เรียนรู้บทสนทนาภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน 40 บทต่อไปนี้เพื่อพัฒนาทักษะภาษาของคุณ รับรองว่าหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว ทักษะภาษาของคุณจะอัพเลเวลอย่างทันที อย่าลืมบันทึกไว้เพื่อสามารถเรียนรู้ในแต่ละวันนะ!
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ การเรียนรู้บทสนทนาทั่วไปจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ด้านล่างนี้คือ 40 บทสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐานที่ใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวัน ในการทำงาน และการเดินทาง ซึ่งจะช่วยให้คุณอัพเลเวลในเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น
บทสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐานในชีวิตประจำวัน
สวัสดีและลาก่อน
บทสนทนาที่ 1 – พูดคุยภาษาอังกฤษกับคนที่เพิ่งรู้จักกันในสถานการณ์ที่เป็นทางการ
Ms. Jasmine: Good afternoon, Ms. Brown! I’m Jasmine, Marketing Manager of A Group. It’s a pleasure to meet you.
สวัสดีค่ะ คุณ Brown ฉันชื่อ Jasmine ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ A Group ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
Ms. Brown: I’ve heard a lot about you. It’s a pleasure to meet you, too.
ฉันได้ยินมามากเกี่ยวกับคุณ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ
Ms. Jasmine: Shall we get down to business?
เรามาคุยเรื่องงานกันดีไหม?
Ms. Brown: Of course.
ได้ค่ะ
บทสนทนาที่ 2 – ลาก่อน แล้วเจอกันคราวหน้า
Jasmine: It’s been great talking to you, but I’ve got to get back to work.
(ดีใจที่ได้คุยกับคุณ แต่ฉันต้องกลับไปทำงานแล้วค่ะ)
Patrick: That’s alright. Shall we meet another day?
(ไม่เป็นไรครับ ไว้เจอกันวันหลังนะ?)
Jasmine: Sure! How about a coffee this weekend?
(ได้สิค่ะ! สุดสัปดาห์นี้กาแฟกันไหมคะ?)
Patrick: Sounds great! I’ll text you later.
(ฟังดูดีนี่! เดี๋ยวผมจะส่งข้อความถึงคุณในภายหลังนะครับ)
Jasmine: Great! I have to leave now. See you!
(เยี่ยมเลยค่ะ! ฉันต้องไปแล้ว แล้วเจอกันใหม่!)
Patrick: See you! Have a nice day!
(แล้วเจอกัน! ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะ!)
Jasmine: You too!
(คุณก็เช่นกันค่ะ!)
บทสนทนาภาษาอังกฤษในการแนะนำตัว
บทสนทนาที่ 1 – ถาม-ตอบ แนะนำตัวเองกับเพื่อนๆ
Tom: Patrick, this is John, my best friend.
(Patrick นี่คือ John เพื่อนที่ดีที่สุดของผมครับ)
Patrick: Nice to meet you! Tom always talked about you.
(ยินดีที่ได้รู้จักครับ! Tom พูดถึงคุณเสมอ)
John: I’ve heard a lot about you too.
(ผมก็ได้ยินเกี่ยวกับคุณมามากเหมือนกันครับ)
Patrick: Where are you from? When did you move here?
(คุณมาจากไหน คุณย้ายมาที่นี่เมื่อไหร่)
John: I’m from Hanoi, Vietnam. I moved here last month.
(ผมมาจากฮานอย เวียดนามครับ ผมย้ายมาที่นี่เมื่อเดือนที่แล้ว)
Patrick: You and Tam are at the same age, right?
(คุณกับ Tom อายุเท่ากันใช่ไหม)
John: Actually, I’m two years older. We joined the same book club.
(อันที่จริง ผมอยุมากกว่าเขา 2 ปีได้ เราเข้าชมรมหนังสือร่วมกันครับ)
Patrick: Oh, you like reading too?
(โอ คุณชอบอ่านหนังสือด้วยหรือ?)
John: Yes. I’m also into cycling and dancing.
(ใช่ครับ ผมชอบปั่นจักรยานและเต้นรำด้วยครับ)
Patrick: Nice! We should go cycling together someday.
(เยี่ยมเลยครับ! สักวันหนึ่งเราควรจะไปปั่นจักรยานด้วยกันนะ)
John: Why not?
(ทำไมจะไม่ล่ะ?)
บทสนทนาที่ 2 – ถาม-ตอบ แนะนำตัวเองระหว่างการสัมภาษณ์
Interviewer: Nice to see you here today! Can you tell us a little about yourself?
(ยินดีที่ได้พบคุณในวันนี้! คุณช่วยแนะนำตัวหน่อยได้ไหมครับ?)
Candidate: Yes. I’m Jasmine, a fresh graduate from Banking University. My major is Auditing. I have 2 years’ experience of working as an auditor intern at a large-sized auditing company in Thailand.
(ได้ค่ะ ฉันชื่อ Jasmine ฉันเพิ่งจบการศึกษาจาก Banking University วิชาเอกของฉันคือการตรวจสอบบัญชี ฉันมีประสบการณ์ 2 ปีในการทำงานเป็นผู้สอบบัญชีฝึกงานที่บริษัทตรวจสอบบัญชีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ไทย)
Interviewer: How would you describe yourself?
(คุณจะอธิบายตัวเองอย่างไร?)
Candidate: I see myself as a skilled, careful, and honest auditor. I also try my best in whatever I do.
(ฉันคิดว่าตัวเองเป็นผู้สอบบัญชีที่มีทักษะ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ฉันยังพยายามอย่างเต็มที่ในทุกสิ่งที่ฉันทำ)
Interviewer: What is your greatest weakness?
(จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณคืออะไร)
Candidate: My biggest weakness is that I sometimes get so caught up in the details. I’ve been trying to improve in this aspect by checking in with myself regularly and reminding myself to refocus on the big picture. This way I can still ensure the quality of my work without impacting my productivity.
(จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของฉันคือชอบความสมบูรณ์แบบ บางครั้งฉันก็เน้นรายละเอียดมากเกินไป ฉันก็พยายามปรับปรุงในแง่มุมนี้โดยการตรวจสอบกับตัวเองเป็นประจำ และเตือนตัวเองให้โฟกัสไปที่ภาพรวมของงาน ด้วยวิธีนี้ฉันจึงยังรับรองคุณภาพของงานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของฉัน)
Interviewer: Okay, thank you! Now let’s move on to some expertise-related questions!
(โอเค ขอบคุณครับ ตอนนี้เราไปต่อด้วยคำถามที่เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญกัน!)
บทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและชีวิต
บทสนทนาที่ 1 – พูดคุยกับคนที่ไม่ได้เจอมานานแล้ว
Lana: Oh, long time no see, John!
(โอ John ไม่เจอกันนานเลย!)
John: Long time no see! How are you doing?
(ไม่เจอกันมานานครับ พี่สบายดีไหม?)
Lana: I’m good. How about you?
(ฉันสบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะ?)
Long: I’m quite busy these days. It’s the end of the year.
(ช่วงนี้งานยุ่งหน่อยครับ จะสิ้นปีแล้ว)
Lana: I see.
(เข้าใจ)
บทสนทนาที่ 2 – พูดถึงคนอื่น
Jasmine: How is your brother, Michelle? I heard he’s in hospital.
(Michelle พี่/น้องชายของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ฉันได้ยินว่าเขาอยู่โรงพยาบาล)
Michelle: He broke his arm when playing football, but he’s okay now.
(เขาแขนหักขณะเล่นฟุตบอล แต่ตอนนี้เขาดีขึ้นแล้วครับ)
Jasmine: I’m sorry to hear that. I hope he will get well soon.
(ฉันเสียใจที่ได้ยินเช่นนั้น หวังว่าเขาจะหายดีในเร็วๆ นี้)
Michelle: Thank you!
(ขอบคุณครับ!)
บทสนทนาการขอบคุณและขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ
บทสนทนาที่ 1 – ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน
William: Stacy, I can’t thank you enough for helping me with my report. Without you, I would still be struggling with it right now.
(Stacy ผมขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะที่ช่วยผมทำรายงาน ถ้าไม่มีคุณ ผมก็คงลำบากกับมันในตอนนี้)
Stacy: Don’t mention it, William. You have helped me several times. It’s time to return the favor.
(ไม่เป็นไรค่ะ วิลเลียม คุณช่วยฉันมาหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาฉันต้องช่วยคุณสิ)
William: Are you free for some coffee this weekend? It’s on me. I want to ask you for some tips on writing a sales report.
(สุดสัปดาห์นี้คุณว่างดื่มกาแฟกันไหม ผมจะเลี้ยงเอง นะครับ อยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนรายงานการขายหน่อยครับ)
Stacy: Sounds great!
(ดีนะ!)
บทสนทนาที่ 2 – ขอบคุณสำหรับของขวัญ
Kate: Steven, thank you so much for the apple pie. It was so delicious. My family ate it all that afternoon.
(Steven ขอบคุณมากสำหรับพายแอปเปิ้ลค่ะ มันอร่อยมาก ครอบครัวของฉันกินหมดในบ่ายวันนั้นเลย)
Steven: Really? I thought it was a little too sweet.
(จริงหรือครับ ผมยังว่ามันหวานไปหน่อย)
Kate: We all have a sweet tooth, so it was perfect.
(เราทุกคนชอบของหวาน ดังนั้นมันจึงสมบูรณ์แบบเลยค่ะ)
Steven: Glad to hear that. It’s great when people enjoy what you make.
(ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นครับ เป็นเรื่องดีที่มีคนชอบสิ่งที่เราทำ)
บทสนทนาที่ 3 – ขออภัยที่ผิดนัด
Daniel: Jane, I’m so sorry for canceling the movie night with you last Friday.
(Jane ผมขอโทษมากที่ยกเลิกการดูหนังกับคุณเมื่อคืนวันศุกร์ที่แล้วครับ)
Jane: It would be easier to accept if you hadn’t stood me up for 30 minutes and then texted me that you couldn’t come.
(จะยอมรับได้ง่ายกว่านี้ถ้าคุณไม่ให้ฉันรอเป็นเวลา 30 นาที แล้วส่งข้อความหาฉันว่าคุณมาไม่ได้)
Daniel: I’m so sorry. There was an urgent incident at my work, so I was busy dealing with it.
(ผมขอโทษจริงๆครับ มีเหตุฉุกเฉินในที่ทำงานของผม ดังนั้นผมจึงต้องจัดการกับมัน)
Jane: Okay okay, I got it. But next time, please don’t forget your date.
(โอเค ฉันเข้าใจค่ะ แต่ครั้งหน้าอย่าลืมนัดของคุณด้วยล่ะ)
Daniel: There won’t be a ‘next time’.
(มันจะไม่เกิดขึ้นอีกครับ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษในโรงเรียน
บทสนทนาภาษาอังกฤษถามเกี่ยวกับบทเรียน
บทสนทนาที่ 1 – ถามเรื่องการบ้าน
Lee: Hey, what did Mr. Anderson give us as homework? I was busy taking notes.
(เฮ้ คุณ Anderson ให้เราทำการบ้านอะไรนะ ผมตั้งใจจดบันทึกอยู่)
Jasmine: Erm… let me see… Read the research from page 60 to page 67 and…erm… write a summary.
(เอิ่ม… รอหน่อย… อ่านงานวิจัยตั้งแต่หน้า 60 ถึงหน้า 67 และ…เอิ่ม… เขียนบทสรุปค่ะ)
Lee: Thanks a bunch! You’re the best!
(ขอบคุณมาก! คุณดีที่สุดรับ!)
บทสนทนาที่ 2 – ถามเกี่ยวกับบทเรียนที่พลาดไปเมื่อหยุดเรียน
Marie: Finally, you’re back! Where have you been? You were absent for 3 days.
(ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว! ไปที่ไหนมา หยุดไป 3 วันเลยนะ)
Thomas: I had some personal business to take care of. Anyway, what did I miss?
(ผมมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ อย่างไรก็ตาม ผมพลาดอะไรไปแล้ว)
Marie: 6 new lessons and many assignments.
(บทเรียนใหม่ 6 บทและการบ้านมากมาย)
Thomas: Oh, no! Can I have your notes of the lessons, please?
(โอ้ ไม่! ฉันขอจดบันทึกบทเรียนของคุณได้ไหมครับ)
Marie: Okay, wait a minute!
(โอเค รอสักครู่ค่ะ!)
Thomas: And the assignments too. Thanks a bunch!
(และบันทึกการบ้านด้วย ขอบคุณมากครับ!)
บทสนทนาภาษาอังกฤษ 40 บทที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน
หากคุณต้องการพัฒนาทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษ การเรียนรู้บทสนทนาทั่วไปจะเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ด้านล่างนี้คือ 40 บทสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐานที่ใช้กันทั่วไปในชีวิตประจำวัน ในการทำงาน และการเดินทาง ซึ่งจะช่วยให้คุณอัพเลเวลในเพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น
บทสนทนาภาษาอังกฤษพื้นฐานในชีวิตประจำวัน
สวัสดีและลาก่อน
บทสนทนาที่ 1 – พูดคุยภาษาอังกฤษกับคนที่เพิ่งรู้จักกันในสถานการณ์ที่เป็นทางการ
Ms. Jasmine: Good afternoon, Ms. Brown! I’m Jasmine, Marketing Manager of A Group. It’s a pleasure to meet you.
สวัสดีค่ะ คุณ Brown ฉันชื่อ Jasmine ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ A Group ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
Ms. Brown: I’ve heard a lot about you. It’s a pleasure to meet you, too.
ฉันได้ยินมามากเกี่ยวกับคุณ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ
Ms. Jasmine: Shall we get down to business?
เรามาคุยเรื่องงานกันดีไหม?
Ms. Brown: Of course.
ได้ค่ะ
บทสนทนาที่ 2 – ลาก่อน แล้วเจอกันคราวหน้า
Jasmine: It’s been great talking to you, but I’ve got to get back to work.
(ดีใจที่ได้คุยกับคุณ แต่ฉันต้องกลับไปทำงานแล้วค่ะ)
Patrick: That’s alright. Shall we meet another day?
(ไม่เป็นไรครับ ไว้เจอกันวันหลังนะ?)
Jasmine: Sure! How about a coffee this weekend?
(ได้สิค่ะ! สุดสัปดาห์นี้กาแฟกันไหมคะ?)
Patrick: Sounds great! I’ll text you later.
(ฟังดูดีนี่! เดี๋ยวผมจะส่งข้อความถึงคุณในภายหลังนะครับ)
Jasmine: Great! I have to leave now. See you!
(เยี่ยมเลยค่ะ! ฉันต้องไปแล้ว แล้วเจอกันใหม่!)
Patrick: See you! Have a nice day!
(แล้วเจอกัน! ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณนะ!)
Jasmine: You too!
(คุณก็เช่นกันค่ะ!)
บทสนทนาภาษาอังกฤษในการแนะนำตัว
บทสนทนาที่ 1 – ถาม-ตอบ แนะนำตัวเองกับเพื่อนๆ
Tom: Patrick, this is John, my best friend.
(Patrick นี่คือ John เพื่อนที่ดีที่สุดของผมครับ)
Patrick: Nice to meet you! Tom always talked about you.
(ยินดีที่ได้รู้จักครับ! Tom พูดถึงคุณเสมอ)
John: I’ve heard a lot about you too.
(ผมก็ได้ยินเกี่ยวกับคุณมามากเหมือนกันครับ)
Patrick: Where are you from? When did you move here?
(คุณมาจากไหน คุณย้ายมาที่นี่เมื่อไหร่)
John: I’m from Hanoi, Vietnam. I moved here last month.
(ผมมาจากฮานอย เวียดนามครับ ผมย้ายมาที่นี่เมื่อเดือนที่แล้ว)
Patrick: You and Tam are at the same age, right?
(คุณกับ Tom อายุเท่ากันใช่ไหม)
John: Actually, I’m two years older. We joined the same book club.
(อันที่จริง ผมอยุมากกว่าเขา 2 ปีได้ เราเข้าชมรมหนังสือร่วมกันครับ)
Patrick: Oh, you like reading too?
(โอ คุณชอบอ่านหนังสือด้วยหรือ?)
John: Yes. I’m also into cycling and dancing.
(ใช่ครับ ผมชอบปั่นจักรยานและเต้นรำด้วยครับ)
Patrick: Nice! We should go cycling together someday.
(เยี่ยมเลยครับ! สักวันหนึ่งเราควรจะไปปั่นจักรยานด้วยกันนะ)
John: Why not?
(ทำไมจะไม่ล่ะ?)
บทสนทนาที่ 2 – ถาม-ตอบ แนะนำตัวเองระหว่างการสัมภาษณ์
Interviewer: Nice to see you here today! Can you tell us a little about yourself?
(ยินดีที่ได้พบคุณในวันนี้! คุณช่วยแนะนำตัวหน่อยได้ไหมครับ?)
Candidate: Yes. I’m Jasmine, a fresh graduate from Banking University. My major is Auditing. I have 2 years’ experience of working as an auditor intern at a large-sized auditing company in Thailand.
(ได้ค่ะ ฉันชื่อ Jasmine ฉันเพิ่งจบการศึกษาจาก Banking University วิชาเอกของฉันคือการตรวจสอบบัญชี ฉันมีประสบการณ์ 2 ปีในการทำงานเป็นผู้สอบบัญชีฝึกงานที่บริษัทตรวจสอบบัญชีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ไทย)
Interviewer: How would you describe yourself?
(คุณจะอธิบายตัวเองอย่างไร?)
Candidate: I see myself as a skilled, careful, and honest auditor. I also try my best in whatever I do.
(ฉันคิดว่าตัวเองเป็นผู้สอบบัญชีที่มีทักษะ รอบคอบ และซื่อสัตย์ ฉันยังพยายามอย่างเต็มที่ในทุกสิ่งที่ฉันทำ)
Interviewer: What is your greatest weakness?
(จุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณคืออะไร)
Candidate: My biggest weakness is that I sometimes get so caught up in the details. I’ve been trying to improve in this aspect by checking in with myself regularly and reminding myself to refocus on the big picture. This way I can still ensure the quality of my work without impacting my productivity.
(จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของฉันคือชอบความสมบูรณ์แบบ บางครั้งฉันก็เน้นรายละเอียดมากเกินไป ฉันก็พยายามปรับปรุงในแง่มุมนี้โดยการตรวจสอบกับตัวเองเป็นประจำ และเตือนตัวเองให้โฟกัสไปที่ภาพรวมของงาน ด้วยวิธีนี้ฉันจึงยังรับรองคุณภาพของงานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของฉัน)
Interviewer: Okay, thank you! Now let’s move on to some expertise-related questions!
(โอเค ขอบคุณครับ ตอนนี้เราไปต่อด้วยคำถามที่เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญกัน!)
บทสนทนาเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพและชีวิต
บทสนทนาที่ 1 – พูดคุยกับคนที่ไม่ได้เจอมานานแล้ว
Lana: Oh, long time no see, John!
(โอ John ไม่เจอกันนานเลย!)
John: Long time no see! How are you doing?
(ไม่เจอกันมานานครับ พี่สบายดีไหม?)
Lana: I’m good. How about you?
(ฉันสบายดีค่ะ แล้วคุณล่ะ?)
Long: I’m quite busy these days. It’s the end of the year.
(ช่วงนี้งานยุ่งหน่อยครับ จะสิ้นปีแล้ว)
Lana: I see.
(เข้าใจ)
บทสนทนาที่ 2 – พูดถึงคนอื่น
Jasmine: How is your brother, Michelle? I heard he’s in hospital.
(Michelle พี่/น้องชายของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ฉันได้ยินว่าเขาอยู่โรงพยาบาล)
Michelle: He broke his arm when playing football, but he’s okay now.
(เขาแขนหักขณะเล่นฟุตบอล แต่ตอนนี้เขาดีขึ้นแล้วครับ)
Jasmine: I’m sorry to hear that. I hope he will get well soon.
(ฉันเสียใจที่ได้ยินเช่นนั้น หวังว่าเขาจะหายดีในเร็วๆ นี้)
Michelle: Thank you!
(ขอบคุณครับ!)
บทสนทนาการขอบคุณและขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ
บทสนทนาที่ 1 – ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงาน
William: Stacy, I can’t thank you enough for helping me with my report. Without you, I would still be struggling with it right now.
(Stacy ผมขอบคุณคุณมาก ๆ เลยนะที่ช่วยผมทำรายงาน ถ้าไม่มีคุณ ผมก็คงลำบากกับมันในตอนนี้)
Stacy: Don’t mention it, William. You have helped me several times. It’s time to return the favor.
(ไม่เป็นไรค่ะ วิลเลียม คุณช่วยฉันมาหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาฉันต้องช่วยคุณสิ)
William: Are you free for some coffee this weekend? It’s on me. I want to ask you for some tips on writing a sales report.
(สุดสัปดาห์นี้คุณว่างดื่มกาแฟกันไหม ผมจะเลี้ยงเอง นะครับ อยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนรายงานการขายหน่อยครับ)
Stacy: Sounds great!
(ดีนะ!)
บทสนทนาที่ 2 – ขอบคุณสำหรับของขวัญ
Kate: Steven, thank you so much for the apple pie. It was so delicious. My family ate it all that afternoon.
(Steven ขอบคุณมากสำหรับพายแอปเปิ้ลค่ะ มันอร่อยมาก ครอบครัวของฉันกินหมดในบ่ายวันนั้นเลย)
Steven: Really? I thought it was a little too sweet.
(จริงหรือครับ ผมยังว่ามันหวานไปหน่อย)
Kate: We all have a sweet tooth, so it was perfect.
(เราทุกคนชอบของหวาน ดังนั้นมันจึงสมบูรณ์แบบเลยค่ะ)
Steven: Glad to hear that. It’s great when people enjoy what you make.
(ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้นครับ เป็นเรื่องดีที่มีคนชอบสิ่งที่เราทำ)
บทสนทนาที่ 3 – ขออภัยที่ผิดนัด
Daniel: Jane, I’m so sorry for canceling the movie night with you last Friday.
(Jane ผมขอโทษมากที่ยกเลิกการดูหนังกับคุณเมื่อคืนวันศุกร์ที่แล้วครับ)
Jane: It would be easier to accept if you hadn’t stood me up for 30 minutes and then texted me that you couldn’t come.
(จะยอมรับได้ง่ายกว่านี้ถ้าคุณไม่ให้ฉันรอเป็นเวลา 30 นาที แล้วส่งข้อความหาฉันว่าคุณมาไม่ได้)
Daniel: I’m so sorry. There was an urgent incident at my work, so I was busy dealing with it.
(ผมขอโทษจริงๆครับ มีเหตุฉุกเฉินในที่ทำงานของผม ดังนั้นผมจึงต้องจัดการกับมัน)
Jane: Okay okay, I got it. But next time, please don’t forget your date.
(โอเค ฉันเข้าใจค่ะ แต่ครั้งหน้าอย่าลืมนัดของคุณด้วยล่ะ)
Daniel: There won’t be a ‘next time’.
(มันจะไม่เกิดขึ้นอีกครับ)
บทสนทนาภาษาอังกฤษในโรงเรียน
บทสนทนาภาษาอังกฤษถามเกี่ยวกับบทเรียน
บทสนทนาที่ 1 – ถามเรื่องการบ้าน
Lee: Hey, what did Mr. Anderson give us as homework? I was busy taking notes.
(เฮ้ คุณ Anderson ให้เราทำการบ้านอะไรนะ ผมตั้งใจจดบันทึกอยู่)
Jasmine: Erm… let me see… Read the research from page 60 to page 67 and…erm… write a summary.
(เอิ่ม… รอหน่อย… อ่านงานวิจัยตั้งแต่หน้า 60 ถึงหน้า 67 และ…เอิ่ม… เขียนบทสรุปค่ะ)
Lee: Thanks a bunch! You’re the best!
(ขอบคุณมาก! คุณดีที่สุดรับ!)
บทสนทนาที่ 2 – ถามเกี่ยวกับบทเรียนที่พลาดไปเมื่อหยุดเรียน
Marie: Finally, you’re back! Where have you been? You were absent for 3 days.
(ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว! ไปที่ไหนมา หยุดไป 3 วันเลยนะ)
Thomas: I had some personal business to take care of. Anyway, what did I miss?
(ผมมีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ อย่างไรก็ตาม ผมพลาดอะไรไปแล้ว)
Marie: 6 new lessons and many assignments.
(บทเรียนใหม่ 6 บทและการบ้านมากมาย)
Thomas: Oh, no! Can I have your notes of the lessons, please?
(โอ้ ไม่! ฉันขอจดบันทึกบทเรียนของคุณได้ไหมครับ)
Marie: Okay, wait a minute!
(โอเค รอสักครู่ค่ะ!)
Thomas: And the assignments too. Thanks a bunch!
(และบันทึกการบ้านด้วย ขอบคุณมากครับ!)