== Asteroid City (2023) นครดาวเคราะห์น้อย..ของ เวส แอนเดอร์สัน.. ==



ออกี้ ช่างภาพสงครามคุณพ่อลูกสี่ ที่เพิ่งสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รัก กำลังขับรถผ่านทะเลทรายอันเวิ้งว้างตอนกลางของสหรัฐฯ 
แต่รถเจ้ากรรมดันเกิดมาเสียกลางทาง ขณะที่เขากำลังจะพาลูกไปยังงานชุมนุมนักวิทยาศาสตร์ระดับเยาวชน 
หากแต่พวกเขาก็เดินทางไปถึงจุดหมายและสถานที่แห่งนั้นที่เรียกว่า Asteroid City พวกเขาก็ได้พบกับผู้คนหลากหลาย.. 
นักแสดงหญิงเบื่อโลก.. กลุ่มนักเรียนตัวน้อยที่มาทัศนศึกษา.. ก๊วนคาวบอยอารมณ์ศิลปิน.. เหล่าทหารจากกองทัพ.. 
....รวมไปถึง มนุษย์ต่างดาว..???!!!



Asteroid City ผลงานล่าสุดของ เวส แอนเดอร์สัน เจ้าพ่อแห่งความสมมาตรในโลกภาพยนตร์ 
ซึ่งนำเสนอเรื่องราวในโลกย้อนยุคไปราว 1950 ซึ่งเรื่องเปิดหัวออกมาชัดเจนให้เราได้รับรู้ก่อนเลยว่า นี่คือละครซ้อนละคร .. 
โดยเริ่มเปิดเรื่องว่า ทุกอย่างที่เรากำลังจะได้ชมในภาพยนตร์ทั้งหมดมาจากนักเขียนบทคนนึงที่มีไอเดียพรั่งพรูออกมา 
และนักแสดงทุกคนก็เป็นนักแสดงละครเวทีที่เราจะได้เห็นผ่านภาพยนตร์เรื่องนี้...



แน่นอนครับหนังของ เวส แอนเดอร์สัน ทั้งที จะธรรมดาได้อย่างไร เหตุการณ์ในเรื่องจะสลับไปมาระหว่างโลกความเป็นจริง 
(คือเหตุการณ์ระหว่างการทำละครเวที) และโลกสมมุติ (ก็คือโลกในละครที่เราเห็นเป็นภาพยนตร์) 
นักแสดงแต่ละคนถือเป็นขาประจำของเจ้าตัวอยู่แล้ว ใครเป็นแฟนตัวยงของเวส ก็จะเห็นดาราที่เราคุ้นเคยประหนึ่งครอบครัวเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็น Jason Schwartzman.. Scarlett Johansson.. Edward Norton.. Tilda Swinton.. Adrien Brody.. Willem Dafoe
และ Jeff Goldblum (อันนี้คัดมาเฉพาะขาประจำ) มีดาราดังอีกมากครับ บางคนแวบเข้ามาและจากไปเฉยๆ ก็มี



เสียดายที่ Bill Murray ไม่ได้มาแจมในหนังเรื่องนี้ คือจริงๆเจ้าตัวได้รับบทเป็นผู้จัดการโมเตลไปแล้วนะครับ 
แต่ต้องถอนตัวเนื่องจากติดโควิท แต่นักแสดงระดับ VIP ขนาดนี้ และเป็นที่นับถือของเวสด้วย 
จะถอนตัวแบบไม่ให้มีส่วนร่วมเลยมันก็กระไรอยู่ เวสเลยเชิญให้บิลล์ มาเป็นนักแสดงรับเชิญสั้นๆ เพื่อโปรโมตหนังเรื่องนี้เลยครับ



เวส แอนเดอร์สัน เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากหนังเรื่อง The Grand Budapest Hotel (2014) 
ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครในด้านการนำเสนอ การจัดวางองค์ประกอบงานภาพที่เป็นสไตล์เฉพาะตัว 
สีพาสเทลที่ทำให้โลกในภาพยนตร์เหมือนอยู่ในความฝัน จนทำให้มีแฟนหนังที่เฝ้ารองานใหม่ๆจากเขาทั่วโลก (รวมทั้งผมด้วย) 
งานในยุคต้นเขาจะเน้นเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัวซะเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เป็นการเสียดสีสังคม 
และล่าสุดกับเรื่องนี้ Asteroid City หนังตลกกึ่งอภิปรัชญาถามหาความหมายของการมีชีวิตอยู่... ในจักรวาลนี้



บทสนทนาของนักแสดงทั้งในพาร์ทของความเป็นจริง และในหนังที่ทับซ้อนกันอยู่ บางครั้งดูแล้วอาจจะเหมือนเอ่ยออกมาแบบไม่มีที่มาที่ไป 
หากแต่ทุกอย่างนั้นกลับกลายเป็นปรัชญาที่ร้อยเรียงและเชื่อมโยงต่อถึงกันอยู่อย่างมีนัยยะ.. ถามว่าดูยากมั้ย.. 
ในส่วนตัวผมว่างานลำดับที่ 11 ของเวสเรื่องนี้ มีความนัยลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่มากที่สุดล่ะ 
หากว่าใครที่ไม่เคยดูหนังของเขามาก่อนและอยากจะเริ่มต้นดู ถ้ามาเจอเรื่องนี้ อาจจะทำให้แขยงและพาลไม่กล้าไปดูเรื่องอื่นของเขาเลยก็เป็นได้.. 



แต่ความที่มีอะไรซ่อนอยู่นี่ล่ะครับ จึงเป็นเสน่ห์ของผู้กำกับคนนี้จริงๆ 
ซึ่งผมอยากแนะนำแนวทางในการชมภาพยนตร์ของเวส แอนเดอร์สัน ครับว่า หากมีเวลาว่างๆ.. ควรดูหนังของเขาอย่างน้อย 2 รอบ ..
รอบแรก.. ดูเอาเนื้อเรื่องไปตามที่หนังนำเสนอครับ



และรอบที่ 2 .. ดูเอางานภาพ และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในฉากเบื้องหลังทั้งหมด
ซึ่งมีอะไรดีดีซ่อนอยู่มากจริงๆ และมันน่าเสียดายหากว่าคุณต้องพลาดอะไรไปแม้แต่นิดเดียว
แต่ไม่จำเป็นต้องดูติดกันนะครับ เว้นให้เวลาให้ตัวเองสักเดือนสองเดือนค่อยกลับมาดูใหม่อีกที
เพราะเราจะรู้สึกอิน และเต็มอิ่มกับมันมากขึ้นอย่างแน่นอน



เรื่องราวทั้งหมดเหมือนการจำลองโลกของเราใบนี้เปรียบกับเมืองเล็กๆอย่าง Asteroid City 
ที่ผู้คนหลากหลายที่มาและต่างความคิด แต่มาอยู่ร่วมกันในสถานการณ์ที่ยากจะอธิบาย ..
และความสับสนอลหม่านที่ว่านั้น...ก็ส่งมาถึงผู้ชมอย่างเราเช่นกัน... 

=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร 
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่