ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเเลกเปลี่ยน ขอความคิดเห็นจริงๆ ว่าเราจะทำอย่างไรต่อไปถ้าต้องอยู่เเบบนี้ จริงๆเเล้วมันไม่ยากในการตัดสินใจเเต่ในเชิงการกระทำมันยากเสมอ งั้นเรามาเข้าเรื่องเเล้วนะเป็นข้อๆไป
1. อยู่กินเสมือสามีภรรยากันมา 7ปี กับผู้ชายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกสรุปโจทย์เเรกก่อน
------- ค่ากินอยู่ใช้กระเป๋าเดียวกับเราทั้งหมดทั้ง 7 ปี เราเป็นคนหลักในการหาเงินทั้งหมด มาจุนเจือ ค่า กิน อยู่ ทุกอย่างสารพัด ทั้งค่าเหล้าบ้าบอ การพนันที่ขอ หนี้นอกระบบที่เตือนเเล้วไม่ฟัง สุดท้ายเราก็ต้องเป็นคนจ่าย เอาเป็นว่าทุกเรื่องเลย _่าเหว
2. มีช่วงนึงที่เค้าได้ไปทำงาน เอาเป็นว่า สรุปรวมๆ ใน 7 ปีนั้น เค้าไปทำงานเงินเดือนหลักเเสนเเค่ 5 ครั้ง เเต่ละครั้ง อยู่ได้เเค่ 3 เดือนมากสุด 5 เดือนก็ออก
------ ประเด็นนี้ เรายังได้ใช้จ่ายเงินเดือนกับเค้าอยู่บ้าง เค้าก็โอนให้ 3 หมื่น 4 หมื่น 2 หมื่น เเล้วจะถามทุกครั้งว่ามีเงินอีกป่าว เอาเข้าจริง เราไม่พอหรอกนะ เพราะค่าใช้จ่ายเราเยอะ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายในบ้าน นอกจากให้เราเเล้ว เค้าให้พ่อ เเม่เค้าคนละหมื่น น้องสาวเค้าที่มีพฤติกรรมขี้เมา สายฝ. กิน เล่น เที่ยว ไม่ทำงาน เค้าก็โอนให้จ่าย เอาเป็นว่า สามีเรา ไม่รู้จักเก็บเงิน เรื่องส่วนตัวเค้า พอมีเงิน ไม่เก็บ กิน เที่ยว เล่น กินเหล้าเหมือนอาบน้ำก็ว่าได้ จนกระทั่ง การงานเสียหลัก เสพยา เพราะเกเร
เราเพิ่งซึ้งคำที่เค้าพูดกันตามๆกันมาว่า ให้ดูผู้ชาย ก็ดูตอนที่มันมีเงิน มันไปแอบมีผู้หญิงคนใหม่ พฤติกรรมเปลี่ยน กับเราทุกอย่างสารพัดคำหยาบ การกระทำ ซ้ำไปกว่านั้น พ่อเเม่ดันเข้าข้าง ทุกอย่างที่เราทำผิดหมด จนเรากับลูกถอยออกมาจากตรงนั้น ใช้เวลารักษาสภาพจิตใจอยู่พอสมควรเหมือนกัน ทั้งความเจ็บปวด ความเเค้น บางวันถึงกับสาปเเช่งมันก็ว่าได้ เราทำดีทุกอย่าง เเต่ คนที่เค้าสมควรรัก คือเราสิ ไม่ใช่คนอื่นในตอนที่เค้าได้ดีมีสุข
ย้อนกลับไปเราเป็นคนซัพพอตเค้าทุกเรื่องเพื่อให้มีงานทุกงาน เป็นคนติดต่อ เป็นคนผลักดัน เพื่อให้เค้าได้มีศักดิ์ศรีตัวเอง ลบคำว่าไม่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกิน อยากให้ คนอื่นมองว่า เค้าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เลี้ยงดูภรรยาบ้าง ไม่ใช่สักเเต่ขี้โม้ โอ้อวด สมบัติเราไปวันๆ เราอยู่กับเค้าตั้งเเต่มีเงินหลัก 10ล้าน จนสภาวะโควิดเกิดขึ้น เราไม่เหลืออะไรเลย พยายามคงอยู่ที่ๆใช้ซุกหัวนอน
ในวันที่เราไม่มีที่พึ่ง ไม่มีรายได้ เราเเค่ต้องการกำลังใจ คำพูดดีๆ เพื่อให้เราได้ก้าวต่อไป ขอเเค่คนที่นอนข้างกายทุกวันมีกำลังใจให้บ้าง ไม่ใช่ คำด่าทอหยาบคาย ใช่สิ เพราะเค้ามีเงิน มีบ้าน มีครอบครัว เเต่เราไม่มีใครจริงๆ พ่อเเม่ก็ไม่มี ญาติพี่น้องก็ไม่มี สักคน เราเติบโตมาได้ เรียนจบ สำเร็จมาได้ เพราะได้ผู้มีอุปการะคุณเมตตาส่งเสริม ส่งเสีย เเต่ท่านได้เสียชีวิตไปเเล้ว มันผิดหรอ เราเเค่ต้องการ การยอมรับให้เค้ามองเราเป็นลูก อีกคนถึงเเม้ลูกสะใภ้ของบ้านนั้นก็เถอะ
เเม่เค้าชอบโทรมาหาเราเเล้วด่าเรา เเล้วพูดในสิ่งที่ลูกตัวเองถูกทุกอย่าง ขึ้นด้วยเงินลงด้วยเงิน ว่าก็ส่งเสีย โอนให้ เเล้วทำไมเรามาทำกับเค้าเเบบนั้นเเบบนี้ เราก็ย้อนไปเหมือนกันว่า เเล้ว 7 ปีที่ใช้เงินในกระเป๋าเราไป หลักล้าน เรายังไม่เคยพูด อย่ามาพูดว่า ไม่เคยเห็นเงินสักกะบาท อ้าว เเล้วที่กิน อยู่ ใช้ชีวิตกัน ค่าเหล้า ค่าเที่ยวมัน ค่าการพนันที่เราตามเช็ดอีกละ ไม่เยอะกว่าที่ลูกชายเค้าหา เเค่ ไม่กี่เดือนนี่นะ เรานี่โกธรมากถอนหอกไปทั้งหัวเลยคะ เค้าพูด กระทำ มึน เหมือนกับว่า เค้าไม่ผิดอะไรเลย
ในวันที่เราออกมาจากบ้านนรกนั่น ไอ้คนที่ขึ้นชื่อว่าสามี ไม่ปกป้องเรา เพราะเราจับได้ว่าแอบคุยกับผู้หญิงคนนึงโดยน้องสาว E เวรนี่เเนะนำให้รู้จักคุยกัน พอมีปากเสียง เค้าง้างมือจะตบเรา เราก็กรี๊ดดลั่นทั้งบ้าน เพราะเรากลัวมาก คนที่เข้ามากอดเราไม่ใช่คนในครอบครัวเค้าเลย เเต่เป็นป้าข้างบ้านเค้า บอกให้หยุด ส่วนอีครอบครัวนี้ บอกให้เราหยุดร้องให้ เพราะอาย เสียหน้า บอกว่าเราเเกล้งทำ กรี๊ดทำไม เราพยายามดึงลูกออกมา เพื่อกลับกรุงเทพ คนที่เป็นย่าก็ได้มาฉุดรั้งดึงลูกเราไว้ เเต่เราก็ทน จนเอาลูกออกมาได้วันรุ่งขึ้น เจ็บปวดที่สุดวะ
( ขนาดเขียนไป เรายังเเค้นถึงการกระทำเค้าเลย เเค้นทุกคนในครอบครัวเค้า เราจะทำยังไงถึงจะเลิกเคียดเเค้นตรงนี้ได้ คนเเค้นมันทรมานเหมือนกัน )
3. ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 8 เดือน เรากับลูก อยู่ได้ เอาตัวรอดกันมาได้ เพราะผู้มีพระคุณที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนๆให้ยืมเงิน ทีละ 3000 4000 5000 ช่วยจ่ายค่าเทอมลูกเราบ้าง ส่วนเราก็ได้สลัดความเสียใจ เลิกลาธุรกิจ ปิดบริษัท มาใช้ชีวิต low cost ขายของออนไลน์ สารพัดที่อยากได้ เเบบว่าขยอะไร ก็ขายทุกช่องทางจริงๆ สากกะบือ ยันเรือรบ พอได้กำไร วันละ 500-1000 เเต่ไม่ทุกวัน หมุนเวียน กิน อยู่ ใช้หนี้ เพื่อนไปเเบบนี้
4. เหตุการณ์ตอนนี้ ชีวิตเราดีขึ้นมาก ได้งานประจำที่รับสภาพสถานะเราได้ จ่ายสด เงินเดือนตั้ง 70K เป็น start up บริษัทฝรั่งเเห่งนึง เเล้ว เราก็ขายของออนไลน์เป็นตัวเลือก เพิ่มรายได้ ทำให้เรากับลูก อายุ 4 ขวบครึ่ง กลับมามีรอยยิ้ม จากที่ไม่ได้โพสต์โซเชียว เกือบปี เรากับลูกเริ่มอัพเดท การกินอยู่ ไปเที่ยวทะเลกัน 2 คน มีความสุขจริงๆคะ บางครั้ง เวลาเราอยู่กับลูก เที่ยวกัน 2 คนก็แอบคิดบ้าง แอบน้ำตาซึม เเต่...ตอนที่เค้าอยู่กับเรา เค้าก็ไม่เคย หรือ ไม่ชอบมีส่วนร่วมพาลูกไปเที่ยวนิ สมองก็สั่งการความเเค้นฝังใจขึ้นมาทีระรอกๆๆๆ เเบบนี้หลายครั้ง
----- สถานที่เค้ามาทำลายความสุขเรากับลูกอีกครั้ง เราได้ข่าวจากเพื่อนสนิทเราจริงๆรายงานว่า มันตกงาน โดนไล่ออก เหมือนโดนของเขมรเข้าสิง ( 555)
เค้าไปหาเพื่อนของเรา ไประบายความทุกข์ให้เพื่อนเราฟัง ว่าเค้าผิดไปเเล้ว อย่างโน้น อย่างนี้ อยากเจอลูก เป็นครั้งสุดท้าย เเล้วเค้าจะกลับบ้านที่ ต่างจังหวัดไป จะไม่รบกวนอะไรอีกเลย เราไม่ยอมเจอเลยคะ ตัดคือตัด เพราะลูกเราก็เริ่มไม่ถามถึงพ่อเค้าเเล้ว เราล้างสมองลูกเราทุกวัน โดยวิธี ไม่พูดถึงพ่อเค้า เเม้เเต่วันพ่อ เราก็ไม่ให้ลูกไปกิจกกรมของโรงเรียน ( เราเกลียดวันพ่อที่โรงเรียนจัดขึ้นที่สุด)
เราหาวิธีเพื่อไม่ให้เค้ามาเจอลูกทุกวิธี เเจ้งครูที่โรงเรียน เเจ้งความที่โรงพัก สารพัด ยามที่เฝ้าหน้าหมู่บ้าน * เเต่สุดท้ายความซวยมาเยือนต่อให้เราจะวางหนามดักงูขนาดไหน ก็ยังมีรู วันนั้นเวลาเที่ยงคืน เค้าได้อาศัยรถของเพื่อนบ้านที่อยู่ในหมูบ้านเข้ามาหาเรา เราไม่รู้ว่าเจอกันได้ยังไง เเล้วมาทำนิสัยโจรคือปืนเข้าบ้าน เราโทรเรียกตำรวจ เพราะเคยเเจ้งความไว้เเล้ว ลูกก็ตื่นวิ่งโผมากอดพ่อมันเเล้วบอกว่าคิดถึง มันก็นั่งดราม่า ร้องให้คร่ำครวญ เราพยายามที่สุดที่จะไม่ใช้เพื่อนบ้านเเตกตื่นเพราะเสียงทะเลาะกัน ตำรวจก็เริ่มไม่สนใจเรา เพราะเห็นว่าเเค่สามี ภรรยาทะเลาะกัน ไอ้ Ha เอ้ยยย เราไม่ได้เหลือความรักให้อดีตสามีเลยจริงๆ เรามีเเต่ความเเค้นวะ ก็เลยตัดสินใจว่า ถ้ามันจะอยู่ก็ให้มันอยู่ *
5. เหตุการณ์ที่ 5 จนถึงปัจจุบัน มันสารภาพ ( ขอเปลี่ยนสรรพนามเป็นมัน เพราะไม่อยากใช้สรรพคน ) ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นมา ไม่ป้องกัน ไม่มีเงินกลับมาสักบาท อยากจะมาเกาะเรากินต่อ เอาตัวรอด ครอบครัวมันก็ไม่เอา เราไม่ได้สนใจ เเต่ทุกวันนี้เราใช้วิธีโดย
- ให้มันนอนโซฟาห้องรับเเขกมา 6 เดือนเเล้ว ไม่อยากมีอะไร เราอยากอ๊วกกกกก เราบอกตรงๆ รักเหลือนิดเดียว เเต่เเค้นเยอะกว่า
- เราไม่ให้เงินมันสักบาทเหมือนเคย เเต่ช่วยได้เเค่ให้ข้าวกิน อยู่กับลูกไปวันๆ รับส่งลูกไปโรงเรียน
- เราไม่ติดต่อคุยกับพ่อเเม่เค้าเหมืนเคย ไม่โทรหา ไม่ถามทุกข์สุข ไม่เยี่ยมเยียน ไม่อะไรทั้งสิ้น เคยมีปัญหาอยู่ครั้งนึง...ที่ลูกมันโทรไปฟ้องว่าเราไม่เหมือนเดิม... เราเลยบอกว่า งั้นมาเอาลูกชายคุณกลับไปเลี้ยงดูเลย อยู่ที่นี่เสียข้าวสุก จิตสำนึกก้ยังไม่มีเหมือนเดิม สรุปก็เงียบกันหมด
- ทุกวัน เราจะถามเสมอ เมื่อไหร่จะออกจากบ้านเราไปสะที ---มึน เงียบ ไม่มีคำตอบ
- เราเจอเพื่อน ไปสังสรรค์ กับลูก เราไม่ชวนคะ มันจะเป็นธาตุ อากาศ ไปเลย
มีสถานการร์แทรกขึ้นมาอีก เหมือนมันกับคุยๆในเชิง อยู่เอาตัวรอดไปก่อน มีงานเเล้วค่อยไป อันนี้ เราแอบไปเจอในโทรศัพท์มันที่สื่อสารกับน้องสาวจัญrai มัน เเบบว่า อยู่ไปก็ไม่เสียหายไรนี้ มีที่กิน มีที่นอน ไม่ได้เสียเปรียนอะไร อยู่เฉยๆไปงั้นๆ
- ช่วงไหนที่เราอารมณ์ดิ่งสุดๆ เราไม่ไว้หน้าเลยคะ นิสัยที่เราไม่เคยทำ คือการปาของใส่ ทำร้ายมัน เเต่ไม่ทำต่อหน้าลูกนะคะ ยิ่งเราเห็นหน้ามัน เราเก็บอารมณ์ เราไม่เหลือความอดทนเหมือนเคย
มันมีวิธีไหนอีกบ้าง ที่จะทำให้ออกไปจากชีวิตเรา เพราะว่า เราก็ 40+ เเล้ว เราไม่อยากเสียเวลากับชีวิตกับคนที่ไร้สาระมากกว่านี้ที่คิดเเค่ กิน เล่น เที่ยว ไม่ได้จริงจังที่จะสร้างครบครัว เราไม่ให้โอกาสอะไรอีก หรือ เราต้องทำถึงขนาด ขายบ้านตัดภาระเเล้วไปเอง ไปอยู่ในที่ๆมันไม่รู้เลย
พูดถึงข้อเสียที่เกิดขึ้นมาเยอะ ขอพูดข้อดีมันนิดเดียว
1. จะเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินจริงๆ เป็นคนมีความมุ่งมั่นกับเรื่องตัวเองมาก เรื่องคนอื่น gu ไม่เเคร์ ของตัวเองไม่อยากเสีย เเต่ของคนอื่อยากได้ สรุปว่าดีมั๊ยคะ ล้วนเเล้วตีควมหมายว่า เป็นคนตั้งใจเพื่อตัวเอง
สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อนๆที่อ่านอยู่พิจารณานะคะเราอยากได้ทางออกจริงๆ ถ้าใครจะติก็รบกวนให้อยู่ในความสุภาพในการพิมพ์เเนะนำมา น้อมรับทุกคำเสนอเเนะคะ ขอบคุณค่าาาา
เราควรหาวิธีจัดการกับคนประเภทนี้ยังไงดี *
1. อยู่กินเสมือสามีภรรยากันมา 7ปี กับผู้ชายคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของลูกสรุปโจทย์เเรกก่อน
------- ค่ากินอยู่ใช้กระเป๋าเดียวกับเราทั้งหมดทั้ง 7 ปี เราเป็นคนหลักในการหาเงินทั้งหมด มาจุนเจือ ค่า กิน อยู่ ทุกอย่างสารพัด ทั้งค่าเหล้าบ้าบอ การพนันที่ขอ หนี้นอกระบบที่เตือนเเล้วไม่ฟัง สุดท้ายเราก็ต้องเป็นคนจ่าย เอาเป็นว่าทุกเรื่องเลย _่าเหว
2. มีช่วงนึงที่เค้าได้ไปทำงาน เอาเป็นว่า สรุปรวมๆ ใน 7 ปีนั้น เค้าไปทำงานเงินเดือนหลักเเสนเเค่ 5 ครั้ง เเต่ละครั้ง อยู่ได้เเค่ 3 เดือนมากสุด 5 เดือนก็ออก
------ ประเด็นนี้ เรายังได้ใช้จ่ายเงินเดือนกับเค้าอยู่บ้าง เค้าก็โอนให้ 3 หมื่น 4 หมื่น 2 หมื่น เเล้วจะถามทุกครั้งว่ามีเงินอีกป่าว เอาเข้าจริง เราไม่พอหรอกนะ เพราะค่าใช้จ่ายเราเยอะ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายในบ้าน นอกจากให้เราเเล้ว เค้าให้พ่อ เเม่เค้าคนละหมื่น น้องสาวเค้าที่มีพฤติกรรมขี้เมา สายฝ. กิน เล่น เที่ยว ไม่ทำงาน เค้าก็โอนให้จ่าย เอาเป็นว่า สามีเรา ไม่รู้จักเก็บเงิน เรื่องส่วนตัวเค้า พอมีเงิน ไม่เก็บ กิน เที่ยว เล่น กินเหล้าเหมือนอาบน้ำก็ว่าได้ จนกระทั่ง การงานเสียหลัก เสพยา เพราะเกเร
เราเพิ่งซึ้งคำที่เค้าพูดกันตามๆกันมาว่า ให้ดูผู้ชาย ก็ดูตอนที่มันมีเงิน มันไปแอบมีผู้หญิงคนใหม่ พฤติกรรมเปลี่ยน กับเราทุกอย่างสารพัดคำหยาบ การกระทำ ซ้ำไปกว่านั้น พ่อเเม่ดันเข้าข้าง ทุกอย่างที่เราทำผิดหมด จนเรากับลูกถอยออกมาจากตรงนั้น ใช้เวลารักษาสภาพจิตใจอยู่พอสมควรเหมือนกัน ทั้งความเจ็บปวด ความเเค้น บางวันถึงกับสาปเเช่งมันก็ว่าได้ เราทำดีทุกอย่าง เเต่ คนที่เค้าสมควรรัก คือเราสิ ไม่ใช่คนอื่นในตอนที่เค้าได้ดีมีสุข
ย้อนกลับไปเราเป็นคนซัพพอตเค้าทุกเรื่องเพื่อให้มีงานทุกงาน เป็นคนติดต่อ เป็นคนผลักดัน เพื่อให้เค้าได้มีศักดิ์ศรีตัวเอง ลบคำว่าไม่เกาะชายกระโปรงผู้หญิงกิน อยากให้ คนอื่นมองว่า เค้าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่เลี้ยงดูภรรยาบ้าง ไม่ใช่สักเเต่ขี้โม้ โอ้อวด สมบัติเราไปวันๆ เราอยู่กับเค้าตั้งเเต่มีเงินหลัก 10ล้าน จนสภาวะโควิดเกิดขึ้น เราไม่เหลืออะไรเลย พยายามคงอยู่ที่ๆใช้ซุกหัวนอน
ในวันที่เราไม่มีที่พึ่ง ไม่มีรายได้ เราเเค่ต้องการกำลังใจ คำพูดดีๆ เพื่อให้เราได้ก้าวต่อไป ขอเเค่คนที่นอนข้างกายทุกวันมีกำลังใจให้บ้าง ไม่ใช่ คำด่าทอหยาบคาย ใช่สิ เพราะเค้ามีเงิน มีบ้าน มีครอบครัว เเต่เราไม่มีใครจริงๆ พ่อเเม่ก็ไม่มี ญาติพี่น้องก็ไม่มี สักคน เราเติบโตมาได้ เรียนจบ สำเร็จมาได้ เพราะได้ผู้มีอุปการะคุณเมตตาส่งเสริม ส่งเสีย เเต่ท่านได้เสียชีวิตไปเเล้ว มันผิดหรอ เราเเค่ต้องการ การยอมรับให้เค้ามองเราเป็นลูก อีกคนถึงเเม้ลูกสะใภ้ของบ้านนั้นก็เถอะ
เเม่เค้าชอบโทรมาหาเราเเล้วด่าเรา เเล้วพูดในสิ่งที่ลูกตัวเองถูกทุกอย่าง ขึ้นด้วยเงินลงด้วยเงิน ว่าก็ส่งเสีย โอนให้ เเล้วทำไมเรามาทำกับเค้าเเบบนั้นเเบบนี้ เราก็ย้อนไปเหมือนกันว่า เเล้ว 7 ปีที่ใช้เงินในกระเป๋าเราไป หลักล้าน เรายังไม่เคยพูด อย่ามาพูดว่า ไม่เคยเห็นเงินสักกะบาท อ้าว เเล้วที่กิน อยู่ ใช้ชีวิตกัน ค่าเหล้า ค่าเที่ยวมัน ค่าการพนันที่เราตามเช็ดอีกละ ไม่เยอะกว่าที่ลูกชายเค้าหา เเค่ ไม่กี่เดือนนี่นะ เรานี่โกธรมากถอนหอกไปทั้งหัวเลยคะ เค้าพูด กระทำ มึน เหมือนกับว่า เค้าไม่ผิดอะไรเลย
ในวันที่เราออกมาจากบ้านนรกนั่น ไอ้คนที่ขึ้นชื่อว่าสามี ไม่ปกป้องเรา เพราะเราจับได้ว่าแอบคุยกับผู้หญิงคนนึงโดยน้องสาว E เวรนี่เเนะนำให้รู้จักคุยกัน พอมีปากเสียง เค้าง้างมือจะตบเรา เราก็กรี๊ดดลั่นทั้งบ้าน เพราะเรากลัวมาก คนที่เข้ามากอดเราไม่ใช่คนในครอบครัวเค้าเลย เเต่เป็นป้าข้างบ้านเค้า บอกให้หยุด ส่วนอีครอบครัวนี้ บอกให้เราหยุดร้องให้ เพราะอาย เสียหน้า บอกว่าเราเเกล้งทำ กรี๊ดทำไม เราพยายามดึงลูกออกมา เพื่อกลับกรุงเทพ คนที่เป็นย่าก็ได้มาฉุดรั้งดึงลูกเราไว้ เเต่เราก็ทน จนเอาลูกออกมาได้วันรุ่งขึ้น เจ็บปวดที่สุดวะ
( ขนาดเขียนไป เรายังเเค้นถึงการกระทำเค้าเลย เเค้นทุกคนในครอบครัวเค้า เราจะทำยังไงถึงจะเลิกเคียดเเค้นตรงนี้ได้ คนเเค้นมันทรมานเหมือนกัน )
3. ผ่านเหตุการณ์นั้นไป 8 เดือน เรากับลูก อยู่ได้ เอาตัวรอดกันมาได้ เพราะผู้มีพระคุณที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนๆให้ยืมเงิน ทีละ 3000 4000 5000 ช่วยจ่ายค่าเทอมลูกเราบ้าง ส่วนเราก็ได้สลัดความเสียใจ เลิกลาธุรกิจ ปิดบริษัท มาใช้ชีวิต low cost ขายของออนไลน์ สารพัดที่อยากได้ เเบบว่าขยอะไร ก็ขายทุกช่องทางจริงๆ สากกะบือ ยันเรือรบ พอได้กำไร วันละ 500-1000 เเต่ไม่ทุกวัน หมุนเวียน กิน อยู่ ใช้หนี้ เพื่อนไปเเบบนี้
4. เหตุการณ์ตอนนี้ ชีวิตเราดีขึ้นมาก ได้งานประจำที่รับสภาพสถานะเราได้ จ่ายสด เงินเดือนตั้ง 70K เป็น start up บริษัทฝรั่งเเห่งนึง เเล้ว เราก็ขายของออนไลน์เป็นตัวเลือก เพิ่มรายได้ ทำให้เรากับลูก อายุ 4 ขวบครึ่ง กลับมามีรอยยิ้ม จากที่ไม่ได้โพสต์โซเชียว เกือบปี เรากับลูกเริ่มอัพเดท การกินอยู่ ไปเที่ยวทะเลกัน 2 คน มีความสุขจริงๆคะ บางครั้ง เวลาเราอยู่กับลูก เที่ยวกัน 2 คนก็แอบคิดบ้าง แอบน้ำตาซึม เเต่...ตอนที่เค้าอยู่กับเรา เค้าก็ไม่เคย หรือ ไม่ชอบมีส่วนร่วมพาลูกไปเที่ยวนิ สมองก็สั่งการความเเค้นฝังใจขึ้นมาทีระรอกๆๆๆ เเบบนี้หลายครั้ง
----- สถานที่เค้ามาทำลายความสุขเรากับลูกอีกครั้ง เราได้ข่าวจากเพื่อนสนิทเราจริงๆรายงานว่า มันตกงาน โดนไล่ออก เหมือนโดนของเขมรเข้าสิง ( 555)
เค้าไปหาเพื่อนของเรา ไประบายความทุกข์ให้เพื่อนเราฟัง ว่าเค้าผิดไปเเล้ว อย่างโน้น อย่างนี้ อยากเจอลูก เป็นครั้งสุดท้าย เเล้วเค้าจะกลับบ้านที่ ต่างจังหวัดไป จะไม่รบกวนอะไรอีกเลย เราไม่ยอมเจอเลยคะ ตัดคือตัด เพราะลูกเราก็เริ่มไม่ถามถึงพ่อเค้าเเล้ว เราล้างสมองลูกเราทุกวัน โดยวิธี ไม่พูดถึงพ่อเค้า เเม้เเต่วันพ่อ เราก็ไม่ให้ลูกไปกิจกกรมของโรงเรียน ( เราเกลียดวันพ่อที่โรงเรียนจัดขึ้นที่สุด)
เราหาวิธีเพื่อไม่ให้เค้ามาเจอลูกทุกวิธี เเจ้งครูที่โรงเรียน เเจ้งความที่โรงพัก สารพัด ยามที่เฝ้าหน้าหมู่บ้าน * เเต่สุดท้ายความซวยมาเยือนต่อให้เราจะวางหนามดักงูขนาดไหน ก็ยังมีรู วันนั้นเวลาเที่ยงคืน เค้าได้อาศัยรถของเพื่อนบ้านที่อยู่ในหมูบ้านเข้ามาหาเรา เราไม่รู้ว่าเจอกันได้ยังไง เเล้วมาทำนิสัยโจรคือปืนเข้าบ้าน เราโทรเรียกตำรวจ เพราะเคยเเจ้งความไว้เเล้ว ลูกก็ตื่นวิ่งโผมากอดพ่อมันเเล้วบอกว่าคิดถึง มันก็นั่งดราม่า ร้องให้คร่ำครวญ เราพยายามที่สุดที่จะไม่ใช้เพื่อนบ้านเเตกตื่นเพราะเสียงทะเลาะกัน ตำรวจก็เริ่มไม่สนใจเรา เพราะเห็นว่าเเค่สามี ภรรยาทะเลาะกัน ไอ้ Ha เอ้ยยย เราไม่ได้เหลือความรักให้อดีตสามีเลยจริงๆ เรามีเเต่ความเเค้นวะ ก็เลยตัดสินใจว่า ถ้ามันจะอยู่ก็ให้มันอยู่ *
5. เหตุการณ์ที่ 5 จนถึงปัจจุบัน มันสารภาพ ( ขอเปลี่ยนสรรพนามเป็นมัน เพราะไม่อยากใช้สรรพคน ) ไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นมา ไม่ป้องกัน ไม่มีเงินกลับมาสักบาท อยากจะมาเกาะเรากินต่อ เอาตัวรอด ครอบครัวมันก็ไม่เอา เราไม่ได้สนใจ เเต่ทุกวันนี้เราใช้วิธีโดย
- ให้มันนอนโซฟาห้องรับเเขกมา 6 เดือนเเล้ว ไม่อยากมีอะไร เราอยากอ๊วกกกกก เราบอกตรงๆ รักเหลือนิดเดียว เเต่เเค้นเยอะกว่า
- เราไม่ให้เงินมันสักบาทเหมือนเคย เเต่ช่วยได้เเค่ให้ข้าวกิน อยู่กับลูกไปวันๆ รับส่งลูกไปโรงเรียน
- เราไม่ติดต่อคุยกับพ่อเเม่เค้าเหมืนเคย ไม่โทรหา ไม่ถามทุกข์สุข ไม่เยี่ยมเยียน ไม่อะไรทั้งสิ้น เคยมีปัญหาอยู่ครั้งนึง...ที่ลูกมันโทรไปฟ้องว่าเราไม่เหมือนเดิม... เราเลยบอกว่า งั้นมาเอาลูกชายคุณกลับไปเลี้ยงดูเลย อยู่ที่นี่เสียข้าวสุก จิตสำนึกก้ยังไม่มีเหมือนเดิม สรุปก็เงียบกันหมด
- ทุกวัน เราจะถามเสมอ เมื่อไหร่จะออกจากบ้านเราไปสะที ---มึน เงียบ ไม่มีคำตอบ
- เราเจอเพื่อน ไปสังสรรค์ กับลูก เราไม่ชวนคะ มันจะเป็นธาตุ อากาศ ไปเลย
มีสถานการร์แทรกขึ้นมาอีก เหมือนมันกับคุยๆในเชิง อยู่เอาตัวรอดไปก่อน มีงานเเล้วค่อยไป อันนี้ เราแอบไปเจอในโทรศัพท์มันที่สื่อสารกับน้องสาวจัญrai มัน เเบบว่า อยู่ไปก็ไม่เสียหายไรนี้ มีที่กิน มีที่นอน ไม่ได้เสียเปรียนอะไร อยู่เฉยๆไปงั้นๆ
- ช่วงไหนที่เราอารมณ์ดิ่งสุดๆ เราไม่ไว้หน้าเลยคะ นิสัยที่เราไม่เคยทำ คือการปาของใส่ ทำร้ายมัน เเต่ไม่ทำต่อหน้าลูกนะคะ ยิ่งเราเห็นหน้ามัน เราเก็บอารมณ์ เราไม่เหลือความอดทนเหมือนเคย
มันมีวิธีไหนอีกบ้าง ที่จะทำให้ออกไปจากชีวิตเรา เพราะว่า เราก็ 40+ เเล้ว เราไม่อยากเสียเวลากับชีวิตกับคนที่ไร้สาระมากกว่านี้ที่คิดเเค่ กิน เล่น เที่ยว ไม่ได้จริงจังที่จะสร้างครบครัว เราไม่ให้โอกาสอะไรอีก หรือ เราต้องทำถึงขนาด ขายบ้านตัดภาระเเล้วไปเอง ไปอยู่ในที่ๆมันไม่รู้เลย
พูดถึงข้อเสียที่เกิดขึ้นมาเยอะ ขอพูดข้อดีมันนิดเดียว
1. จะเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเงินจริงๆ เป็นคนมีความมุ่งมั่นกับเรื่องตัวเองมาก เรื่องคนอื่น gu ไม่เเคร์ ของตัวเองไม่อยากเสีย เเต่ของคนอื่อยากได้ สรุปว่าดีมั๊ยคะ ล้วนเเล้วตีควมหมายว่า เป็นคนตั้งใจเพื่อตัวเอง
สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อนๆที่อ่านอยู่พิจารณานะคะเราอยากได้ทางออกจริงๆ ถ้าใครจะติก็รบกวนให้อยู่ในความสุภาพในการพิมพ์เเนะนำมา น้อมรับทุกคำเสนอเเนะคะ ขอบคุณค่าาาา