ทุกอย่างถูกกำหนดและออกแบบไว้แล้วอยู่ที่คนเชียร์ก้าวไกลจะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน

แม้จะบอกว่าเป็นระบบที่มันบิดเบี้ยวแค่ไหนก็ตาม

แต่หลังจากนี้สิ่งที่คุณจะได้อ่านคือความจริงที่กำลังทำเกิดขึ้น

ฝั่งไม่เอาก้าวไกลใช้ยุทธการ "แต่งตัวรอ"  รอจบเกมแบบนิ่ม ๆ

ให้พิธาได้รู้ตัวว่า ตนเองไม่มีทางจะฝ่าด่าน ส.ว. ไปได้ และมั่นใจว่า ไม่มีทางที่ ส.ว. จะโหวตให้พิธา  ก้าวไกล 60 กว่าเสียง  

และแม้ว่าเพื่อไทยจะเสนอชื่อ อุ๊งอิ๊ง เศรษฐา ชลน่าน มาเป็นนายก ก็จะไม่มีทางฝ่าด่าน ส.ว. ได้เช่นกัน
หากยังมีเงื่อนไขร่วมรัฐบาลกับก้าวไกล

จึงเป็นการบีบบังคับ ให้ต้องสลายขั้ว 8 พรรคร่วมที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อเวลานั้นมาถึง อะไรก็เกิดขึ้นได้

ซึ่งก้าวไกล ไม่สามารถไปร่วมกับ พปชร.  รทสช. ได้

ส่วนพรรคอื่น ไม่แน่ ?

ทางตันจะมาถึง

บรรดากองเชียร์ก้าวไกลที่รับไม่ได้ จะมีโอกาสชุมนุมโอบล้อมรัฐสภา

เมื่อถึงตอนนั้น สถานการณืจะเป็นเช่นไร  ยากจะคาดเดา  

เพราะมวลชนไม่มีแกนนำที่ชัดเจน  เป็นมวลชนที่มาด้วยใจ มาทุกทิศทาง  

แต่ รัฐบาลรักษาการ ก็สามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ตลอดเวลา  หากสถานการณ์เลวร้ายขั้นสุด


ทางแก้ไข คือ   ช่วงเวลาที่เหลือก่อนถึงวันโหวต

ส.ว. กับ ส.ส. ต้องพูดคุยกันว่าจะหาทางออกอย่างไร  แต่ที่ผ่านมา ยังไม่เห็นจุดนี้

ถ้า ส.ว. ยอมรับเสียงข้างมากของประชาชน คือเสียงของ 8 พรรคร่วม ณ ตอนนี้   ทุกอย่างก็จบ

หรือหาก ก้าวไกล รับได้ที่จะเป็นฝ่ายค้าน ทุกอย่างก็จบ  แต่มวลชนจะจบหรือไม่ ?

ป.ล. นี่ยังไม่นับเรื่องศาลนะ ที่จะพิจารณาอย่างไร

หลายด่านมาก