ทำงานมาได้ 2 สัปดาห์ รู้สึกไม่ชอบงานที่ทำ รู้สึกว่างานนี้ไม่ใช่ทาง

เราเป็นเด็กจบใหม่ค่ะ เราจบสายภาษามา เคยได้ฝึกงานโรงแรมมาในส่วนของ front office ค่ะ ตอนนั้นเราฝึกอยู่ 5 เดือนค่ะ เรารู้ตัวเองเลยว่างานนี้เราไม่ชอบและไม่คิดจะทำอีกค่ะ โดยส่วนตัวเราเป็นคนเงียบๆ ไม่ชอบพูดเสียงเราเบาด้วยค่ะ แต่ชอบนั่งฟังคนอื่นพูดมากกว่า แต่ถ้าก้พูดเแพาะเรื่องที่จำเป็นๆ คุยเล่นคุยหัวงี้ได้ค่ะ พอฝึกงานนี้เลยเหนื่อยสำหรับเรามาก เราเลยรู้ตัวเองว่าจะไม่ทำงานนี้แล้วอาจจะไป แผนกอื่นดีกว่าที่ไม่ใช่ส่วนนี้ พอเราเริ่มหางาน เราส่งไปหลายที่เลยค่ะ ทั้งโรงแรมและบริษัท ที่จริงเรามีความคิดอยากเปลี่ยนสายไปเลย เพราะการใช้ภาษาเราก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นเลยอยากทำงานที่ใช้ภาษาไทยส่วนใหญ่ดีกว่างี้ค่ะ แต่เราก็ยังอยากพัมนานะคะ เรายื่นโรงแรมด้วย แต่ไม่เอา Front แล้วค่ะเรายื่นแผนก F&B เป็นส่วนใหญ่ค่ะ เพราะเคยไปรับจ็อบมา ตอนฝึกงานที่ร้านอาหารมาค่ะ พอได้ทำแล้วมันสนุกมากเลยคิดว่ายื่นสายนี้ดีกว่า 

หลักจากนั้นก็มี รร ติดต่อมาอยู่ค่ะ แต่เราไม่ผ่านสัมภาษณ์ หลักจาก รร นั้น ก็มีบริษัทหนึ่งติดต่อสัมภาษณ์ด้วย บริษัทนี้เราผ่านค่ะ เขาอธิบายงานโอเครเลย เราสมัครไปเป็นตำแหน่ง Sales co. ค่ะ เขาบอกว่าทำติดต่อประสานงานสถานที่ราชการและเอกชน แล้วก็ได้ออกพื้นที่บ่อยมากแบบออกไปเปิดบูธงี้ค่ะ ทดลองงาน 2 เดือนเดือนเขาบอกว่าระหว่างที่ทดลองงาน เขาจะให้เงินเดือน 14,000 บาทค่ะ+ ค่าคอมมิสชั่น แล้วเขาก็อธิบายสรรพคุณบริาัทเขาไป เราเลยตกลงทำงาน เราบอกเขาว่าเราจะจะเริ่มงานวันนี้นะ เพราะเราบ้านอยู่ต่างจังหวัด เราต้องเดินทางไปทางนั่นก็ถึงกับต้องนั่งเครื่องบินไปอ่ะ พอถึงที่นั่น เราก็ทักบอกที่พี่เขาไปว่าถึงแล้วพี่เขาก็ชวนเราไปกินข้าว เราก็ตอบโอเครไปเพราะคิดว่ายังไงก็ต้องทำงานด้วยกันควรทำความรู้จักกับพี่เขาไว้ พอไปกินข้าวตรงนี้แหละเราท้อเลยงานนี้ คือ พี่เขาถามเราว่าได้หอรึยัง เราก็บอกว่าได้แล้วค่ะตรงนี้ๆ เราก็บอกไป พี่แกก็บอกเราว่างั้น พน.ก็เข้า office ได้เลยสิ (ในหัวเราคือแบบ อีเxย กูอุสามาก่อนวันเริ่มงาน 1 วันเพราะคิดว่าจะมาพักก่อนแล้วซื้อของเข้าหอด้วยหมอนก็ไม่มี เสื้อก็เอามานิดเดียวหวังว่าจะมาซื้อเอาด่านหน้า) ตอนนั่นเราแบบสตั่นไปแปปเดียว ก็ตอบพี่เขาไปว่า อ่อค่ะ ค่ะ เราไม่รู้ว่าพี่เขารับรู้ไหม เรารู้สึกหน้าตัวเองแบบ เหว่ออมาก เราก็ไม่กล้าตอบปฏิเสธอ่ะ เราพึ่งมา แล้วคือพอไปเข้างานวันแรกก็อะไรไม่รู้พาเต้นๆ แล้วก้มาสอนเนื้อหาคร่าวๆเรากดดันตัวเองมากตอนนั้น วันที่ 2 พี่แกให้เราพูด roleplay การขายให้ลูกค้า เราพูดไม่ได้ พี่แกบอกเราให้พูดยังไงก็ได้ไม่ให้เหมือนเรามาขาย แล้วพี่แกก็ติเราว่าทำไมพูดไม่ได้ เราก้พยายามพูดให้ดอเครขึ้นพี่แกก็ติเราว่าไม่ใช่พูดผิด ต้องพูดแบบนี้ ไม่ใช่ๆๆๆ วันนั้นเป็นวันที่เราเสียความมั่นใจในการพูดเลย จากที่พูดน้อยอยู่กลายเป็นว่ายิ่งพูดน้อยกว่าเดิม ปกติเรารู้สึกว่าเวลาคุยกับคนแปลกได้ยุนะแบบพูดไปเรื่อยอ่ะ แต่ตอนนี้คือเรากลัวไปหมดเราพูดเรื่องนี้ได้รึป่าว พูดแบบนี้ถูกไหม แล้วก็วันนั้นเราจำได้แม่นเลยว่า เราอ้วกทั้งคืน มันเครียดลงกระเพาะอ่ะ วันที่ 3 พี่แกพาเราไปทำงานนอกสถานที่ที่จังหวัดๆหนึ่ง เรารับรู้ได้ตอนนั้นว่า เห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้ ประสานงานของพี่แกคือไปขายของให้พี่ๆที่สูนยืราชการ เราไม่ได้ดูถูกการเดิน walk in ขายของนะ แต่คือที่พี่เขาสัมเรามากับการมาลงงานจริงไม่เหมือนกัน แล้วมีให้เราโทร Tele ด้วย คือตอนคุยกันพี่แกไม่ได้บอก แล้วคือเราพึ่งมารู้จากเพื่อนทดลองงานด้วยกันอีกว่า ทดลองงานได้เงินเดือน 12,000 บาท เราก็อ้าวว แถมที่ไปลงพื้นที่นี่บริษัทไม่ได้ออกให้ เราต้องเสียเงิน ตอนนั้นไป 5 คน พี่แกก็หาร 5 ทั้งค่าน้ำมันรถ ค่าห้องนอน ห้องพักก็น้อนกัน 5 คนอัดกันในนั้น เราเสียหายหนักมากตอนนั้น คือไม่ได้คิดจะมาเสียเงินขนาดนั้นอ่ะ แบบคนต่างจังหวัดมาเริ่มต้นชีวิตใหม่เงินยังไม่พร้อม แต่เราก็ทนไม่ไหวจริงๆ ทัศนคติพี่แกก็แปลกสำหรับเราด้วย พี่แกชอบพูดว่า เราควรประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยๆ เราต้องรีบประสบความสำเร็จบอกอยู่อย่างงั้น แล้วหลังจากเราออกพื้นที่ 3 วัน เรากลับมาเครียดมากไม่ไหว ไม่ใช่ทางเลย หยุด 2 วันนั้นเราใช้เวลานั้นทบทวนชีวิตเลย อ่อ วันหยุดพี่เขายังให้เบอร์ลูกค้ามาโทรเทเลด้วย แต่ตอนนั้นเราไม่เอาอะไรละ วันไปทำงานต่อมาเราเราเข้าไปขอลาออกเลย เราไม่ไหวจริงๆ ก่อนลาออกเราไล่อ่าน pantip เยอะมากว่ามีคนทำงานสัปดาห์เดียวแล้วลาออกมีไหม เราทำถูกรึป่าว แต่ก้มีเราเลยไปลาออกเลย แล้วมันสบายใจมากเพราะวันต่อมานั้นพี่เขาจะให้เราสอบจำสินค้า ราคาสิ้นค้าหน้ากล้องแล้วส่งให้บริาัทใหญ่ เราเลยชิงลาออกก่อนเลยสบายใจมาก แล้วโชคดีในความโชคร้ายมากที่งานที่อื่นโทรมาเรียกสัมภาษณ์ด้วย เราเลยยืมเงินเพื่อนข้ามภูมิภาคไปสัมภาษณ์งานใหม่

เราผ่านการสัมภาษณ์งาน งานนี้เป็นงาน รร 3 ดาว เรายื่นไปหลายที่เลย ทั้ง รร ส่วนใหญ่ แผนกHouskeeping กับ FB  แล้วก็บริาัทด้วย ฝ่ายบุคคลกับพวกที่เกี่ยวกับงานเอกสาร แต่เราส่งพนักแผนกต้อนรับที่นี่ไปที่เดียว แล้วมีแค่ทีนี่ที่เดียวที่เรียกเรา อ้ยย เวรกรรมแท้ แล้วตอนนั้นที่บ้านก็กดดันมา มาตัดพ้อนั้นนี้ เราเลยเออวะ ลองสักรอบจะเป้นไรไปก้นั้นแหละเป็นไรไปเลย ทรมาณใจมากก งานก็ไม่ได้แย่นะคะสำหรับคนที่ชอบพูดจะสนุกกับการคุยกับแขก ตอบคำถามแขกอ่ะค่ะ แต่ไม่ใช่เราแค่นั้นเอง พี่ที่ทำงานที่นี่เขาอยากให้เราเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นค่ะ นี้ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่งของเราเลยเราเป็นคนพูดเสียงเบามาก เวลาพูดกับแขก แขกเลยจะไม่ได้ยิน คือพยายามตะเบ่งเสียงแล้วแต่ก็ยังเบา พอยิ่งที่เพิ่มเสียงขึ้นกลายเป็นเจ้บคอแทน ทรมาณใจอย่างแรงค่ะ แต่ว่าที่นี่ดีอีกอย่างนะคะ มีหอพักให้ด้วยมันดีสำหรับคนต่างจังหวัดอย่างเราเรื่องไม่มีเงินจ่ายที่พักอื่น แต่ว่าเป็นที่พักรวม แบบรวมมากๆค่ะชายหญิง ห้องน้ำก็รวมชายหญิง ไม่ใช่รังเกียจผู้ชายนะคะ แต่แบบด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงอ่ะ ห้องน้ำก็ถ้ามีโรคจิคือทั้งปีน ทั้งก้มก็เห็นหมดเลย ที่ทำงานก็เจ้าของ รร เป็นคนคุมค่ะ เขาเป็นเจ้านายที่ขี้บ่น ขี้โมโหทุกคนเอือมระอากันมาก ขี้ลืมด้วย สั่งน้องวันนี้ด่าลูกน้องวันต่อไป

และวันนี้เราทำมาได้ 2 สัปดาห์ แล้วค่ะ อยากลาออกมาก เราก็ยื่น CV ที่อื่นไปเรื่อยๆเราว่าจะอดทนให้ได้สักเดือนรอเอาเงินเดือนก่อน หรือเราควรรอผ่านโปรแล้วลาออกดีคะ ถ้าได้งานอื่นเราก็อยากไปเลยแล้ว ที่จริงเราไม่อยากพูดเยอะด้วยค่ะเพราะเสียความมั่นใจตอนนั้นไปตอนนี้เรากำลังปรับตัวเองอีกรอบค่ะ งานนี้มันเลยลำบากสำหรับขึ้นไปอีกและ พี่เขาให้เราลองทำงานเอกสารแอดมินอย่างงี้ด้วยค่ะ เรารู้สึกว่าใช่เลยคือมันได้อยู่กับตัวเองไม่ค่อยไปไปสุงสิงกับคนแปลกหน้าเยอะ คุยแค่กับคนที่ทำงานด้วยกันมันก็ดีค่ะ เราเลยยื่นสมัครทางนี้ไปเยอะด้วยถ้าได้เราก็อยากไปทำงานที่เราสบายใจดีกว่า เราทำถูกไหมคะ ถ้าเราจะทำแบบนี้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่