังจากที่เปิด 2023 Mazda2 โฉมปรับปรุงเล็ก ได้เปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา
เมื่อประมาณกลางเดือนนี้ ทาง Mazda Sales ประเทศไทย ก็ได้จัดกิจกรรมเชิญสื่อมวลชนร่วมทดสอบ New Mazda2 บนเส้นทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (ATTRIC) จังหวัดฉะเชิงเทรา รวมระยะทางทั้งไปและกลับประมาณ 270 กม. (จาก Davin Café ไปกลับศูนย์ทดสอบ ATTRIC)
ซึ่งทีมงาน Pantip Garage เราได้ทดสอบเป็นรุ่น Skyactiv-G 1.3 SP (รุ่นท็อปตัวเบนซิน)
อย่างที่เพื่อนๆ หลายคนอาจจะทราบกันไปแล้วว่า การปรับโฉม 2023 Mazda2 นี้ เป็นการปรับที่เรียกว่า Facelift
ซึ่งจะเน้นที่ความหลากหลายในการดีไซน์ เพราะนอกจากมีตัวถังทั้งแบบ 4 และ 5 ประตูแล้ว ยังมีให้เลือกด้วยกัน 2 ดีไซน์ใหม่ คือ แบบ Sport Design และแบบ New Wave Design พร้อมรุ่นพิเศษอีก 2 รุ่น กับ Rookie Drive และ Clap Pop ที่จะนำตัวล่างของเบนซินมาตกแต่งเพิ่มความแตกต่าง Mazda ยังบอกอีกว่าสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบรถตัวเองให้หลากหลายไม่ซ้ำใคร เพราะสามารถปรับได้ถึง 83 ดีไซน์ ทั้งรูปลักษณ์ การเลือกใช้สีภายนอกและภายใน รวมถึงอุปกรณ์ที่นำมาตกแต่งในแต่ละรุ่น
รูปลักษณ์ภายนอก ตัว 1.3 SP Sedan ที่ผมได้ขับ
จะมากับสไตล์ Sport Design กระจังหน้าดำ มีแถบแดงตรงกระจังหน้า
ล้อขอบ 15” สีเทา Gun Metallic
กระจกข้างทำสีดำ
และหลังคาเป็นสีดำ ที่ดูเหมือนลายแบบเคฟล่า
ส่วนด้านหลัง ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมาก นอกไปจากสปอยเลอร์ที่ติดตั้งบนฝากระโปรงหลัง
ภายในห้องโดยสาร ได้มีการตกแต่งเพิ่มเติม ได้แก่
กรอบช่องแอร์เป็นสีแดง
แผงคอนโซลหน้าวัสดุ Alcantara เดินด้ายแดง รวมไปถึงตรงวัสดุแผงประตู
เบาะนั่งเป็นวัสดุหนัง ตรงกลางเป็น Alcantara และมีลาย Dot สีแดงตรงกลาง
นอกจากนั้น ยังมีระบบ Mazda Connect ที่รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android AutoTM ผ่านหน้าจอ Center Display แบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ควบคุมด้วย Center Commander พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย ระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมด้วยเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อมระบบบันทึกตำแหน่ง 2 ตำแหน่ง ที่มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ขับสนุกปลอดภัยไร้กังวลตลอดการเดินทาง สัมผัสกับความสะดวกสบายในการขับขี่จากเทคโนโลยี i-Activsense อาทิ ระบบควบคุมความเร็วคงที่ (Cruise Control) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติแบบ Advance (Advanced SCBS) ระบบภาพ 360 องศา รอบทิศทาง (360 View Monitor) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกจากเลน (LDWS) ระบบเตือนการชนด้านหน้าและเบรกอัตโนมัติ (MRCC) กระจกมองข้างปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลัง ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาในขณะถอยหลัง RCTA รวมถึงระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Sport paddle shift ที่มอบประสบการณ์ความสนุกสนานในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของรถรุ่นนี้ได้อย่างลงตัว
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม