มองดูภาพ Sacred and Profane Love ของ Titian แล้ว ใครๆคงคิดอยู่มันคงเป็นเรื่องราวอะไรสักอย่างในเทพปกรณัมกรีก ยิ่งมีรูปสาวเปลือยและเด็กน้อยอยู่ คงคิดว่าคงเป็นเทพีวีนัสกับคิวปิดแน่ แต่เรื่องราวมันเป็นเช่นใดหนอ และมันก็ชวนให้คิดอีกว่าสองสาวนี้คือใคร มาทำอะไรกัน ลองเดาซิว่านี่อาจจะเป็นผู้หญิงชาวโลกคนนึงที่กำลังจะถูกเทพีเปลือยมากระทำการหรือบอกข่าวอะไรบางอย่าง หรือจริงๆแล้วคือคนเดียวกันแต่อยู่คนละกาลเวลา คนละมิติ หรือคนขวาจะเป็นวีนัสที่แปลงกายมาเป็นมนุษย์ในโลกมนุษย์เพื่อล่อลวงอะไรบางอย่างต่ออีกนางที่อยู่ตรงข้าม หรือว่าอาจเป็นพี่น้องที่มีนิสัยและความประพฤติตรงข้ามกัน หรือเป็นตัวแทนสัญลักษณ์อะไรก็ไม่รู้
เฉลยมาเถอะเร้ว บางคนอาจคิดแบบนี้
อยากจะเฉลยเหมือนกันแหละเพราะคนเขียนก็ยังไม่เข้าใจ และก็ยังไม่มีใครค้นพบว่ามันเกี่ยวข้องกับตอนไหนของนิยายเทพกรีก นั่นหมายความว่ามันไม่ได้เล่าเรื่องเทพปกรณัมที่ชาวโลกเข้าใจ ดังนั้นภาพนี้ก็เลยเป็นปริศนาให้พวกนักประวัติศาสตร์ศิลปะรวมหัวกันตีความไม่ออกอยู่จนทุกวันนี้
สิ่งที่อาจจะเป็นได้ก็คือ ภาพนี้น่าจะถูกวาดเพื่อฉลองการแต่งงาน หญิงคนซ้ายมือก็คือเจ้าสาวที่มีกามเทพและวีนัสมาอยู่เคียงข้างเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความงาม ซึ่งแนวคิดนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากนะ แต่ว่าในภาพนี้มันก็ยังมีบางอย่างที่ทำให้เราคิดว่าบางทีเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้ง่ายๆ ดูให้ดีจะพบรหัสลึกลับแอบแทรกอยู่ในภาพ โดยเฉพาะโลงหินที่แม่นางสองคนนั่งอยู่มีรูปแกะสลักแปลกประหลาดเป็นรูปชายคนนึงกำลังเฆี่ยนตีผู้หญิงคนนึง มีผู้หญิงอีกคนยืนมอง และอีกด้านก็แกะเป็นรูปม้าซึ่งกำลังถูกลากจูง มีคนสองคนอยู่ใกล้ๆทำท่าแปะมือกัน สรุปแล้วเป็นเรื่องราวอะไรก็ไม่รู้ และมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแม่สาวสองคนที่นั่งอยู่ข้างบนเลย หรือมันจะเป็นปริศนาอะไรอีกอันซึ่งผู้เขียนกำลังจะบอกใบ้อยู่
และหากใครมีสายตาดี ๆ มองไปด้านซ้ายบนของภาพจะเห็นส่วนที่เป็นฉากหลัง ภูมิทัศน์เขียวขจี ในมุมมืดจะมีกระต่ายอยู่คู่หนึ่ง นั่งอยู่ทำไมก็ไม่รู้
และเมื่อมองขึ้นไปจะเห็นปราสาทอยู่ไกลๆมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ชายอีกคนหนึ่งควบม้าขาวเข้าไปหา
ส่วนตรงด้านบนขวาของภาพ มองไปไกลๆจะเห็นคน 2 คนขี่ม้า ด้านหน้ามีหมากำลังไล่กระต่าย และข้างๆก็มีฝูงแกะและคนสองคนคอยดูแลอยู่
นี่มันเป็นสตอรี่อะไรกันนะ ดูแอบๆซ่อนๆอะไรต่ออะไรซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องราวอะไร ว่าไปแล้วมันคือภาพเล่าเรื่องหลายเรื่องแปะรวมในภาพเดียวกัน แถมยังต่อกันไม่ติดเสียด้วย ไม่รู้ว่าเอามาวางรวมกันได้ยังไง
ข้อเสนอบางอย่างของนักวิชาการก็คือ ภาพบนโลงหินอาจหมายถึงกิเลสตัณหา ซึ่งมันก็เป็นไปได้เพราะกิเลสจะเข้ามาครอบงำดึงพาคนให้ตามมันไปเหมือนม้าโดนลากและนำไปสู่ความเจ็บปวดราวกับโดนลงโทษ ว่าไปแล้วการถอดรหัสแบบนี้ก็น่าเชื่ออยู่นะ ส่วนผู้หญิงใส่ชุดเต็มยศคงเป็นตัวแทนวีนัสบนโลก และอีกนางคือก็วีนัสในสวรรค์ ดังนั้นภาพนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของโลกและสวรรค์นั่นเอง ส่วนกระต่ายนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการมีลูกดก ซึ่งสะท้อนถึงตัณหาเช่นกัน
เดากันไปแบบนี้ แล้วพอเอามารวมกันมันจะอธิบายอะไรล่ะ สรุปแล้วผมเลยคิดเอาว่าคงเป็นภาพเขียนถึงสาวงามที่งามราวกับวีนัสอวตารมาบนโลกแล้วทำให้หนุ่มๆหลงรัก เกิดตัณหาจนนำไปสู่ความลุ่มหลง แล้วก็คงมีความทุกข์ยากตามมาราวกับคนที่ถูกโบยตีละมั้ง
อ้อ แล้วถ้าดูวีนัสด้านขวา เธอกำลังถือเครื่องหอมอีกอันอยู่นะ เดาอีกว่าคงเป็นเวทย์มนต์ที่ระเหยมากล่อมประสาทให้พวกเราไปสู่หลุมพรางเป็นเหยื่อของราคะที่เธอล่อลวงไว้ ส่วนกามเทพที่กำลังก้มตัวเอามือเล่นน้ำมีความหมายคือ การเป็นตัวกลางการเชื่อมความสัมพันธ์ของสวรรค์และโลก
อย่างไรก็ตาม มีคนตีความว่าหญิงสองนางแสดงลักษณะตรงข้าม คนที่นั่งเป็นผู้หญิงที่น่าเลื่อมใส (Sacred) ส่วนอีกคนดูเสเพลไม่น่านับถือ (Profane) ซึ่งนี่ก็ทำให้ชื่อของภาพถูกเรียกเช่นนั้น อันนี้ทิเทียน ศิลปินผู้วาดจะคิดแบบนี้หรือเปล่าไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าแนวคิดนี้น่าจะถูกยอมรับในช่วงที่มีคนคิดถึงรูปนี้อยู่ก็เลยใช้ชื่อนี้มาตลอด อย่างไรก็ตาม เขาอาจวาดตอนเมาๆแล้วปล่อยให้เราคิดจนปวดหัวเล่นก็เป็นได้ เอาเป็นว่าถ้าเราขี้เกียจจะตีความก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่มายืนดูความงามภาพก็น่าจะเพลิดเพลินได้คุ้มค่าแล้ว ทิเทียนวาดบอดี้มนุษย์ได้สวยมากอีกท้งผ้าผ่อนวาววับสมจริงแสดงฝีมือศิลปินที่ช่ำชอง หวังว่าคุณคงเพลิดเพลินใจ
สองสาวปริศนารัก : Sacred and Profane Love
เฉลยมาเถอะเร้ว บางคนอาจคิดแบบนี้
อยากจะเฉลยเหมือนกันแหละเพราะคนเขียนก็ยังไม่เข้าใจ และก็ยังไม่มีใครค้นพบว่ามันเกี่ยวข้องกับตอนไหนของนิยายเทพกรีก นั่นหมายความว่ามันไม่ได้เล่าเรื่องเทพปกรณัมที่ชาวโลกเข้าใจ ดังนั้นภาพนี้ก็เลยเป็นปริศนาให้พวกนักประวัติศาสตร์ศิลปะรวมหัวกันตีความไม่ออกอยู่จนทุกวันนี้
สิ่งที่อาจจะเป็นได้ก็คือ ภาพนี้น่าจะถูกวาดเพื่อฉลองการแต่งงาน หญิงคนซ้ายมือก็คือเจ้าสาวที่มีกามเทพและวีนัสมาอยู่เคียงข้างเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความงาม ซึ่งแนวคิดนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากนะ แต่ว่าในภาพนี้มันก็ยังมีบางอย่างที่ทำให้เราคิดว่าบางทีเรื่องราวมันอาจจะไม่ได้ง่ายๆ ดูให้ดีจะพบรหัสลึกลับแอบแทรกอยู่ในภาพ โดยเฉพาะโลงหินที่แม่นางสองคนนั่งอยู่มีรูปแกะสลักแปลกประหลาดเป็นรูปชายคนนึงกำลังเฆี่ยนตีผู้หญิงคนนึง มีผู้หญิงอีกคนยืนมอง และอีกด้านก็แกะเป็นรูปม้าซึ่งกำลังถูกลากจูง มีคนสองคนอยู่ใกล้ๆทำท่าแปะมือกัน สรุปแล้วเป็นเรื่องราวอะไรก็ไม่รู้ และมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแม่สาวสองคนที่นั่งอยู่ข้างบนเลย หรือมันจะเป็นปริศนาอะไรอีกอันซึ่งผู้เขียนกำลังจะบอกใบ้อยู่
และหากใครมีสายตาดี ๆ มองไปด้านซ้ายบนของภาพจะเห็นส่วนที่เป็นฉากหลัง ภูมิทัศน์เขียวขจี ในมุมมืดจะมีกระต่ายอยู่คู่หนึ่ง นั่งอยู่ทำไมก็ไม่รู้
และเมื่อมองขึ้นไปจะเห็นปราสาทอยู่ไกลๆมีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ชายอีกคนหนึ่งควบม้าขาวเข้าไปหา
ส่วนตรงด้านบนขวาของภาพ มองไปไกลๆจะเห็นคน 2 คนขี่ม้า ด้านหน้ามีหมากำลังไล่กระต่าย และข้างๆก็มีฝูงแกะและคนสองคนคอยดูแลอยู่
นี่มันเป็นสตอรี่อะไรกันนะ ดูแอบๆซ่อนๆอะไรต่ออะไรซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องราวอะไร ว่าไปแล้วมันคือภาพเล่าเรื่องหลายเรื่องแปะรวมในภาพเดียวกัน แถมยังต่อกันไม่ติดเสียด้วย ไม่รู้ว่าเอามาวางรวมกันได้ยังไง
ข้อเสนอบางอย่างของนักวิชาการก็คือ ภาพบนโลงหินอาจหมายถึงกิเลสตัณหา ซึ่งมันก็เป็นไปได้เพราะกิเลสจะเข้ามาครอบงำดึงพาคนให้ตามมันไปเหมือนม้าโดนลากและนำไปสู่ความเจ็บปวดราวกับโดนลงโทษ ว่าไปแล้วการถอดรหัสแบบนี้ก็น่าเชื่ออยู่นะ ส่วนผู้หญิงใส่ชุดเต็มยศคงเป็นตัวแทนวีนัสบนโลก และอีกนางคือก็วีนัสในสวรรค์ ดังนั้นภาพนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของโลกและสวรรค์นั่นเอง ส่วนกระต่ายนั้นเป็นสัญลักษณ์ของการมีลูกดก ซึ่งสะท้อนถึงตัณหาเช่นกัน
เดากันไปแบบนี้ แล้วพอเอามารวมกันมันจะอธิบายอะไรล่ะ สรุปแล้วผมเลยคิดเอาว่าคงเป็นภาพเขียนถึงสาวงามที่งามราวกับวีนัสอวตารมาบนโลกแล้วทำให้หนุ่มๆหลงรัก เกิดตัณหาจนนำไปสู่ความลุ่มหลง แล้วก็คงมีความทุกข์ยากตามมาราวกับคนที่ถูกโบยตีละมั้ง
อ้อ แล้วถ้าดูวีนัสด้านขวา เธอกำลังถือเครื่องหอมอีกอันอยู่นะ เดาอีกว่าคงเป็นเวทย์มนต์ที่ระเหยมากล่อมประสาทให้พวกเราไปสู่หลุมพรางเป็นเหยื่อของราคะที่เธอล่อลวงไว้ ส่วนกามเทพที่กำลังก้มตัวเอามือเล่นน้ำมีความหมายคือ การเป็นตัวกลางการเชื่อมความสัมพันธ์ของสวรรค์และโลก
อย่างไรก็ตาม มีคนตีความว่าหญิงสองนางแสดงลักษณะตรงข้าม คนที่นั่งเป็นผู้หญิงที่น่าเลื่อมใส (Sacred) ส่วนอีกคนดูเสเพลไม่น่านับถือ (Profane) ซึ่งนี่ก็ทำให้ชื่อของภาพถูกเรียกเช่นนั้น อันนี้ทิเทียน ศิลปินผู้วาดจะคิดแบบนี้หรือเปล่าไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าแนวคิดนี้น่าจะถูกยอมรับในช่วงที่มีคนคิดถึงรูปนี้อยู่ก็เลยใช้ชื่อนี้มาตลอด อย่างไรก็ตาม เขาอาจวาดตอนเมาๆแล้วปล่อยให้เราคิดจนปวดหัวเล่นก็เป็นได้ เอาเป็นว่าถ้าเราขี้เกียจจะตีความก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่มายืนดูความงามภาพก็น่าจะเพลิดเพลินได้คุ้มค่าแล้ว ทิเทียนวาดบอดี้มนุษย์ได้สวยมากอีกท้งผ้าผ่อนวาววับสมจริงแสดงฝีมือศิลปินที่ช่ำชอง หวังว่าคุณคงเพลิดเพลินใจ