ตามหัวข้อเลยค่ะ เรามีความคิดนี้มาตั้งแต่ป.6แล้วค่ะ
เรื่องของเรื่องคือ เรามีปัญหาสะสมจากที่บ้าน ที่รร. แล้วก็ที่ตัวเองค่ะ ถ้าหนักสุดจนเรามีความคิดแบบนี้เลยคือ ปัญหาที่บ้าน
ปัญหาที่รร.ส่วนใหญ่ก็เรื่องการเรียนกับเพื่อนค่ะ เราเรียนห้องพิเศษ มันก็เรียนค่อนข้างหนัก แล้วการแข่งขันมันก็สูงมากๆ เราไม่ได้เรียนเก่งอะไรเลย แต่ก็พยายามหนักมาตลอด ง่ายๆก็มีพรแสวงค่ะ ส่วนเรื่องเพื่อนคือ สังคม(เฉพาะห้องเรา)เป็นสังคม ค่อนข้างไปทางที่ไม่ดี เหมือนกับว่า ต่างคนต่างอยู่ จับกลุ่มนินทากันและกันแล้วก็ไม่ชอบกันเองไรงี้ค่ะ แต่เราก็อยู่กลุ่มใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะเพื่อนในกลุ่มเฟรนลี่มากกว่าเป็นแบบนั้น
ปัญหาที่ตัวเราคือ เราเป็นคนคิดมาก อะไรนิดอะไรหน่อยก็คิด อาจจะเพราะช่วงวัยรุ่นด้วย แต่มันก็ค่อยๆดีขึ้นค่ะ เราเริ่มไม่ค่อยแคร์อะไรมาก ใช้ชีวิตไปวันๆ แฮปปี้มีความสุข ลั้นลากับชีวิต จนมันเริ่มหนักตอนเข้าม.1ค่ะ
ครอบครัวเราเป็นครอบครัวคนจีน(เสี้ยวหน่อยๆ) จากฝั่งพ่อ คนที่มีปัญหาบ่อยสุดก็คือเขาค่ะ เราเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชายที่ห่างปีครึ่ง น้องชายเราเขาถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ มีอะไรอยากได้อะไรก็ได้ ร้องนิดร้องหน่อยก็ได้แล้ว น้ำเสียงตอนคนในครอบครัวตอนคุยด้วยก็ดีค่ะ ไม่มีใครหยาบคายกับเขาเลย ส่วนเราจะไม่ได้เหมือนน้อง เราก็ถูกตามใจเหมือนกัน แต่ไม่เท่าน้อง อยากได้ก็ต้องเอาเกรดแลก น้ำเสียงตอนคุยกับเราก็เหมือนจะรำคาญเราตลอดเวลา สังคมที่อยู่มาตั้งแต่เด็กก็ไม่ได้ดีค่ะ เราเป็นคนที่พรแสวงค่อนข้างมาก อยากเป็นอยากเก่งอะไรก็พยายามหรือเริ่มตั้งแต่0 ต่างกับน้องเราที่มีพรสวรรค์ เก่งไปทุกอย่าง ฉลาดมากๆ เก่งมากๆ เรากับน้องเรียนที่เดียวกันตลอด ห้องเรียนก็ใกล้ๆกัน เวลาไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันบ่อย เวลามีสอบวิชาการอะไรก็ไปด้วยกัน และจะชอบโดนเปรียบเทียบค่ะ "เธอเป็นพี่ไม่ใช่หรอ ทำไมไม่เท่าน้องล่ะ" "ทำไมน้องเก่งกว่าพี่ล่ะ" แม้กระทั่งกับคนในครอบครัวเอง "ทำไมทำไม่ได้แบบน้องล่ะ น้องได้ที่เท่านี้เท่านี้เลยนะ ทำไมเราได้แค่นี้อ่ะ" จากที่เคยสนิทกัน เราเริ่มตีห่างจากน้องมากขึ้น เพราะเราคิดว่าเราไม่เก่งเท่าน้อง น้องทำอะไรก็ดีไปหมด เป็นแบบนี้มา5ปี แต่ก็กลับมาสนิทเหมือนเดิมแล้วค่ะ พอเริ่มโตพ่อก็เริ่มบังคับให้เรากับน้องทำในสิ่งที่เขาต้องการ เขาอยากให้เราเป็นหมอ เรียนจุฬาตั้งแต่มัธยมจนมหาลัย จบโทขึ้น เกรด4ทุกตัว ส่วนน้องก็อยากให้เป็นทหาร พอเรากับน้องบอกว่าไม่อยาก เขาก็จะทำน้ำเสียงไม่พอใจแล้วมาวีนใส่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พอเราขึ้นม.1 เรามีแฟน เราบอกแม่ เพราะตอนนี้เราสินทกับแม่ที่สุด แม่ก็ไม่ว่าอะไร พอเราบอกพ่อ เขาก็ด่าประมาณ เป็นเด็กเป็นเล็กมีแฟนได้ไง ไปตั้งแต่เรียน เราเลยตัดสินใจแอบคบเพื่อจะพิสูจน์ว่าการที่เรามีแฟน เราก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองด้อยลงนะ ช่วงม.1ต้องเรียนออนไลน์ ทำให้เรารู้สึกอยากลองเรียนโฮมสคูล(เป็นแค่ความคิดนะคะ) พอเราบอกพ่อ ว่า เนี่ย โฮมสคูลก็น่าเรียนนะ จบไวด้วย เผลอๆดีกว่าเรียนที่โรงเรียนอีก แล้วเขาโมโหอะไรไม่รู้ เหมือนคิดว่าเราจะโดดเรียนเพื่อไปทำเรื่องไร้สาระ แล้วก็ว่าเราสารพัด แล้วก่อนหน้านั้นเรามีภาวะซึมเศร้า เพราะเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว พอโดนแบบนี้มันเลยยิ่งหนัก แล้วเขาก็ยึดทั้งมือถือทั้งไอแพด ไม่ให้เราเรียนหรือทำงาน แล้วบอกว่า มันเป็นของเขา ไม่ต้องใช้ เราเสียใจมากๆ แล้วเรา-รีดแขนตัวเอง ตอนนั้นแม่จะเข้ามาคุยด้วย แม่เลยเห็น เราเลยรีบไปล้างแขนเพราะยังกลัวพ่อด่า พอพ่อเห็นเขาก็พูดว่า "ไปตายซะไป" แล้วก็เดินไป มันเป็นคำที่ฝังใจเรามากๆ และทุกครั้งที่เราเครียดหรือเศร้า เราจะนึกถึงคำนั้นแล้วคิดว่า หรือกูควรตายจริงๆวะ หลังจากวันนั้นเราให้แม่พาไปพบจิตแพทย์ ซึ่งก่อนหน้านั้น เราเคยขอแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าเราเป็นอะไร แถมยังโมโหใส่เราเพราะเราแค่บอกว่าตัวเองเหมือนจะมีปัญหา เราเลยไม่พูดเรื่องนี้จนถึงตอนนั้น พอผลวินิจฉัยออกมา ปรากฎว่าเราเป็นเป็นซึมเศร้าระยะที่2แล้ว แต่พ่อกัยแม่ก็ทำเหมือนเราไม่ได้เป็นอะไร แล้วเราก็ได้ไปพบแพทย์แค่2ครั้ง คือครั้งแรกที่ขอให้พาไป และนัดแรกที่หมอนัดไป จนถึงตอนนี้ผ่านมา2ปีก็ยังไม่ได้ไป ผ่านไป3เดือน พ่อถึงยอมคุยกับเราและขอโทษเราที่ทำแบบนั้น ส่วนชีวิตม.1เราก็นั่งๆนอนๆเรียนทั้งน้ำตา ซึม ไม่ได้ออกไปไหน พอขึ้นม.2 เราก็พยายามทำเกรดให้ดีแต่หลังจากนั้นเราก็ป่วยยาวไปเกือบครึ้งปี เราเป็นไมเกรน ไซนัสอักเสบ เลือดจาง มันทำให้เราปวดหัว เวียนหัวง่ายมาก เกรดของเราช่วงม.2เทอมแรกแย่มาก ม.2เทอม2เราเลยต้องมาเรียนหนักมากขึ้นเพราะเรียนไม่ทัน ฝืนไปรร.ทั้งที่ป่วยแบบนั้นนั่นแหละ แล้วเกรดก็ออกมาดีขึ้นจริงๆ แต่แลกมากับการที่เรากลับบ้านมาร้องไห้ทุกวัน กดดันตัวเองมากๆจนเราสลบเกือบไม่ฟื้น เราภูมิใจมากที่อย่างน้อยมันก็ดีขึ้น แต่ไม่ใช่กับพ่อเรา เขาบอกว่าพยายามแบบนั้นแล้วทำทำไมถ้าทำแล้วได้แค่นี้ เราก็กลับมาท้ออีกละ ตอนนั้นเราสมัครค่ายสอวน. ได้ไปถึงสสวท.ค่าย1 คนรอบข้างก็บอกว่าเราเก่งๆ แต่พ่อบอกว่าอืม เก่งละ คราวหน้าพยายามให้มากกว่านี้หน่อย มันจะดีใจก็ดีใจไม่สุด พอขึ้นม.3 เราตั้งใจเรียนมากๆ จนกดดันตัวเองเกินไป เรีนนอยู่ก็ร้องไห้ กลับบ้านมาก็ร้องไห้ รวมถึงเรื่องอื่นด้วย พึ่งเปิดเทอมได้แค่แป๊บเดียวเราก็มีปัญหากับพ่ออีกแล้ว แต่คราวนี้เป็นเรื่องผช. ในช่วงประถมห้องเรียนเราคือเราเป็นผญ.คนเดียวในห้อง ทำให้เราชอบสนิทกับผช.มากกว่า เรารู้สึกว่าอยู่กัยเพื่อนผช.มีเรื่องให้ลุ้นอยู่ตลอดดี ซึ่งเรื่องนี้พ่อก็รู้ ส่วนแฟนตั้งแต่ม.1 เราก็ยังคบอยู่จนถึงปัจจุบัน ช่วยกันเรียน เขาเก่งวิทย์-คณิต เราเก่งภาษา สังคม พวกเราก็ช่วยกันเรียน แถมเขาดูแลเราดีด้วยซ้ำ เวลาอยู่กัน2-2แทบไม่ค่อยมี เพราะส่วนใหญ่เราอยู่เป็นกลุ่ม จะมีอยู่ด้วย2คนแค่ตอนไปนั่งรอเพื่อนในกลุ่ม เพราะเราเดินมาด้วยกัน เราอยู่ด้วยกันแต่ละวันไม่เกิน15นาทีด้วยซ้ำ แล้วเขาก็เป็นคนที่ทำให้เราอยากเรียนพิเศษเพิ่ม ถึงแม้เราจะกดดันตัวเองจากการเรียน แต่อย่างน้อยเราก็มีเขาฮีลใจได้ แบ้วพ่อเราดันไปเห็นตอนที่เราเดินด้วยกัน หรือด้วยกัน แล้วเขาก็ไม่ฟังเราอธิบายหรือฟังเหตุผลเราเลย เขาเห็นแบบไหนเขาก็ตัดสินเราแบบนั้น เขาจำกัดแม้กระทั่งเพื่อนที่เราคบ ถ้าเขาเห็นเรามีเพื่อนผช. เขาไม่ฟังเราเลย จู่ๆเราก็โดนว่า แล้วถึงเราจะอยู่ในกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ เราก็ไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนขนาดนั้น เพราะเราต้องเรียน ตารางแน่น สอบแทบทุกวัน แล้วมันสะสมกับหลายๆเรื่องมากๆ แล้วที่บ้านก็ไม่มีใครฟังเราด้วย มันทำให้เราเครียดมากๆ จนเรารู้สึกว่า ช่าง
เถอะ กูพอแล้ว กูเหนื่อย รถสักคันมาชนกูที เราเหนื่อยมากๆ เราท้อมากๆ ต่อให้เราพยายามให้ดีแค่ไหนเราก็ผิด เราไม่มีวันทำให้พ่อเราพอใจได้ เพราะเราไม่ใช่น้องที่มีพรสวรรค์ ทำอะไรก็ดีไปหมด เรา
ก็แต่ลูกสาวที่สมควรแท้งไปตั้งแต่แรก เราไม่เคยขออะไรเขาเลย เขาอยากให้เขาก็ให้ เราขอเฉพ่ะที่มันจำเป็นจริงๆ เราดูแลตัวเองได้ เราไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ทำไมเขาถึงไม่ไว้ใจเราสักที เรามีปัญญาคิด ไม่ใช่ไหลตามเพื่อนไปทำในสิ่งที่ไม่ดี เราพยายามเข้าใจเขามาตลอดว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลเลย มันกลายเป็นว่า มีแค่เราที่พยายามปรับตัว ส่วนเขารอเฉยๆให้เราปรับตัวเข้ากับเขาให้ได้ เกิดเป็นเรามันผิดขน่ดนั้นเลยหรอ เราอยากสอบถามความเห็นของหลายๆคนค่ะ ว่าเราควรทำไงดี เราไม่อยากทำใจแล้ว เราอยากมันจบสักที เราเหนื่อยมากๆ ตอนนี้มีแค่ทางเดียวที่คิดว่ามันคือทางออก ขอบคุณค่ะ
อยากหลับไม่ตื่นค่ะ
เรื่องของเรื่องคือ เรามีปัญหาสะสมจากที่บ้าน ที่รร. แล้วก็ที่ตัวเองค่ะ ถ้าหนักสุดจนเรามีความคิดแบบนี้เลยคือ ปัญหาที่บ้าน
ปัญหาที่รร.ส่วนใหญ่ก็เรื่องการเรียนกับเพื่อนค่ะ เราเรียนห้องพิเศษ มันก็เรียนค่อนข้างหนัก แล้วการแข่งขันมันก็สูงมากๆ เราไม่ได้เรียนเก่งอะไรเลย แต่ก็พยายามหนักมาตลอด ง่ายๆก็มีพรแสวงค่ะ ส่วนเรื่องเพื่อนคือ สังคม(เฉพาะห้องเรา)เป็นสังคม ค่อนข้างไปทางที่ไม่ดี เหมือนกับว่า ต่างคนต่างอยู่ จับกลุ่มนินทากันและกันแล้วก็ไม่ชอบกันเองไรงี้ค่ะ แต่เราก็อยู่กลุ่มใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะเพื่อนในกลุ่มเฟรนลี่มากกว่าเป็นแบบนั้น
ปัญหาที่ตัวเราคือ เราเป็นคนคิดมาก อะไรนิดอะไรหน่อยก็คิด อาจจะเพราะช่วงวัยรุ่นด้วย แต่มันก็ค่อยๆดีขึ้นค่ะ เราเริ่มไม่ค่อยแคร์อะไรมาก ใช้ชีวิตไปวันๆ แฮปปี้มีความสุข ลั้นลากับชีวิต จนมันเริ่มหนักตอนเข้าม.1ค่ะ
ครอบครัวเราเป็นครอบครัวคนจีน(เสี้ยวหน่อยๆ) จากฝั่งพ่อ คนที่มีปัญหาบ่อยสุดก็คือเขาค่ะ เราเป็นลูกสาวคนโต มีน้องชายที่ห่างปีครึ่ง น้องชายเราเขาถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กเลยค่ะ มีอะไรอยากได้อะไรก็ได้ ร้องนิดร้องหน่อยก็ได้แล้ว น้ำเสียงตอนคนในครอบครัวตอนคุยด้วยก็ดีค่ะ ไม่มีใครหยาบคายกับเขาเลย ส่วนเราจะไม่ได้เหมือนน้อง เราก็ถูกตามใจเหมือนกัน แต่ไม่เท่าน้อง อยากได้ก็ต้องเอาเกรดแลก น้ำเสียงตอนคุยกับเราก็เหมือนจะรำคาญเราตลอดเวลา สังคมที่อยู่มาตั้งแต่เด็กก็ไม่ได้ดีค่ะ เราเป็นคนที่พรแสวงค่อนข้างมาก อยากเป็นอยากเก่งอะไรก็พยายามหรือเริ่มตั้งแต่0 ต่างกับน้องเราที่มีพรสวรรค์ เก่งไปทุกอย่าง ฉลาดมากๆ เก่งมากๆ เรากับน้องเรียนที่เดียวกันตลอด ห้องเรียนก็ใกล้ๆกัน เวลาไปไหนมาไหนก็ไปด้วยกันบ่อย เวลามีสอบวิชาการอะไรก็ไปด้วยกัน และจะชอบโดนเปรียบเทียบค่ะ "เธอเป็นพี่ไม่ใช่หรอ ทำไมไม่เท่าน้องล่ะ" "ทำไมน้องเก่งกว่าพี่ล่ะ" แม้กระทั่งกับคนในครอบครัวเอง "ทำไมทำไม่ได้แบบน้องล่ะ น้องได้ที่เท่านี้เท่านี้เลยนะ ทำไมเราได้แค่นี้อ่ะ" จากที่เคยสนิทกัน เราเริ่มตีห่างจากน้องมากขึ้น เพราะเราคิดว่าเราไม่เก่งเท่าน้อง น้องทำอะไรก็ดีไปหมด เป็นแบบนี้มา5ปี แต่ก็กลับมาสนิทเหมือนเดิมแล้วค่ะ พอเริ่มโตพ่อก็เริ่มบังคับให้เรากับน้องทำในสิ่งที่เขาต้องการ เขาอยากให้เราเป็นหมอ เรียนจุฬาตั้งแต่มัธยมจนมหาลัย จบโทขึ้น เกรด4ทุกตัว ส่วนน้องก็อยากให้เป็นทหาร พอเรากับน้องบอกว่าไม่อยาก เขาก็จะทำน้ำเสียงไม่พอใจแล้วมาวีนใส่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พอเราขึ้นม.1 เรามีแฟน เราบอกแม่ เพราะตอนนี้เราสินทกับแม่ที่สุด แม่ก็ไม่ว่าอะไร พอเราบอกพ่อ เขาก็ด่าประมาณ เป็นเด็กเป็นเล็กมีแฟนได้ไง ไปตั้งแต่เรียน เราเลยตัดสินใจแอบคบเพื่อจะพิสูจน์ว่าการที่เรามีแฟน เราก็ไม่ได้ทำให้ตัวเองด้อยลงนะ ช่วงม.1ต้องเรียนออนไลน์ ทำให้เรารู้สึกอยากลองเรียนโฮมสคูล(เป็นแค่ความคิดนะคะ) พอเราบอกพ่อ ว่า เนี่ย โฮมสคูลก็น่าเรียนนะ จบไวด้วย เผลอๆดีกว่าเรียนที่โรงเรียนอีก แล้วเขาโมโหอะไรไม่รู้ เหมือนคิดว่าเราจะโดดเรียนเพื่อไปทำเรื่องไร้สาระ แล้วก็ว่าเราสารพัด แล้วก่อนหน้านั้นเรามีภาวะซึมเศร้า เพราะเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว พอโดนแบบนี้มันเลยยิ่งหนัก แล้วเขาก็ยึดทั้งมือถือทั้งไอแพด ไม่ให้เราเรียนหรือทำงาน แล้วบอกว่า มันเป็นของเขา ไม่ต้องใช้ เราเสียใจมากๆ แล้วเรา-รีดแขนตัวเอง ตอนนั้นแม่จะเข้ามาคุยด้วย แม่เลยเห็น เราเลยรีบไปล้างแขนเพราะยังกลัวพ่อด่า พอพ่อเห็นเขาก็พูดว่า "ไปตายซะไป" แล้วก็เดินไป มันเป็นคำที่ฝังใจเรามากๆ และทุกครั้งที่เราเครียดหรือเศร้า เราจะนึกถึงคำนั้นแล้วคิดว่า หรือกูควรตายจริงๆวะ หลังจากวันนั้นเราให้แม่พาไปพบจิตแพทย์ ซึ่งก่อนหน้านั้น เราเคยขอแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าเราเป็นอะไร แถมยังโมโหใส่เราเพราะเราแค่บอกว่าตัวเองเหมือนจะมีปัญหา เราเลยไม่พูดเรื่องนี้จนถึงตอนนั้น พอผลวินิจฉัยออกมา ปรากฎว่าเราเป็นเป็นซึมเศร้าระยะที่2แล้ว แต่พ่อกัยแม่ก็ทำเหมือนเราไม่ได้เป็นอะไร แล้วเราก็ได้ไปพบแพทย์แค่2ครั้ง คือครั้งแรกที่ขอให้พาไป และนัดแรกที่หมอนัดไป จนถึงตอนนี้ผ่านมา2ปีก็ยังไม่ได้ไป ผ่านไป3เดือน พ่อถึงยอมคุยกับเราและขอโทษเราที่ทำแบบนั้น ส่วนชีวิตม.1เราก็นั่งๆนอนๆเรียนทั้งน้ำตา ซึม ไม่ได้ออกไปไหน พอขึ้นม.2 เราก็พยายามทำเกรดให้ดีแต่หลังจากนั้นเราก็ป่วยยาวไปเกือบครึ้งปี เราเป็นไมเกรน ไซนัสอักเสบ เลือดจาง มันทำให้เราปวดหัว เวียนหัวง่ายมาก เกรดของเราช่วงม.2เทอมแรกแย่มาก ม.2เทอม2เราเลยต้องมาเรียนหนักมากขึ้นเพราะเรียนไม่ทัน ฝืนไปรร.ทั้งที่ป่วยแบบนั้นนั่นแหละ แล้วเกรดก็ออกมาดีขึ้นจริงๆ แต่แลกมากับการที่เรากลับบ้านมาร้องไห้ทุกวัน กดดันตัวเองมากๆจนเราสลบเกือบไม่ฟื้น เราภูมิใจมากที่อย่างน้อยมันก็ดีขึ้น แต่ไม่ใช่กับพ่อเรา เขาบอกว่าพยายามแบบนั้นแล้วทำทำไมถ้าทำแล้วได้แค่นี้ เราก็กลับมาท้ออีกละ ตอนนั้นเราสมัครค่ายสอวน. ได้ไปถึงสสวท.ค่าย1 คนรอบข้างก็บอกว่าเราเก่งๆ แต่พ่อบอกว่าอืม เก่งละ คราวหน้าพยายามให้มากกว่านี้หน่อย มันจะดีใจก็ดีใจไม่สุด พอขึ้นม.3 เราตั้งใจเรียนมากๆ จนกดดันตัวเองเกินไป เรีนนอยู่ก็ร้องไห้ กลับบ้านมาก็ร้องไห้ รวมถึงเรื่องอื่นด้วย พึ่งเปิดเทอมได้แค่แป๊บเดียวเราก็มีปัญหากับพ่ออีกแล้ว แต่คราวนี้เป็นเรื่องผช. ในช่วงประถมห้องเรียนเราคือเราเป็นผญ.คนเดียวในห้อง ทำให้เราชอบสนิทกับผช.มากกว่า เรารู้สึกว่าอยู่กัยเพื่อนผช.มีเรื่องให้ลุ้นอยู่ตลอดดี ซึ่งเรื่องนี้พ่อก็รู้ ส่วนแฟนตั้งแต่ม.1 เราก็ยังคบอยู่จนถึงปัจจุบัน ช่วยกันเรียน เขาเก่งวิทย์-คณิต เราเก่งภาษา สังคม พวกเราก็ช่วยกันเรียน แถมเขาดูแลเราดีด้วยซ้ำ เวลาอยู่กัน2-2แทบไม่ค่อยมี เพราะส่วนใหญ่เราอยู่เป็นกลุ่ม จะมีอยู่ด้วย2คนแค่ตอนไปนั่งรอเพื่อนในกลุ่ม เพราะเราเดินมาด้วยกัน เราอยู่ด้วยกันแต่ละวันไม่เกิน15นาทีด้วยซ้ำ แล้วเขาก็เป็นคนที่ทำให้เราอยากเรียนพิเศษเพิ่ม ถึงแม้เราจะกดดันตัวเองจากการเรียน แต่อย่างน้อยเราก็มีเขาฮีลใจได้ แบ้วพ่อเราดันไปเห็นตอนที่เราเดินด้วยกัน หรือด้วยกัน แล้วเขาก็ไม่ฟังเราอธิบายหรือฟังเหตุผลเราเลย เขาเห็นแบบไหนเขาก็ตัดสินเราแบบนั้น เขาจำกัดแม้กระทั่งเพื่อนที่เราคบ ถ้าเขาเห็นเรามีเพื่อนผช. เขาไม่ฟังเราเลย จู่ๆเราก็โดนว่า แล้วถึงเราจะอยู่ในกลุ่มเพื่อนกลุ่มใหญ่ เราก็ไม่ได้ใช้เวลากับเพื่อนขนาดนั้น เพราะเราต้องเรียน ตารางแน่น สอบแทบทุกวัน แล้วมันสะสมกับหลายๆเรื่องมากๆ แล้วที่บ้านก็ไม่มีใครฟังเราด้วย มันทำให้เราเครียดมากๆ จนเรารู้สึกว่า ช่างเถอะ กูพอแล้ว กูเหนื่อย รถสักคันมาชนกูที เราเหนื่อยมากๆ เราท้อมากๆ ต่อให้เราพยายามให้ดีแค่ไหนเราก็ผิด เราไม่มีวันทำให้พ่อเราพอใจได้ เพราะเราไม่ใช่น้องที่มีพรสวรรค์ ทำอะไรก็ดีไปหมด เราก็แต่ลูกสาวที่สมควรแท้งไปตั้งแต่แรก เราไม่เคยขออะไรเขาเลย เขาอยากให้เขาก็ให้ เราขอเฉพ่ะที่มันจำเป็นจริงๆ เราดูแลตัวเองได้ เราไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ทำไมเขาถึงไม่ไว้ใจเราสักที เรามีปัญญาคิด ไม่ใช่ไหลตามเพื่อนไปทำในสิ่งที่ไม่ดี เราพยายามเข้าใจเขามาตลอดว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลเลย มันกลายเป็นว่า มีแค่เราที่พยายามปรับตัว ส่วนเขารอเฉยๆให้เราปรับตัวเข้ากับเขาให้ได้ เกิดเป็นเรามันผิดขน่ดนั้นเลยหรอ เราอยากสอบถามความเห็นของหลายๆคนค่ะ ว่าเราควรทำไงดี เราไม่อยากทำใจแล้ว เราอยากมันจบสักที เราเหนื่อยมากๆ ตอนนี้มีแค่ทางเดียวที่คิดว่ามันคือทางออก ขอบคุณค่ะ