Chalun ch
บทที่ 8 แตกสลาย
หลังจากวันที่พวกเรากลับจากเที่ยวที่เกาะกูดฉันกับพี่ซันก็ไม่ได้คุยกันอีก 'หมดประโยชน์แล้วก็ตีจาก' เขาหายเงียบเข้ากลีบเมฆไปเลย แม้แต่หน้าก็ไม่ได้เจอ เคยไปหาพี่แซนที่บ้านก็ไม่ได้เจอสักวัน 'สงสัยไม่ใช่คู่กัน' ฉันคิดแบบเสียดายหนุ่มหล่อมาดเท่แต่หน้ายักษ์! ทว่าก็ไม่ยี่หระเพราะถึงอย่างไรเดือนนี้ฉันก็ต้องไปพบเขาที่บริษัทอยู่ดี ต้องไปสัมภาษณ์เขาอีก จึงไม่ร้อนรนครวญครางโอดโอยหา
การทำงานเป็นผู้สื่อข่าวของฉันผ่านมาด้วยดีและผ่านมาสองเดือนกว่าแล้ว โค้งสุดท้ายฉันต้องออกภาคสนามอีกโดยการไปสัมภาษณ์พี่ซันเหมือนเดิม เกี่ยวกับธุรกิจเครื่องดื่มของเขา แล้วรอบนี้เขาจะต้องเซ็นอนุมัติการผ่านงานให้กับฉันด้วย นับว่าภารกิจของฉันเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ในระยะเดือนสุดท้ายของการทดลองงานฉันต้องรีบทำผลงานเพื่อจะให้ผ่านโปรฯ เป็นพนักงานประจำ เพราะฉะนั้นพวกเราสี่สหายจึงไม่มีเวลาไปมิตติ้งกันเลย แม้แต่กับพี่เนยที่อยู่สำนักข่าวเดียวกันก็ไม่ได้คุยด้วย ส่วนพี่แซนยิ่งแล้วใหญ่ รู้แต่ว่ามาร์คัสกลับอังกฤษไปแล้ว และเพิ่งรู้มาเมื่อสามวันก่อนว่าพี่แซนลาออกจากงาน ส่วนจะด้วยเหตุผลอะไรฉันก็ยังไม่มีเวลาจะไปถามไถ่ กะว่าให้ผ่านพ้นช่วงที่ยุ่ง ๆ ไปก่อนฉันจะไปสัมภาษณ์อย่างละเอียด
"แพม... พร้อมนะบ่ายนี้ เตรียมตัวให้รอบคอบรัดกุมล่ะ อย่าให้เป็นเหมือนคราวก่อน ดีที่คุณแสนสรัลเขายังใจดีกับเธอ" พี่สุนิสากำชับพร้อมค่อนขอดด้วย เพราะความผิดพลาดของฉันในครั้งนั้นพี่แกก็โดนคอมเพลนมาเหมือนกัน
ฉันยิ้มเจื่อนอย่างคนรู้สึกผิด "ค่ะ... รับรองไม่พลาด สัญญา" สัญญาอย่างหนักแน่นและมุ่งมั่นด้วยความมั่นใจว่าจะไม่พลาดอีก เพราะฉันเตรียมพร้อมมาก เตรียมพร้อมที่จะไปเจอกับ 'คนหล่อหน้ายักษ์' เมื่อไหร่จะถึงบ่ายสี่โมงสักที
ฉันใจจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องนี้ เมื่อไหร่มันจะถึงเวลานัดหมายเสียที มันโหยหาแปลก ๆ อาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้เจอกับพี่ซันเลยตั้งแต่กลับจากพามาร์คัสไปเที่ยว น่าจะอย่างนั้น
"แพมพร้อมนะ" ก่อนเวลานัดหนึ่งชั่วโมงพี่สุนิสาจะให้ฉันออกภาคสนามอีก เมื่อผ่านการทดลองงานแล้วพี่แกก็จะหมดหน้าที่นี้ไป นึกแล้วก็ใจหาย สงสัยถ้าพี่ซันเซ็นอนุมัติให้แล้วคงต้องพาคุณพี่แกไปเลี้ยงขอบคุณสักหน่อย
เพราะเป็นช่วงเวลาที่รอคอยฉันจึงไม่ให้หัวหน้าคอยนาน ตระเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว
แต่ความเวิ้งว้างเดียวดายอ้างว้างมักเลือกฉันเสมอ นั่นคือ รอบนี้พี่สุนิสาให้ฉันไปสัมภาษณ์คนเดียว พี่แกไม่ได้ไปด้วย เพราะนี่มันคือกฎกติกา แม้คนที่ไปสัมภาษณ์จะไม่ใช่ใครอื่น ฉันก็อดประหม่าอีกไม่ได้อยู่ดีที่ต้องทำงานคนเดียว
'สู้นั่นล่ะ...ไม่สู้บอกสู้!'
บอกกับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง เอาหัวใจและความรู้สึกเป็นหลักงานจะได้ง่ายขึ้น ฉันต้องไปเจอเขาฉันต้องการที่จะเจอเขาไม่ใช่หรือ เขาไม่ใช่คุณซันแต่เขาคือพี่ซัน ไม่สิ... เขาไม่ใช่พี่ซัน แต่เขาคือคุณซันคนที่ฉันต้องไปทำข่าว
ฮึบ! สูดหายใจลึกเต็มปอด ก่อนจะเดินทางไปพบกับ 'อสูรจอมโหด' คนโปรดของ... ไม่บอกหรอกว่าของอะไร
.....
"เชิญครับ คุณซันรออยู่" ผู้ติดตามเชิญฉันเข้าไปพบทันทีที่มาถึง ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูกจากแววตาและสีหน้าของผู้ติดตามของพี่ซัน ปกติเมื่อเจอกับฉันผู้ติดตามคนนี้มักจะยิ้มเอ็นดูให้เสมอ เพราะฉันกับเขาเราเป็นพ่อลูกกันได้ อายุของผู้ติดตามก็น่าจะราว ๆ คุณพ่อของฉัน รอบนี้เขาดูแปลกไป
ฉันเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของพี่ซันซึ่งค่อนข้างคุ้นเคยเพราะเคยมาแล้วรอบก่อนโน้น แต่บรรยากาศมันแปลกไป เยือกเย็น บอกไม่ถูก อีกทั้งสีหน้าและแววตาของเจ้าของห้องด้วยที่ฉันรู้สึกใจเต้นประหม่า 'กลัว' ฉันกำลังกลัวกับนัยน์ตาดุคู่นั้นของเขา หัวใจที่เคยเต้นแรงพองฟูในยามที่เจอกันมันกลับสั่นไหวราวกลับกำลังกลัวอะไรบางอย่างที่ฉันก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
กลัวอะไรบางอย่างในตัวของผู้ชายหล่อมาดเท่คนนี้...
"เชิญนั่ง" อีกทั้งคำพูดที่ดูเฉยชานี้อีกเล่า เมื่อก่อนถึงใบหน้าจะนิ่งขรึมจนดูเหี้ยมแต่คำพูดก็ยังเจือเอ็นดูไม่ได้ดูเยือกเย็นขนาดนี้
"ขอบคุณค่ะ" ขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าและนั่งลงตัวเกร็งรอให้เขามานั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อให้ฉันสัมภาษณ์
เขาถอนหายใจแล้วนั่งลงโซฟาฝั่งตรงข้ามกับฉัน "จะถามอะไรว่ามา" พี่ซันพูดแล้วก็เงียบไป ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนเดิม ปกติเขาก็เป็นคนห้วน ๆ แบบนี้ แต่ทุกครั้งฉันยังรู้สึกถึงความเป็นมิตรแต่รอบนี้มีแต่ความเย็นชาเฉยชาแผ่รังสีออกมาเต็มห้อง
เจอกับคนที่แอบชอบรอบนี้ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ตื่นเต้นนะ แต่กลับรู้สึกกลัวที่มาพร้อมกับความอึดอัดมากกว่า...
ฉันสัมภาษณ์เขาไปตามสคริปที่เขียนไว้ รอบนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดเพราะเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี เมื่องานเสร็จแล้วฉันจึงขอกลับ แต่เขายังไม่ต้องการให้ฉันกลับเพราะมีอะไรจะคุยด้วย
"เธอยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้เพราะเรามีเรื่องต้องคุยกัน" เขาออกคำสั่ง
แต่เดียว... เขาเป็นใครมาสั่งฉัน ฉันเป็นเพียงผู้มาขอสัมภาษณ์นะไม่ได้เป็นลูกน้อง แต่สุดท้ายหัวใจก็บอกว่า 'ได้ค่ะ...นายท่าน' และคำนั้นก็พูดในใจเหมือนเดิม
"จะไม่มีคนเอาพี่ซันไปนินทาเหรอคะว่าซีอีโอบริษัทเครื่องดื่มออกไปกับนักข่าวลูกกระจ๊อก" ก็กลัวคนจะคิดแบบนั้นจริง ๆ ไม่ใช่อะไรห่วงภาพพจน์ของเขา
"ไม่มีใครกล้านินทาฉันหรอกเพราะตอนนี้คนก็นินทาให้แซ็ดแล้ว" คนหน้าดุตอบกลับมา นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้นแวบหนึ่งแทบจะมองไม่เห็น
"เอ๋... ใครนินทาพี่ซันเรื่องอะไรคะ"
พี่ซันไม่ตอบแถมลากตัวฉันให้เดินตามออกไปจากห้องด้วย ตัวแทบจะปลิวไปตามแรงดึงของเขา มีพนักงานที่ผ่านมาเห็นมองด้วยตาปริบ ๆ ที่เห็นพี่ซันลากตัวของฉันให้เดินตาม รับรองได้เลยว่าจะต้องมีการซุบซิบลับหลังแน่ ๆ ลำพังฉันไม่สะทกสะท้านหรอกเพราะเป็นแค่คนธรรมดา แต่พี่ซันนี่สิเป็นถึงเจ้านาย จะต้องโดนลูกน้องนินทา
เขาเดินก้าวเท้าฉับ ๆ ยาว ๆ แต่ฉันแทบจะวิ่งตามเพราะขาสั้น กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามแรงลาก นึกภาพออกไหมเสาไฟฟ้ากับหลักกิโลไงล่ะ นั่นแหละอย่างนั้นเลย
ฉันจะไม่ทนกับความรู้สึกอึดอัดที่ไม่รู้ที่ไปที่มานี่อีกต่อไปแล้ว มันเรื่องอะไร เขาเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ถูกคนนินทาเรื่องอะไรฉันเพิ่งจะได้เจอกับเขาล่าสุดก็เดือนก่อนโน้นตอนที่มาสัมภาษณ์รอบแรก แล้วจะมีคนนินทาเรื่องอะไรอีก
"พี่ซันมีเรื่องอะไรจะคุยกับแพมคะ" พอเข้ามานั่งในรถฉันก็ถามเขาเลยเพราะงงไปหมดแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เกี่ยวกับตัวเองแล้วตัวเองไม่รู้
คนหน้าถทึงไม่ยอมตอบแต่กลับสตาร์ตรถแล้วขับออกไป
"พี่ซันคะมีเรื่องอะไรจะคุยกับแพม" ฉันถามย้ำและรู้สึกจะไม่ชอบใจอยู่หน่อย ๆ แล้ว คนอะไรเอาแต่ใจตัวเอง ไม่รู้เลยว่าเขาขับรถไปที่ไหน แต่สิ่งที่ฉันต้องรู้ในตอนนี้ก็คือ 'เขาเป็นอะไร'
"เดี๋ยวก็รู้" คนหน้านิ่งตอบมาแค่นี้
เขาตอบมาแบบนี้ทำให้ความรู้สึกอยากของฉันสงบลง ถึงยังไม่รู้ในตอนนี้อีกหน่อยก็คงรู้ ว่าแต่เขาจะพาฉันไปที่ไหน พอคิดแบบนั้นปากก็ไวเท่าสมอง
"พี่ซันจะพาแพมไปไหนคะ"
"ไปทานข้าว"
ฉันพยักหน้าเบา ๆ สงสัยโมโหหิว 'อสูรจอมโหดโมโหหิวแล้วมาลงใส่คนอื่น' ฉันนึกพลางเผยปากยิ้มเพราะกำลังนึกไปถึงนิยายตอนต่อไปที่ฉันจะเอาไปเขียน แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มเพราะเขาหันมามองพอดี
"ยิ้มอะไร"
"เปล่าค่ะ ว่าแต่พี่ซันคะ เซ็นเอกสารผ่านการฝึกงานภาคสนามให้แพมยัง ถ้าทำแล้วแพมขอวันนี้เลยได้มั้ยคะ แพมจะเอาไปส่งบก. ค่ะ"
เขาเงียบและนั่นก็ทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงรังสีอะไรบางอย่างขึ้นมาอีก "ไม่มี"
หัวใจของฉันหล่นตุบมึนงงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก อะ...อะไรไม่มี หมายความว่ายังไง 'ไม่มี' คืออะไร ฉันงงและไม่เข้าใจไปหมดแล้วนาทีนี้
"อะไรไม่มีคะ พี่ซันหมายความว่ายังไง" น้ำตาของฉันคลอบอกความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูก
"ก็หมายความว่าฉันไม่มีอะไรจะให้เธอทั้งนั้นไงล่ะแพม..." คนหน้าเหี้ยมตอนนี้ยิ่งเหี้ยมเข้าไปอีก
นัยน์ตาของฉันพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา และมันก็กำลังจะไหลลงมาดีที่ฉันเช็ดมันออกก่อน ไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องนี้เลย 'ผิดหวัง'
"แล้วที่พี่ซันใช้ให้แพมไปสอดแนมพี่แซนกับมาร์คัสให้ล่ะคะ ถ้าแพมยอมทำตามพี่ซันจะเซ็นให้ผ่านการฝึกงาน พี่ซันลืมไปแล้วเหรอ" ฉันพยายามฝืนพูดและกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ยอมรับว่าตอนนี้หัวใจตัวเองแหลกสลายไปแล้วเพราะหวังเอาไว้มาก
"เธอน่ะเชื่อคนง่ายเกินไปแล้วแพม แค่เขายื่นข้อเสนอในสิ่งที่เธอต้องการให้ เธอก็รีบตอบตกลงทำงานให้กับเขาทันที ทั้งที่ไม่มีการพูดคุยอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่มีพันธะสัญญา เออ...พูดถึงเรื่องที่ต้องรอบคอบเธอก็ขาดคุณสมบัติข้อนี้มากรู้มั้ย การทำงานต้องมีความละเอียดใส่ใจ ถ้าเธอไปเจอกับนักธุรกิจคนอื่นเขาจะได้ไม่ด่าเธอ และต่อไปอย่าเชื่อคนง่ายไว้ใจคนง่ายด้วย"
"นี่แสดงว่าพี่ซันหลอกใช้แพมเหรอคะ" คราวนี้ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ปล่อยให้มันไหลออกมาเท่าที่ต้องการ ตัวของฉันสั่นสะท้านไปหมดเพราะความโกรธหรือเสียใจก็ไม่รู้เหมือนกัน และอาจจะกำลังกลายเป็นความเกลียดไปในไม่ช้าด้วยถ้าพี่ซันไม่หยุดพูดและจอดรถให้ฉันลงตรงนี้ในเวลานี้
"จำไว้นะแพมว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร... เธอต้องคิดไตร่ตรองดี ๆ ถ้าจะแลกเปลี่ยนอะไรกับใคร หรือทำงานให้ใครว่าเธอได้อะไรบ้างไม่ได้อะไรบ้างต้องเสียไม่เสียอะไร ฉันเป็นนักธุรกิจนะแพม จะทำอะไรก็ต้องมีผลประโยชน์ตอบแทน แต่ถ้าฉันเสียผลประโยชน์ก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องจ่าย... เธอทำงานพลาดแพม เธอทำงานให้ฉันพลาด เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ควรที่จะได้อะไรจากฉัน"
"แพมทำงานพลาดตรงไหน แพมก็ทำตามที่พี่ซันสั่งทุกอย่าง"
"พลาดอย่างมหันต์เลยล่ะ เพราะ.... ยัยแซนท้องกับนายมาร์คัส แล้วแซนต้องไปอยู่ที่อังกฤษกับไอ้นักฟุตบอลนั่น คราวนี้เธอก็รู้หรือยังล่ะว่าทำไมฉันถึงให้ในสิ่งที่เธอต้องการไม่ได้ เพราะเธอทำงานไม่สำเร็จ"
ฉันเหวอไปนิดหน่อยจากข่าวที่ได้ยินจากปากคนใจร้าย นี่เองหรือเป็นสาเหตุให้พี่แซนต้องลาออกจากงานที่รัก แต่ฉันไม่ได้มีเวลาไปตามสองคนนั้นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงสักหน่อย เขาจะไปไหนมาไหนด้วยกันใครจะไปรู้ตลอดเวลา
"เข้าใจแล้ว... แพมเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วค่ะ" หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจไหลลงอาบสองข้างแก้ม พร้อมหัวใจที่กำลังแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ จากน้ำมือของคนที่ฉันปลื้ม รัก และชื่นชม
"ต่อไปนี้ถ้าเธอจะทำงานอะไรให้ใครเธอต้องคิดให้รอบคอบนะแพม อย่าเชื่อคนง่าย อย่าไว้ใจอะไรง่าย ๆ จนกว่าจะแน่ใจ อย่าโลกสวย อย่าคิดเองเออเอง ไม่ใช่เห็นผลประโยชน์ที่เขาเสนอให้แล้วจะรีบตอบตกลงทันทีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง รอบนี้ถือว่าเป็นบทเรียน ฉันจะ..."
"ไม่ต้องมาสอน!" ฉันแหวใส่พี่ซัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงกล้าขึ้นเสียงกับคนที่รักและปลื้มแบบนั้น ทั้งที่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ เขาดูอึ้งที่โดนฉันตวาด"จอดให้หนูลงตรงนี้เถอะค่ะ" ฉันหมดอารมณ์ที่จะไปทานข้าวกับเขาแล้ว และไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรด้วยอีกแล้ว
ถ้าจะมีก็คงจะเป็น... เกลียดเท่านั้นล่ะ
"เธอจะลงไปได้ยังไงกว่าจะถึงบ้านอีกตั้งไกล ฉันจะไปส่ง นี่ก็เย็นมากแล้วมันอันตราย"
"ไม่ต้อง! หนูจะลงตรงนี้ค่ะ" ฉันไม่อยากนั่งรถไปกับคนใจร้ายอีกแล้ว สัญญาเลยว่าหลังจากวันนี้ไปฉันกับเขาเราจะไม่เจอกันอีก
'อสูรไม่มีหัวใจ อสูรไม่เคยรักใคร อสูรไม่มีความรู้สึก เลือดเย็น...คุณมันเลือดเย็นที่สุด อสูรจอมโหด' มองเขาด้วยสายตาผิดหวังที่สุดที่ไม่เคยมองใครมาก่อนเลย
"อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะแพม... เด็กน้อยเอ๊ยเธอก็เอาแต่ใจตัวเอง ฟังฉันพูดให้จบก่อนได้มั้ย"
"ยังจะต้องฟังอะไรอีกคะ มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีก หนูไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว หนูมัน... มันคนหน้าโง่เองที่เชื่อคนง่าย โดยเฉพาะคนอย่างคุณ คุณแสนสรัล"
"แพม!" ใบหน้าที่นิ่งเฉยชาคล้ายกำลังโกรธจัด อสูรร้ายในตัวใกล้จะแปลงกายออกมาแล้วสินะ
"คุณซัน! จอดรถให้หนูลงเถอะค่ะ ขอร้อง.... จอดเถอะ!" ฉันออกคำสั่งกึ่งตวาดอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็จอดให้ฉันลงตรงบริเวณสะพานลอยพอดี ฉันยกมือปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดออกจากแก้มทั้งสองข้าง เปิดประตูลงจากรถของเขาโดยที่ไม่หันกลับไปมองอีกเลย
.....
รักพิทักษ์ใจ (8)
Chalun ch
บทที่ 8 แตกสลาย
หลังจากวันที่พวกเรากลับจากเที่ยวที่เกาะกูดฉันกับพี่ซันก็ไม่ได้คุยกันอีก 'หมดประโยชน์แล้วก็ตีจาก' เขาหายเงียบเข้ากลีบเมฆไปเลย แม้แต่หน้าก็ไม่ได้เจอ เคยไปหาพี่แซนที่บ้านก็ไม่ได้เจอสักวัน 'สงสัยไม่ใช่คู่กัน' ฉันคิดแบบเสียดายหนุ่มหล่อมาดเท่แต่หน้ายักษ์! ทว่าก็ไม่ยี่หระเพราะถึงอย่างไรเดือนนี้ฉันก็ต้องไปพบเขาที่บริษัทอยู่ดี ต้องไปสัมภาษณ์เขาอีก จึงไม่ร้อนรนครวญครางโอดโอยหา
การทำงานเป็นผู้สื่อข่าวของฉันผ่านมาด้วยดีและผ่านมาสองเดือนกว่าแล้ว โค้งสุดท้ายฉันต้องออกภาคสนามอีกโดยการไปสัมภาษณ์พี่ซันเหมือนเดิม เกี่ยวกับธุรกิจเครื่องดื่มของเขา แล้วรอบนี้เขาจะต้องเซ็นอนุมัติการผ่านงานให้กับฉันด้วย นับว่าภารกิจของฉันเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ในระยะเดือนสุดท้ายของการทดลองงานฉันต้องรีบทำผลงานเพื่อจะให้ผ่านโปรฯ เป็นพนักงานประจำ เพราะฉะนั้นพวกเราสี่สหายจึงไม่มีเวลาไปมิตติ้งกันเลย แม้แต่กับพี่เนยที่อยู่สำนักข่าวเดียวกันก็ไม่ได้คุยด้วย ส่วนพี่แซนยิ่งแล้วใหญ่ รู้แต่ว่ามาร์คัสกลับอังกฤษไปแล้ว และเพิ่งรู้มาเมื่อสามวันก่อนว่าพี่แซนลาออกจากงาน ส่วนจะด้วยเหตุผลอะไรฉันก็ยังไม่มีเวลาจะไปถามไถ่ กะว่าให้ผ่านพ้นช่วงที่ยุ่ง ๆ ไปก่อนฉันจะไปสัมภาษณ์อย่างละเอียด
"แพม... พร้อมนะบ่ายนี้ เตรียมตัวให้รอบคอบรัดกุมล่ะ อย่าให้เป็นเหมือนคราวก่อน ดีที่คุณแสนสรัลเขายังใจดีกับเธอ" พี่สุนิสากำชับพร้อมค่อนขอดด้วย เพราะความผิดพลาดของฉันในครั้งนั้นพี่แกก็โดนคอมเพลนมาเหมือนกัน
ฉันยิ้มเจื่อนอย่างคนรู้สึกผิด "ค่ะ... รับรองไม่พลาด สัญญา" สัญญาอย่างหนักแน่นและมุ่งมั่นด้วยความมั่นใจว่าจะไม่พลาดอีก เพราะฉันเตรียมพร้อมมาก เตรียมพร้อมที่จะไปเจอกับ 'คนหล่อหน้ายักษ์' เมื่อไหร่จะถึงบ่ายสี่โมงสักที
ฉันใจจดจ่ออยู่แต่กับเรื่องนี้ เมื่อไหร่มันจะถึงเวลานัดหมายเสียที มันโหยหาแปลก ๆ อาจจะเป็นเพราะฉันไม่ได้เจอกับพี่ซันเลยตั้งแต่กลับจากพามาร์คัสไปเที่ยว น่าจะอย่างนั้น
"แพมพร้อมนะ" ก่อนเวลานัดหนึ่งชั่วโมงพี่สุนิสาจะให้ฉันออกภาคสนามอีก เมื่อผ่านการทดลองงานแล้วพี่แกก็จะหมดหน้าที่นี้ไป นึกแล้วก็ใจหาย สงสัยถ้าพี่ซันเซ็นอนุมัติให้แล้วคงต้องพาคุณพี่แกไปเลี้ยงขอบคุณสักหน่อย
เพราะเป็นช่วงเวลาที่รอคอยฉันจึงไม่ให้หัวหน้าคอยนาน ตระเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว
แต่ความเวิ้งว้างเดียวดายอ้างว้างมักเลือกฉันเสมอ นั่นคือ รอบนี้พี่สุนิสาให้ฉันไปสัมภาษณ์คนเดียว พี่แกไม่ได้ไปด้วย เพราะนี่มันคือกฎกติกา แม้คนที่ไปสัมภาษณ์จะไม่ใช่ใครอื่น ฉันก็อดประหม่าอีกไม่ได้อยู่ดีที่ต้องทำงานคนเดียว
'สู้นั่นล่ะ...ไม่สู้บอกสู้!'
บอกกับตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง เอาหัวใจและความรู้สึกเป็นหลักงานจะได้ง่ายขึ้น ฉันต้องไปเจอเขาฉันต้องการที่จะเจอเขาไม่ใช่หรือ เขาไม่ใช่คุณซันแต่เขาคือพี่ซัน ไม่สิ... เขาไม่ใช่พี่ซัน แต่เขาคือคุณซันคนที่ฉันต้องไปทำข่าว
ฮึบ! สูดหายใจลึกเต็มปอด ก่อนจะเดินทางไปพบกับ 'อสูรจอมโหด' คนโปรดของ... ไม่บอกหรอกว่าของอะไร
.....
"เชิญครับ คุณซันรออยู่" ผู้ติดตามเชิญฉันเข้าไปพบทันทีที่มาถึง ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูกจากแววตาและสีหน้าของผู้ติดตามของพี่ซัน ปกติเมื่อเจอกับฉันผู้ติดตามคนนี้มักจะยิ้มเอ็นดูให้เสมอ เพราะฉันกับเขาเราเป็นพ่อลูกกันได้ อายุของผู้ติดตามก็น่าจะราว ๆ คุณพ่อของฉัน รอบนี้เขาดูแปลกไป
ฉันเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวของพี่ซันซึ่งค่อนข้างคุ้นเคยเพราะเคยมาแล้วรอบก่อนโน้น แต่บรรยากาศมันแปลกไป เยือกเย็น บอกไม่ถูก อีกทั้งสีหน้าและแววตาของเจ้าของห้องด้วยที่ฉันรู้สึกใจเต้นประหม่า 'กลัว' ฉันกำลังกลัวกับนัยน์ตาดุคู่นั้นของเขา หัวใจที่เคยเต้นแรงพองฟูในยามที่เจอกันมันกลับสั่นไหวราวกลับกำลังกลัวอะไรบางอย่างที่ฉันก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
กลัวอะไรบางอย่างในตัวของผู้ชายหล่อมาดเท่คนนี้...
"เชิญนั่ง" อีกทั้งคำพูดที่ดูเฉยชานี้อีกเล่า เมื่อก่อนถึงใบหน้าจะนิ่งขรึมจนดูเหี้ยมแต่คำพูดก็ยังเจือเอ็นดูไม่ได้ดูเยือกเย็นขนาดนี้
"ขอบคุณค่ะ" ขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าและนั่งลงตัวเกร็งรอให้เขามานั่งฝั่งตรงข้ามเพื่อให้ฉันสัมภาษณ์
เขาถอนหายใจแล้วนั่งลงโซฟาฝั่งตรงข้ามกับฉัน "จะถามอะไรว่ามา" พี่ซันพูดแล้วก็เงียบไป ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนเดิม ปกติเขาก็เป็นคนห้วน ๆ แบบนี้ แต่ทุกครั้งฉันยังรู้สึกถึงความเป็นมิตรแต่รอบนี้มีแต่ความเย็นชาเฉยชาแผ่รังสีออกมาเต็มห้อง
เจอกับคนที่แอบชอบรอบนี้ทำไมฉันถึงรู้สึกไม่ตื่นเต้นนะ แต่กลับรู้สึกกลัวที่มาพร้อมกับความอึดอัดมากกว่า...
ฉันสัมภาษณ์เขาไปตามสคริปที่เขียนไว้ รอบนี้ไม่มีอะไรผิดพลาดเพราะเตรียมพร้อมมาเป็นอย่างดี เมื่องานเสร็จแล้วฉันจึงขอกลับ แต่เขายังไม่ต้องการให้ฉันกลับเพราะมีอะไรจะคุยด้วย
"เธอยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้เพราะเรามีเรื่องต้องคุยกัน" เขาออกคำสั่ง
แต่เดียว... เขาเป็นใครมาสั่งฉัน ฉันเป็นเพียงผู้มาขอสัมภาษณ์นะไม่ได้เป็นลูกน้อง แต่สุดท้ายหัวใจก็บอกว่า 'ได้ค่ะ...นายท่าน' และคำนั้นก็พูดในใจเหมือนเดิม
"จะไม่มีคนเอาพี่ซันไปนินทาเหรอคะว่าซีอีโอบริษัทเครื่องดื่มออกไปกับนักข่าวลูกกระจ๊อก" ก็กลัวคนจะคิดแบบนั้นจริง ๆ ไม่ใช่อะไรห่วงภาพพจน์ของเขา
"ไม่มีใครกล้านินทาฉันหรอกเพราะตอนนี้คนก็นินทาให้แซ็ดแล้ว" คนหน้าดุตอบกลับมา นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้นแวบหนึ่งแทบจะมองไม่เห็น
"เอ๋... ใครนินทาพี่ซันเรื่องอะไรคะ"
พี่ซันไม่ตอบแถมลากตัวฉันให้เดินตามออกไปจากห้องด้วย ตัวแทบจะปลิวไปตามแรงดึงของเขา มีพนักงานที่ผ่านมาเห็นมองด้วยตาปริบ ๆ ที่เห็นพี่ซันลากตัวของฉันให้เดินตาม รับรองได้เลยว่าจะต้องมีการซุบซิบลับหลังแน่ ๆ ลำพังฉันไม่สะทกสะท้านหรอกเพราะเป็นแค่คนธรรมดา แต่พี่ซันนี่สิเป็นถึงเจ้านาย จะต้องโดนลูกน้องนินทา
เขาเดินก้าวเท้าฉับ ๆ ยาว ๆ แต่ฉันแทบจะวิ่งตามเพราะขาสั้น กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปตามแรงลาก นึกภาพออกไหมเสาไฟฟ้ากับหลักกิโลไงล่ะ นั่นแหละอย่างนั้นเลย
ฉันจะไม่ทนกับความรู้สึกอึดอัดที่ไม่รู้ที่ไปที่มานี่อีกต่อไปแล้ว มันเรื่องอะไร เขาเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น ถูกคนนินทาเรื่องอะไรฉันเพิ่งจะได้เจอกับเขาล่าสุดก็เดือนก่อนโน้นตอนที่มาสัมภาษณ์รอบแรก แล้วจะมีคนนินทาเรื่องอะไรอีก
"พี่ซันมีเรื่องอะไรจะคุยกับแพมคะ" พอเข้ามานั่งในรถฉันก็ถามเขาเลยเพราะงงไปหมดแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่เกี่ยวกับตัวเองแล้วตัวเองไม่รู้
คนหน้าถทึงไม่ยอมตอบแต่กลับสตาร์ตรถแล้วขับออกไป
"พี่ซันคะมีเรื่องอะไรจะคุยกับแพม" ฉันถามย้ำและรู้สึกจะไม่ชอบใจอยู่หน่อย ๆ แล้ว คนอะไรเอาแต่ใจตัวเอง ไม่รู้เลยว่าเขาขับรถไปที่ไหน แต่สิ่งที่ฉันต้องรู้ในตอนนี้ก็คือ 'เขาเป็นอะไร'
"เดี๋ยวก็รู้" คนหน้านิ่งตอบมาแค่นี้
เขาตอบมาแบบนี้ทำให้ความรู้สึกอยากของฉันสงบลง ถึงยังไม่รู้ในตอนนี้อีกหน่อยก็คงรู้ ว่าแต่เขาจะพาฉันไปที่ไหน พอคิดแบบนั้นปากก็ไวเท่าสมอง
"พี่ซันจะพาแพมไปไหนคะ"
"ไปทานข้าว"
ฉันพยักหน้าเบา ๆ สงสัยโมโหหิว 'อสูรจอมโหดโมโหหิวแล้วมาลงใส่คนอื่น' ฉันนึกพลางเผยปากยิ้มเพราะกำลังนึกไปถึงนิยายตอนต่อไปที่ฉันจะเอาไปเขียน แต่ก็ต้องรีบหุบยิ้มเพราะเขาหันมามองพอดี
"ยิ้มอะไร"
"เปล่าค่ะ ว่าแต่พี่ซันคะ เซ็นเอกสารผ่านการฝึกงานภาคสนามให้แพมยัง ถ้าทำแล้วแพมขอวันนี้เลยได้มั้ยคะ แพมจะเอาไปส่งบก. ค่ะ"
เขาเงียบและนั่นก็ทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงรังสีอะไรบางอย่างขึ้นมาอีก "ไม่มี"
หัวใจของฉันหล่นตุบมึนงงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาบอก อะ...อะไรไม่มี หมายความว่ายังไง 'ไม่มี' คืออะไร ฉันงงและไม่เข้าใจไปหมดแล้วนาทีนี้
"อะไรไม่มีคะ พี่ซันหมายความว่ายังไง" น้ำตาของฉันคลอบอกความรู้สึกตอนนี้ไม่ถูก
"ก็หมายความว่าฉันไม่มีอะไรจะให้เธอทั้งนั้นไงล่ะแพม..." คนหน้าเหี้ยมตอนนี้ยิ่งเหี้ยมเข้าไปอีก
นัยน์ตาของฉันพร่ามัวไปด้วยหยาดน้ำตา และมันก็กำลังจะไหลลงมาดีที่ฉันเช็ดมันออกก่อน ไม่ได้เตรียมใจไว้สำหรับเรื่องนี้เลย 'ผิดหวัง'
"แล้วที่พี่ซันใช้ให้แพมไปสอดแนมพี่แซนกับมาร์คัสให้ล่ะคะ ถ้าแพมยอมทำตามพี่ซันจะเซ็นให้ผ่านการฝึกงาน พี่ซันลืมไปแล้วเหรอ" ฉันพยายามฝืนพูดและกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ยอมรับว่าตอนนี้หัวใจตัวเองแหลกสลายไปแล้วเพราะหวังเอาไว้มาก
"เธอน่ะเชื่อคนง่ายเกินไปแล้วแพม แค่เขายื่นข้อเสนอในสิ่งที่เธอต้องการให้ เธอก็รีบตอบตกลงทำงานให้กับเขาทันที ทั้งที่ไม่มีการพูดคุยอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่มีพันธะสัญญา เออ...พูดถึงเรื่องที่ต้องรอบคอบเธอก็ขาดคุณสมบัติข้อนี้มากรู้มั้ย การทำงานต้องมีความละเอียดใส่ใจ ถ้าเธอไปเจอกับนักธุรกิจคนอื่นเขาจะได้ไม่ด่าเธอ และต่อไปอย่าเชื่อคนง่ายไว้ใจคนง่ายด้วย"
"นี่แสดงว่าพี่ซันหลอกใช้แพมเหรอคะ" คราวนี้ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ปล่อยให้มันไหลออกมาเท่าที่ต้องการ ตัวของฉันสั่นสะท้านไปหมดเพราะความโกรธหรือเสียใจก็ไม่รู้เหมือนกัน และอาจจะกำลังกลายเป็นความเกลียดไปในไม่ช้าด้วยถ้าพี่ซันไม่หยุดพูดและจอดรถให้ฉันลงตรงนี้ในเวลานี้
"จำไว้นะแพมว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร... เธอต้องคิดไตร่ตรองดี ๆ ถ้าจะแลกเปลี่ยนอะไรกับใคร หรือทำงานให้ใครว่าเธอได้อะไรบ้างไม่ได้อะไรบ้างต้องเสียไม่เสียอะไร ฉันเป็นนักธุรกิจนะแพม จะทำอะไรก็ต้องมีผลประโยชน์ตอบแทน แต่ถ้าฉันเสียผลประโยชน์ก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องจ่าย... เธอทำงานพลาดแพม เธอทำงานให้ฉันพลาด เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ควรที่จะได้อะไรจากฉัน"
"แพมทำงานพลาดตรงไหน แพมก็ทำตามที่พี่ซันสั่งทุกอย่าง"
"พลาดอย่างมหันต์เลยล่ะ เพราะ.... ยัยแซนท้องกับนายมาร์คัส แล้วแซนต้องไปอยู่ที่อังกฤษกับไอ้นักฟุตบอลนั่น คราวนี้เธอก็รู้หรือยังล่ะว่าทำไมฉันถึงให้ในสิ่งที่เธอต้องการไม่ได้ เพราะเธอทำงานไม่สำเร็จ"
ฉันเหวอไปนิดหน่อยจากข่าวที่ได้ยินจากปากคนใจร้าย นี่เองหรือเป็นสาเหตุให้พี่แซนต้องลาออกจากงานที่รัก แต่ฉันไม่ได้มีเวลาไปตามสองคนนั้นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงสักหน่อย เขาจะไปไหนมาไหนด้วยกันใครจะไปรู้ตลอดเวลา
"เข้าใจแล้ว... แพมเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้วค่ะ" หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจไหลลงอาบสองข้างแก้ม พร้อมหัวใจที่กำลังแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ จากน้ำมือของคนที่ฉันปลื้ม รัก และชื่นชม
"ต่อไปนี้ถ้าเธอจะทำงานอะไรให้ใครเธอต้องคิดให้รอบคอบนะแพม อย่าเชื่อคนง่าย อย่าไว้ใจอะไรง่าย ๆ จนกว่าจะแน่ใจ อย่าโลกสวย อย่าคิดเองเออเอง ไม่ใช่เห็นผลประโยชน์ที่เขาเสนอให้แล้วจะรีบตอบตกลงทันทีโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง รอบนี้ถือว่าเป็นบทเรียน ฉันจะ..."
"ไม่ต้องมาสอน!" ฉันแหวใส่พี่ซัน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงกล้าขึ้นเสียงกับคนที่รักและปลื้มแบบนั้น ทั้งที่คิดว่าชาตินี้คงไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ เขาดูอึ้งที่โดนฉันตวาด"จอดให้หนูลงตรงนี้เถอะค่ะ" ฉันหมดอารมณ์ที่จะไปทานข้าวกับเขาแล้ว และไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรด้วยอีกแล้ว
ถ้าจะมีก็คงจะเป็น... เกลียดเท่านั้นล่ะ
"เธอจะลงไปได้ยังไงกว่าจะถึงบ้านอีกตั้งไกล ฉันจะไปส่ง นี่ก็เย็นมากแล้วมันอันตราย"
"ไม่ต้อง! หนูจะลงตรงนี้ค่ะ" ฉันไม่อยากนั่งรถไปกับคนใจร้ายอีกแล้ว สัญญาเลยว่าหลังจากวันนี้ไปฉันกับเขาเราจะไม่เจอกันอีก
'อสูรไม่มีหัวใจ อสูรไม่เคยรักใคร อสูรไม่มีความรู้สึก เลือดเย็น...คุณมันเลือดเย็นที่สุด อสูรจอมโหด' มองเขาด้วยสายตาผิดหวังที่สุดที่ไม่เคยมองใครมาก่อนเลย
"อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนี้นะแพม... เด็กน้อยเอ๊ยเธอก็เอาแต่ใจตัวเอง ฟังฉันพูดให้จบก่อนได้มั้ย"
"ยังจะต้องฟังอะไรอีกคะ มีอะไรที่จะต้องพูดกันอีก หนูไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้ว หนูมัน... มันคนหน้าโง่เองที่เชื่อคนง่าย โดยเฉพาะคนอย่างคุณ คุณแสนสรัล"
"แพม!" ใบหน้าที่นิ่งเฉยชาคล้ายกำลังโกรธจัด อสูรร้ายในตัวใกล้จะแปลงกายออกมาแล้วสินะ
"คุณซัน! จอดรถให้หนูลงเถอะค่ะ ขอร้อง.... จอดเถอะ!" ฉันออกคำสั่งกึ่งตวาดอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็จอดให้ฉันลงตรงบริเวณสะพานลอยพอดี ฉันยกมือปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดออกจากแก้มทั้งสองข้าง เปิดประตูลงจากรถของเขาโดยที่ไม่หันกลับไปมองอีกเลย
.....