เศรษฐา สับเลอะเทอะปมจับมือ บิ๊กป้อม ตั้งรัฐบาล ลั่นถามกี่ครั้งก็จะตอบว่าเลอะเทอะ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7742764
เศรษฐา สับเลอะเทอะปมจับมือ บิ๊กป้อม ตั้งรัฐบาล ลั่นถามกี่ครั้งก็จะตอบว่าเลอะเทอะ เห็นด้วย ประยุทธ์ ถอยช่วงเปลี่ยนผ่าน ชี้เป็นสิทธิ “พิธา” ชิงเปิดตัว “ปดิพัทธ์” นั่งปธ.สภา
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.66 ที่จ.นครพนม นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินสายขอบคุณชาวพิษณุโลก พร้อมเปิดตัวนาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกว่าเป็นแคนดิเดตประธานสภาว่า
ถ้าเกิดตกลงได้ว่าเป็นของพรรคก.ก.ก็เป็นสิทธิของนายพิธาและพรรคก.ก.ที่จะเสนอใครก็ได้ ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ที่มีการเปิดตัวขณะที่ยังพูดคุยกันระหว่าง 2 พรรคยังไม่ชัดเจนนั้น ก็ถือเป็นสิทธิของก.ก.ที่จะให้สาธารณชนรับรู้ว่าจะให้นาย
ปดิพัทธ์เป็นประธานสภา แต่สำหรับพรรคพท.ไม่มีสิทธิที่คิดเปิดตัวแคนดิเดตประธานสภาฯ ในลักษณะแบบเดียวกัน คิดว่าการตกลงกันภายในเงียบๆ น่าจะดีกว่า
เมื่อถามว่าพรรคพท.เปิดตัวแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานสภากลับโดนทัวร์ลงในระหว่างที่พรรคก.ก.และพรรคพท.ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ไม่รู้ว่าทัวร์ลงคืออะไร แล้วแต่จะคิด เราควรเน้นที่จุดมุ่งหมายมากกว่า เพราะเดี๋ยวตำแหน่งประธานสภาก็จะชัดเจนแล้ว และเดินหน้าต่อไปในการโหวตเลือกนายกฯ
เมื่อถามย้ำว่าทั้ง 2 พรรคการเมืองควรหยุดออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อลดความขัดแย้งและไม่ให้ปานปลายหรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยก็มีสิทธิเสรีภาพในการพูด แต่เชื่อว่าหลายคนจะทราบว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด
เมื่อถามว่าในวันโหวตนายกฯ หากนายพิธาไม่สามารถได้เป็นนายกฯ ตั้งแต่การโหวตในครั้งแรก จะมีทางออกอย่างไรนั้น นาย
เศรษฐา กล่าวว่า คงมีสิทธิ์เสนอได้อีก แต่ส่วนตัวไม่แน่ใจนัก และไม่ทราบกระบวนการทางรัฐสภาว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนก.ค.หรือไม่ ซึ่งอยากขอให้เป็นไปทีละขั้นและเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยได้โดยเร็ว เนื่องจากมีเรื่องงบประมาณปี 67 ที่ต้องคำนึงถึงด้วย
เมื่อถามว่าพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะลดบทบาททางการเมืองลง เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการนั้น นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ถือว่าเหมาะสมเพราะประชาชนก็อยากเห็นแบบนั้น เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ขอให้เปลี่ยนผ่านไปด้วยดี ไม่มีผิดใจกันหรือมีประเด็นอะไรเกิดขึ้น หากพล.อ.
ประยุทธ์ตัดสินใจลดบทบาททางการเมืองลงจริง ก็จะช่วยลดความเผ็ดร้อนและความรุนแรงลงได้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวจากพลังประชารัฐ (พปชร.) บอกว่านายกฯคนที่ 30 คือพล.อ.ป
ระวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.เหมาะสมหรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า เป็นสิทธิของเขา แต่ละพรรคก็มีแคนดิเดตนายกฯ แต่พรรคก.ก.และพรรคพท.อยู่ฝั่งประชาธิปไตย ดังนั้นจะเรียกพรรคพปชร.ว่าอะไรก็เรียกไป การออกมาพูดแบบนี้ก็ต้องมาดูที่คะแนนเสียงด้วย คงเป็นเรื่องของการเมือง ตอนนี้ขอโฟกัสที่เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น ลองนับเลขดูเพราะเลขไม่ได้เป็นหลักล้าน ใช้แค่มือนับก็ได้แล้ว
เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสข่าวสูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคพท.จับมือกับพรรคพปชร. นาย
เศรษฐา กล่าวว่า เลอะเทอะ ถามกี่ครั้งก็จะตอบว่าเลอะเทอะ
“พิธา” ตอบรับเป็น “แบรนด์แอมบาสเดอร์ท่องเที่ยวไทย”
https://tna.mcot.net/politics-1199508
โรงแรมรามาการ์เด้น 1 ก.ค.- “พิธา” ตอบรับคำเชิญ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ เป็น “แบรนด์แอมบาสเดอร์ท่องเที่ยวไทย” บอก หลังเข้าทำเนียบฯ เตรียมประชุม UN ชูวาระเที่ยวไทยกับผู้นำฯ ทั่วโลก
นาย
ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ภายหลังการหารือ ร่วมกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล และคณะ ว่า เป็นอีกวันที่ตัวแทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่ง เดินทางมาจากทั่วประเทศ มากกว่า 50 คน ส่วนใหญ่เป็นนายกฯ และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด โดยข้อเสนอหลักมีสองเรื่อง 1. มองว่าการท่องเที่ยวควรเป็นวาระแห่งชาติ เพราะประกอบด้วยทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่จะแก้ปัญหาและสร้างโอกาส จึงอยากให้ว่าที่นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานเพื่อกำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง พร้อมเชื่อว่าเรื่อง demand-side ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้ามีการเจาะลึกเราควรจะเลือกว่าประเทศไหน อย่างไร จึงจะเหมาะสมกับประเทศไทย ส่วน supply side จะต้องมีการสร้างโอกาสที่ดี จากสนามบินไปยังจุดต่างๆ ต้องจัดการให้ไร้คอขวด นั่นหมายถึงการจัดการกับกฎหมายบางอย่างที่มีมานานแล้ว หรือประเภทโรงแรมที่พัก โดยจะรวบรวมปัญหาต่างๆ เพื่อนำเสนอว่าที่นายก
พิธา เป็นสมุดปกขาว รวมถึงอยากให้นาย
พิธา มาเป็นแบรนด์เอมบาสเดอร์ท่องเที่ยวไทย
ด้านนาย
พิธา กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นสอดคล้องกัน ซึ่งได้มีการพูดคุยกันสถานการณ์การท่องเที่ยวก่อนและหลังโควิด โดยเปรียบเทียบตัวเลขระหว่างปี 2019 กับ 2023 ทั้งเรื่องของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย และการบริหารจัดการในระดับจังหวัด ซึ่งประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ อยากให้นายกฯ ได้ดูแลเรื่องการท่องเที่ยวโดยตรง เพราะไม่ว่านโยบายท่องเที่ยวจะดีแค่ไหน แต่ถ้ามีปัญหาสิ่งแวดล้อม มีปัญหาโรคระบาด มีปัญหาเรื่องสังคมสูงวัย และปัญหาส่วย อาจทำให้นโยบายท่องเที่ยวไม่สามารถปฏิบัติได้จริง
พร้อมตอบรับคำเชิญ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์การท่องเที่ยวด้วยความยินดี อาจจะเป็นทั้งคนที่บริหารและสื่อสารด้วย และเมื่อเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อไหร่ มีการบริหารเมื่อไหร่ คงจะมีการเดินทางไปต่างประเทศ พบปะผู้นำต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนนี้ ที่จะมีการประชุมสหประชาชาติ คงจะใช้โอกาสนี้เอาเรื่องการท่องเที่ยว และเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ มาเที่ยวในประเทศไทย ทำให้เป็นวาระสำคัญในการประชุมกับผู้นำในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นคงจะพูดนโยบาย ของพรรคร่วม 8 พรรค ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น การแก้ใบอนุญาต ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ล่าช้าล้าหลัง
นาย
พิธา ยังพูดถึงตัวเลขการท่องเที่ยวว่า เป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องมีการพูดคุยกันเยอะ เพราะหากเปรียบเทียบตัวเลขการท่องเที่ยวก่อนและหลังโควิด-19 พบว่าหายไป 40% แต่ก็ถือว่าเราไม่ได้แย่ไปกว่าทั่วโลก เพียงแต่นักท่องเที่ยวจีน กลับมาท่องเที่ยวเพียง 2% จาก 20% แต่ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าจะทำให้ยั่งยืนหากคงจะไม่ใช่เพียงแค่จำนวนอย่างเดียวแต่ต้องดูเรื่องคุณภาพด้วย เพราะมองว่า 75% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ยังกระจุกอยู่ 5 จังหวัดแทนที่จะกระจายออก และเห็นตรงกันว่า นโยบายเมืองรองที่ผ่านมา อาจจะไม่เพียงพอ คงต้องมีการแก้ไขกฎหมาย โฮมสเตย์ เรื่องการคมนาคมระหว่างจังหวัด ใจเพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยว พร้อมยกตัวอย่างการเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่เพื่อไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน ใช้เวลาเดินทางนาน อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเลือกเที่ยวอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่มากกว่าไปที่แม่ฮ่องสอนด้วย .- สำนักข่าวไทย
ค้าปลีกแข่งดุ โชห่วยเสี่ยงสูญพันธุ์ ทั่วประเทศเหลือ 1แสนราย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4057460
ค้าปลีกแข่งดุ โชห่วยเสี่ยงสูญพันธุ์ ทั่วประเทศเหลือ 1แสนราย รายใหญ่เพิ่มสาขาชุมชน
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม นาย
สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะสมาชิกร้านค้าย่อย(โชห่วย)ทั่วประเทศ พบว่า สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของไทย โดยเฉพาะรายย่อยค่อยข้างนิ่ง ปัจจัยหลักจากการรอดูสถานการณ์การเมืองที่ยังวุ่นกับเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจบปัญหาการตั้งประธานสภาฯ รวมถึงไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรอีกหรือไม่ หากความเห็นที่แตกต่างรุนแรงและเกิดการปะทะบนถนน จึงกระทบต่ออารมณ์การใช้จ่าย ผนวกกับเศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้ดีอย่างที่ควรเป็น เพราะมีปัญหาสะสมค้างคาหลายเรื่อง ทั้งต้นทุนสูง ค่าใช้จ่ายการใช้ชีวิตสูงขึ้น ราคาสินค้าที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้ยังทรงตัวในระบบสูง ปัญหาหนี้สิน ต้นทุนดอกเบี้ยและการปรับขึ้นค่าแรงที่กำลังมา อีกทั้งการส่งออกหดตัว ส่งผลต่อการผลิต การท่องเที่ยวจากต่างชาติก็ยังต้องรอช่วงไฮซีซั่น และหลายพื้นที่เจอแล้งหนัก กระทบต่อผลผลิตลดลงมาก จึงส่งผลให้ยอดการค้า 2 เดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ตกลง 50%
”
ในไตรมาส 3 ค้าปลีกยังน่าห่วง ทั้งบรรยากาศการเมือง เข้าหน้าฝน และการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค้าปลีกรายใหญ่ปรับวิธีการหันเพิ่มสาขาเล็กลง เปิดตามชุมชน บริการส่งถึงที่ เปิดค้าออนไลน์ ด้วยสายป่านที่ยาวกว่าร้านค้าแบบดั้งเดิมหรือโชห่วย ทำให้ร้านค้าย่อยยิ่งอยู่ได้ลำบาก วันนี้ร้านค้าย่อยทั่วประเทศที่เคยมี 4-5 แสนราย เหลือเพียง 1 แสนรายที่ยังสู้ค้าขายต่อ ที่เหลือค้าขายเพื้อให้อยู่ได้และบางส่วนรอให้ตายไปเอง ขณะที่รายใหญ่และทุนต่างชาติเข้มแข็งขึ้น จากการแตกย่อยสาขาเล็กลง และเจ้าของสินค้าที่เคยป้อนตลาดสดและร้านค้าย่อย ก็หันมาเปิดจุดจำหน่ายเอง อย่าง จุดขายเนื้อหมู ไก่ ไข่ โดยที่เจ้าของฟาร์มเลี้ยงทำเอง ” นาย
สมชาย กล่าว
JJNY : เศรษฐาสับเลอะเทอะจับมือป้อม│พิธาตอบรับแบรนด์แอมบาสเดอร์│ค้าปลีกแข่งดุ โชห่วยเสี่ยงสูญพันธุ์│ยูเครนเสริมแนวป้องกัน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7742764
เศรษฐา สับเลอะเทอะปมจับมือ บิ๊กป้อม ตั้งรัฐบาล ลั่นถามกี่ครั้งก็จะตอบว่าเลอะเทอะ เห็นด้วย ประยุทธ์ ถอยช่วงเปลี่ยนผ่าน ชี้เป็นสิทธิ “พิธา” ชิงเปิดตัว “ปดิพัทธ์” นั่งปธ.สภา
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.66 ที่จ.นครพนม นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เดินสายขอบคุณชาวพิษณุโลก พร้อมเปิดตัวนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกว่าเป็นแคนดิเดตประธานสภาว่า
ถ้าเกิดตกลงได้ว่าเป็นของพรรคก.ก.ก็เป็นสิทธิของนายพิธาและพรรคก.ก.ที่จะเสนอใครก็ได้ ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ที่มีการเปิดตัวขณะที่ยังพูดคุยกันระหว่าง 2 พรรคยังไม่ชัดเจนนั้น ก็ถือเป็นสิทธิของก.ก.ที่จะให้สาธารณชนรับรู้ว่าจะให้นายปดิพัทธ์เป็นประธานสภา แต่สำหรับพรรคพท.ไม่มีสิทธิที่คิดเปิดตัวแคนดิเดตประธานสภาฯ ในลักษณะแบบเดียวกัน คิดว่าการตกลงกันภายในเงียบๆ น่าจะดีกว่า
เมื่อถามว่าพรรคพท.เปิดตัวแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานสภากลับโดนทัวร์ลงในระหว่างที่พรรคก.ก.และพรรคพท.ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่รู้ว่าทัวร์ลงคืออะไร แล้วแต่จะคิด เราควรเน้นที่จุดมุ่งหมายมากกว่า เพราะเดี๋ยวตำแหน่งประธานสภาก็จะชัดเจนแล้ว และเดินหน้าต่อไปในการโหวตเลือกนายกฯ
เมื่อถามย้ำว่าทั้ง 2 พรรคการเมืองควรหยุดออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อลดความขัดแย้งและไม่ให้ปานปลายหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตยก็มีสิทธิเสรีภาพในการพูด แต่เชื่อว่าหลายคนจะทราบว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด
เมื่อถามว่าในวันโหวตนายกฯ หากนายพิธาไม่สามารถได้เป็นนายกฯ ตั้งแต่การโหวตในครั้งแรก จะมีทางออกอย่างไรนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า คงมีสิทธิ์เสนอได้อีก แต่ส่วนตัวไม่แน่ใจนัก และไม่ทราบกระบวนการทางรัฐสภาว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนก.ค.หรือไม่ ซึ่งอยากขอให้เป็นไปทีละขั้นและเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยได้โดยเร็ว เนื่องจากมีเรื่องงบประมาณปี 67 ที่ต้องคำนึงถึงด้วย
เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะลดบทบาททางการเมืองลง เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ถือว่าเหมาะสมเพราะประชาชนก็อยากเห็นแบบนั้น เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการ ก็ขอให้เปลี่ยนผ่านไปด้วยดี ไม่มีผิดใจกันหรือมีประเด็นอะไรเกิดขึ้น หากพล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจลดบทบาททางการเมืองลงจริง ก็จะช่วยลดความเผ็ดร้อนและความรุนแรงลงได้
เมื่อถามถึงกระแสข่าวจากพลังประชารัฐ (พปชร.) บอกว่านายกฯคนที่ 30 คือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร.เหมาะสมหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นสิทธิของเขา แต่ละพรรคก็มีแคนดิเดตนายกฯ แต่พรรคก.ก.และพรรคพท.อยู่ฝั่งประชาธิปไตย ดังนั้นจะเรียกพรรคพปชร.ว่าอะไรก็เรียกไป การออกมาพูดแบบนี้ก็ต้องมาดูที่คะแนนเสียงด้วย คงเป็นเรื่องของการเมือง ตอนนี้ขอโฟกัสที่เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่นั้น ลองนับเลขดูเพราะเลขไม่ได้เป็นหลักล้าน ใช้แค่มือนับก็ได้แล้ว
เมื่อถามย้ำว่ามีกระแสข่าวสูตรการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรคพท.จับมือกับพรรคพปชร. นายเศรษฐา กล่าวว่า เลอะเทอะ ถามกี่ครั้งก็จะตอบว่าเลอะเทอะ
“พิธา” ตอบรับเป็น “แบรนด์แอมบาสเดอร์ท่องเที่ยวไทย”
https://tna.mcot.net/politics-1199508
โรงแรมรามาการ์เด้น 1 ก.ค.- “พิธา” ตอบรับคำเชิญ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ เป็น “แบรนด์แอมบาสเดอร์ท่องเที่ยวไทย” บอก หลังเข้าทำเนียบฯ เตรียมประชุม UN ชูวาระเที่ยวไทยกับผู้นำฯ ทั่วโลก
นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ภายหลังการหารือ ร่วมกับ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล และคณะ ว่า เป็นอีกวันที่ตัวแทนสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่ง เดินทางมาจากทั่วประเทศ มากกว่า 50 คน ส่วนใหญ่เป็นนายกฯ และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัด โดยข้อเสนอหลักมีสองเรื่อง 1. มองว่าการท่องเที่ยวควรเป็นวาระแห่งชาติ เพราะประกอบด้วยทุกกระทรวง ทบวง กรม ที่จะแก้ปัญหาและสร้างโอกาส จึงอยากให้ว่าที่นายกรัฐมนตรี นั่งเป็นประธานเพื่อกำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง พร้อมเชื่อว่าเรื่อง demand-side ไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้ามีการเจาะลึกเราควรจะเลือกว่าประเทศไหน อย่างไร จึงจะเหมาะสมกับประเทศไทย ส่วน supply side จะต้องมีการสร้างโอกาสที่ดี จากสนามบินไปยังจุดต่างๆ ต้องจัดการให้ไร้คอขวด นั่นหมายถึงการจัดการกับกฎหมายบางอย่างที่มีมานานแล้ว หรือประเภทโรงแรมที่พัก โดยจะรวบรวมปัญหาต่างๆ เพื่อนำเสนอว่าที่นายก พิธา เป็นสมุดปกขาว รวมถึงอยากให้นายพิธา มาเป็นแบรนด์เอมบาสเดอร์ท่องเที่ยวไทย
ด้านนายพิธา กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายเห็นสอดคล้องกัน ซึ่งได้มีการพูดคุยกันสถานการณ์การท่องเที่ยวก่อนและหลังโควิด โดยเปรียบเทียบตัวเลขระหว่างปี 2019 กับ 2023 ทั้งเรื่องของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย และการบริหารจัดการในระดับจังหวัด ซึ่งประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ อยากให้นายกฯ ได้ดูแลเรื่องการท่องเที่ยวโดยตรง เพราะไม่ว่านโยบายท่องเที่ยวจะดีแค่ไหน แต่ถ้ามีปัญหาสิ่งแวดล้อม มีปัญหาโรคระบาด มีปัญหาเรื่องสังคมสูงวัย และปัญหาส่วย อาจทำให้นโยบายท่องเที่ยวไม่สามารถปฏิบัติได้จริง
พร้อมตอบรับคำเชิญ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์การท่องเที่ยวด้วยความยินดี อาจจะเป็นทั้งคนที่บริหารและสื่อสารด้วย และเมื่อเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อไหร่ มีการบริหารเมื่อไหร่ คงจะมีการเดินทางไปต่างประเทศ พบปะผู้นำต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงเดือนกันยายนนี้ ที่จะมีการประชุมสหประชาชาติ คงจะใช้โอกาสนี้เอาเรื่องการท่องเที่ยว และเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ มาเที่ยวในประเทศไทย ทำให้เป็นวาระสำคัญในการประชุมกับผู้นำในต่างประเทศ อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นคงจะพูดนโยบาย ของพรรคร่วม 8 พรรค ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น การแก้ใบอนุญาต ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายที่ล่าช้าล้าหลัง
นายพิธา ยังพูดถึงตัวเลขการท่องเที่ยวว่า เป็นสิ่งสำคัญ ที่ต้องมีการพูดคุยกันเยอะ เพราะหากเปรียบเทียบตัวเลขการท่องเที่ยวก่อนและหลังโควิด-19 พบว่าหายไป 40% แต่ก็ถือว่าเราไม่ได้แย่ไปกว่าทั่วโลก เพียงแต่นักท่องเที่ยวจีน กลับมาท่องเที่ยวเพียง 2% จาก 20% แต่ก็มีการพูดคุยกันว่าถ้าจะทำให้ยั่งยืนหากคงจะไม่ใช่เพียงแค่จำนวนอย่างเดียวแต่ต้องดูเรื่องคุณภาพด้วย เพราะมองว่า 75% ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ยังกระจุกอยู่ 5 จังหวัดแทนที่จะกระจายออก และเห็นตรงกันว่า นโยบายเมืองรองที่ผ่านมา อาจจะไม่เพียงพอ คงต้องมีการแก้ไขกฎหมาย โฮมสเตย์ เรื่องการคมนาคมระหว่างจังหวัด ใจเพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยว พร้อมยกตัวอย่างการเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่เพื่อไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน ใช้เวลาเดินทางนาน อาจทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเลือกเที่ยวอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่มากกว่าไปที่แม่ฮ่องสอนด้วย .- สำนักข่าวไทย
ค้าปลีกแข่งดุ โชห่วยเสี่ยงสูญพันธุ์ ทั่วประเทศเหลือ 1แสนราย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4057460
ค้าปลีกแข่งดุ โชห่วยเสี่ยงสูญพันธุ์ ทั่วประเทศเหลือ 1แสนราย รายใหญ่เพิ่มสาขาชุมชน
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะสมาชิกร้านค้าย่อย(โชห่วย)ทั่วประเทศ พบว่า สถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของไทย โดยเฉพาะรายย่อยค่อยข้างนิ่ง ปัจจัยหลักจากการรอดูสถานการณ์การเมืองที่ยังวุ่นกับเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ และจบปัญหาการตั้งประธานสภาฯ รวมถึงไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรอีกหรือไม่ หากความเห็นที่แตกต่างรุนแรงและเกิดการปะทะบนถนน จึงกระทบต่ออารมณ์การใช้จ่าย ผนวกกับเศรษฐกิจโดยรวมไม่ได้ดีอย่างที่ควรเป็น เพราะมีปัญหาสะสมค้างคาหลายเรื่อง ทั้งต้นทุนสูง ค่าใช้จ่ายการใช้ชีวิตสูงขึ้น ราคาสินค้าที่ปรับขึ้นก่อนหน้านี้ยังทรงตัวในระบบสูง ปัญหาหนี้สิน ต้นทุนดอกเบี้ยและการปรับขึ้นค่าแรงที่กำลังมา อีกทั้งการส่งออกหดตัว ส่งผลต่อการผลิต การท่องเที่ยวจากต่างชาติก็ยังต้องรอช่วงไฮซีซั่น และหลายพื้นที่เจอแล้งหนัก กระทบต่อผลผลิตลดลงมาก จึงส่งผลให้ยอดการค้า 2 เดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ตกลง 50%
” ในไตรมาส 3 ค้าปลีกยังน่าห่วง ทั้งบรรยากาศการเมือง เข้าหน้าฝน และการแข่งขันที่สูงขึ้น โดยเฉพาะค้าปลีกรายใหญ่ปรับวิธีการหันเพิ่มสาขาเล็กลง เปิดตามชุมชน บริการส่งถึงที่ เปิดค้าออนไลน์ ด้วยสายป่านที่ยาวกว่าร้านค้าแบบดั้งเดิมหรือโชห่วย ทำให้ร้านค้าย่อยยิ่งอยู่ได้ลำบาก วันนี้ร้านค้าย่อยทั่วประเทศที่เคยมี 4-5 แสนราย เหลือเพียง 1 แสนรายที่ยังสู้ค้าขายต่อ ที่เหลือค้าขายเพื้อให้อยู่ได้และบางส่วนรอให้ตายไปเอง ขณะที่รายใหญ่และทุนต่างชาติเข้มแข็งขึ้น จากการแตกย่อยสาขาเล็กลง และเจ้าของสินค้าที่เคยป้อนตลาดสดและร้านค้าย่อย ก็หันมาเปิดจุดจำหน่ายเอง อย่าง จุดขายเนื้อหมู ไก่ ไข่ โดยที่เจ้าของฟาร์มเลี้ยงทำเอง ” นายสมชาย กล่าว