ใช้บัตรเครดิตครั้งแรกยังไง พอดีเพิ่งเคยมีครับ

ขอสอบถามผู้รู้ว่าเราสามารถใช้บัตรในการเติมน้ำมัน ซื้อของใช้ทั่วไปในห้างได้ไหมและเวลาจ่ายคืนจะต้องจ่ายแบบไหน เป็นบัตรเครดิตวีซ่า แพทตินั่ม ขอบคุณครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เมื่อได้รับบัตรมาแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ด้านหลังบัตรจะมีสติกเกอร์ติดอยู่ ระบุเบอร์โทรศัพท์ที่จะต้องโทรไปแจ้งเปิดการใช้งาน
ให้โทรไปตามเบอร์นั้นก่อน เพื่อแจ้งให้ธนาคารผู้ออกบัตรรับทราบว่าเราได้รับบัตรแล้ว และยืนยันตัวตน จากนั้นถึงจะใช้งานได้
ก่อนจะเอาไปรูด ให้หาปากกามาเซ็นชื่อที่แถบหลังบัตรก่อน ลายเซ็นนี้จะต้องเหมือนกับที่เราให้ธนาคารไปตอนที่ทำบัตร

เวลาที่เอาไปใช้จ่ายเงิน ให้เอาบัตรให้ร้านค้า เขาจะเอาไปรูดกับเครื่อง จากนั้นจะมีสลิปออกมา แยกจากใบเสร็จของร้านค้า
ขึ้นอยู่กับบัตรแต่ละใบ เดี๋ยวนี้บางบัตรจะมีวงเงินขั้นต่ำที่อนุมัตเลยโดยผู้ใช้บัตรไม่ต้องเซ็นกำกับ (ของผม KTC, Citi อยู่ที่ 1500 บาท ถ้ารูดน้อยกว่านี้ไม่ต้องเซ็นสลิป)
ถ้ารูดมูลค่าสูง จะมีสลิปออกมา 2 ใบ ใบหนึ่งเราต้องเซ็นชื่อเพื่อยืนยันว่าเราซื้อสินค้านี้จริง ใบนี้จะมีพิมพ์ตรงท้ายสลิปว่า Merchant Copy เซ็นเสร็จแล้วใบนี้ร้านค้าเก็บ และอีกใบจะมีพิมพ์ตรงท้ายสลิปว่า Customer Copy ใบนี้ผู้ถือบัตรเก็บไว้
สลิป Customer Copy นี้ ควรเก็บไว้เพื่อตรวจสอบกับเอกสารสรุปยอดในแต่ละรอบเดือน ว่าตรงกันไหม จนกว่าจะจ่ายคืนธนาคารในรอบนั้นๆ ไปแล้ว

ในชุดจดหมายที่ส่งบัตรมา จะมีเอกสารแนบมาด้วย ที่จะระบุว่า บัตรใบนั้นสรุปรอบบัญชี (ตัดยอด)ที่วันที่เท่าไรของแต่ละเดือน และระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยกี่วัน
สมมติว่า เอกสารระบุว่า สรุปรอบบัญชีวันที่ 10 ของแต่ละเดือน ปลอดดอกเบี้ย 20 วัน
แสดงว่า ยอดใช้จ่ายระหว่างวันที่ 11 ของเดือนก่อน จนถึงวันที่ 10 ของเดือนนี้ จะถูกสรุปรวมเป็นยอดเดียวกัน และกำหนดให้จ่ายเงินในวันที่ 30 ของเดือนนี้
หลังจากวันที่ 10 แต่ก่อนวันที่ 30 จะมีจดหมายสรุปยอดในรอบเดือนนั้นมาให้ ในนั้นจะระบุยอดรวมทั้งหมด และยอดขั้นต่ำที่ต้องชำระ
การชำระเงิน อย่างน้อยๆ ต้องจ่ายเท่ายอดขั้นต่ำที่อยู่ในจดหมายนั้น (เรียกว่าจ่ายขั้นต่ำ - เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เดี๋ยวจะอธิบายอีกที) หรือเลือกที่จะจ่ายตามยอดรวมทั้งหมด (เรียกว่าชำระเต็มจำนวน - เป็นสิ่งที่ควรทำ)

ก่อนวันที่ 30 คุณจะต้องจ่ายเงินคืนให้ธนาคารผู้ออกบัตร ตามช่องทางที่เขาระบุไว้ในเอกสาร
ถ้าจ่ายเต็มจำนวน ก็เป็นอันว่ารอบนั้นจบกันไป ไม่มียอดคงค้าง ไม่มียอดที่ธนาคารจะเอาไปคิดดอกเบี้ยได้
แต่ถ้าจ่ายขั้นต่ำ ธนาคารจะเอายอด "ทั้งหมดที่ใช้ในรอบนั้น" ไปคิดดอกเบี้ย (ไม่ใช่ยอดที่เหลือ) และคิดดอกเบี้ยบวกเข้ามาในส่วนที่ต้องจ่ายในเดือนถัดไป ทับไปบนยอดที่จ่ายไม่ครบ และยอดที่เกิดขึ้นในรอบใหม่
และถ้าในงวดถัดไปจ่ายไม่ครบอีก ดอกเบี้ยก็จะทับทบต้นทบดอกไปเรื่อยๆ ในอัตราที่จัดว่าสูงมาก ทำให้เกิดปัญหาหนี้เกินความสามารถในการจ่ายได้เร็วมาก

แล้วถ้าวันที่ 30 คุณยังไม่จ่าย จะเริ่มเกิด เบี้ยปรับ และ ค่าติดตามทวงถาม บวกเข้ามาในยอดที่เรียกเก็บในรอบถัดไปอีก แถมมีภาษีมูลค่าเพิ่มของเบี้ยปรับและค่าติดตามเข้ามาอีกด้วย

กรณีจะรูดบัตรเพื่อผ่อนสินค้า จะมีอยู่ 2 แบบ คือ ผ่อนแบบ 0% ตามโปรโมชั่นของร้านค้า หรือ ผ่อนยอดกับบัตรแยกทีหลัง
แบบแรก ร้านค้าต้องมีโปรโมชั่นอยู่ ตอนรูดบัตรจะเป็นการทำรายการผ่อนจ่ายในทันที วงเงินรวมจะถูกกันออกไปเท่ากับราคาสินค้าทั้งหมด แต่ยอดเรียกเก็บที่เกิดขึ้นจะเอาราคาสินค้าหารตามจำนวนงวด แล้วเรียกเก็บทีละงวดจนครบจำนวนงวดที่เลือก
แบบที่สอง เป็นกรณีที่ร้านค้าไม่มีโปรโมชั่นผ่อน เราต้องโทรไปแจ้งกับบัตรเองว่าเราจะเลือกผ่อนยอดไหน กี่งวด แบบนี้จะมีดอกเบี้ยเกิดขึ้น แล้วแต่แต่ละบัตรว่าจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยอย่างไร

บัตรเครดิตส่วนใหญ่จะสามารถกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มได้ แต่ไม่ควรทำ เพราะการกดเงินสดไม่มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เริ่มคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่กดเลย และคิดในอัตราสูงสุดเท่าที่บัตรจะคิดได้ด้วย

เทคนิคในการใช้บัตรของผม..
- ทันทีที่ได้รับบัตรมา ตอนที่โทรไปเปิดการใช้งาน จะสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ตามวันตัดรอบที่ธนาคารกำหนดมานี้ จะต้องชำระเงินเมื่อไร ผมจะขอปรับวันตัดยอดให้วันจ่ายมาอยู่ช่วงต้นเดือน โดยเฉพาะสัปดาห์แรกของเดือน เหตุผลคือ เป็นช่วงที่เราเพิ่งได้รับเงินเดือน ยังมีเงินอยู่ในมือเต็มที่ ถ้าเราทำให้ทุกบัตรมาจ่ายในช่วงเวลาใกล้ๆ กันแบบนี้ เราจะยังมีเงินในมือที่จะจ่าย และโอกาสลืมจ่ายบัตรใดบัตรหนึ่งจะต่ำ
- จ่ายเต็มจำนวนทุกครั้ง
- จ่ายก่อนถึงวันชำระที่ธนาคารกำหนดทุกครั้ง จะให้ดีคือถ้าเราเลื่อนวันตามข้อแรกแล้ว หลังรับเงินเดือนสัก 2-3 วัน ก็จ่ายเลย
- ไม่ผ่อน 0% ถ้าไม่จำเป็น เพราะมันผูกพันเป็นเวลานาน เราไม่อาจคาดเดาอนาคตได้ว่าจะมีเดือนไหนที่เราต้องใช้เงินสดสูงกว่าปกติ
- ไม่รูดจนเต็มวงเงิน ใช้แอปธนาคารที่มีช่วยติดตามว่าเราใช้ไปเท่าไรแล้ว
- จำวันตัดยอดให้ดี ถ้าเลื่อนวันที่จะซื้อของไปรอบถัดไปได้ก็เลื่อนไป ยืดระยะเวลาถือเงินสดในมือได้อีกหน่อย
-
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่