วันเสาร์ที่ 10-6-23 วันนี้ต้องไป 2 งาน
งานแรก คือ งานแสดงมุฑิตาจิต ที่ภาควิชาเทคโนโลยีทางภาพและการพิมพ์
หรือชื่อเดิม "ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางภาพถ่าย และเทคโนโลยี่ทางการพิมพ์"
คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งจบการศึกษาเมื่อ 44 ปีที่แล้ว
เป็นการแสดงมุฑิตาจิตต่อคณาจารย์ ที่เคยให้ความรู้จนประสบความสำเร็จในวิชาชีพ ของรุ่นที่ 1-10
อีกงาน คือ งานบรรจุศพคุณแม่เพื่อนสนิทกว่า 50 ปี ที่นับถือเหมือนเป็นแม่คนหนึ่ง ที่วัดหัวลำโพง สามย่าน
สมัยทำงานย่านสีลมไปนั่งกินข้าวเย็นที่ร้าน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นจามจุรีสแควร์แทบทุกวัน 
10.08 น.เดินทางถึงคณะวิทยาศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



งานจัดที่ชั้น 6 ของภาควิชา ซึ่งใช้อาคารร่วมกับภาควิชาวัสดุศาตร์
สมัยเรียน ใช้อาคารร่วมกับภาควิชาวิทยาศาตร์ทั่วไปจนจบ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่มาอาคารหลังใหม่ ซึ่งสร้างเสร็จหลังจากสำเร็จการศึกษาไปแล้ว





ชั้น 5 ของอาคารปัจจุบัน มีพิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีทางภาพ (Muaeum of Imaging Technology)
ตั้งแต่เปิดให้เข้าชม ยังไม่มีโอกาสมาชม ทั้งที่มีความตั้งใจ 
ที่จะมอบอุปกรณกล้องทั้งภาพนิ่งและภาพยนต์ให้กับทางภาควิชา













ของว่างก่อนเริ่มงาน



10.30 น.เริ่มงานด้วยการดน้ำอาจารย์ที่เคยสอน



ตามด้วยโอวาทจากอาจารย์



ถ่ายภาพหมู่ร้วมกัน รุ่น 3 มาร่วมงาน 4 คน 
จากทั้งรุ่น 10 คนและเหลืออยู่ 9 คน อยู่ต่างประเทศ 3 คน



ไม่ได้อยู่กินบุฟเฟต์ แต่เดินไปวัดหัวลำโพง





13.00 น.เริ่มพิธีบรรจุศพ



เสร็จพิธีหลังบ่ายสามเล็กน้อย ชวนกันไปหาอะไรกินเป็นข้าวเที่ยงในซอยหน้าวัดหัวลำโพง
ที่ทะลุไปออกถนนสุรวงศ์ได้ ร้านแรกกลางซอยหลังอดีตภัตตาคารกาแล็กซี่ 
สั่งข้าวผัดพริกหยวกแบบคลุกข้าวสุดห่วยไม่เก็บภาพให้เสียมือ 



ก่อนกลับเข้าวัดแวะร้านที่เดินผ่านสัญชาตณานการกินพลาดไป ที่ปากซอยหลังโรงเรียนวัดหัวลำโพง 
ที่สะดุดตากับชื่อกะเพรากุ้งล้น มีพี่เปรียวเป็นเจ้าของร้าน เดิมขายอยู่ในวัดหัวลำโพงติดทางออก 
ก่อนย้ายมาริมถนนซอย แล้วย้ายมาที่ปัจจุบันได้ปีกว่าเพราะการจัดระเบียบ



ครั้งแรกที่เดินผ่านเหมือนจะปิดร้านแล้ว



แต่ยังไม่เก็บครัว เก็บโต๊ะจนเหลือแค่สองโต๊ะ



ถ้าเป็นวันธรรมดากุ้งหมดแล้ว แต่วันนี้ยังมี สั่งมาคนละจาน ๆ ละ 50 บาท เพิ่มไข่ดาวอีก 10 บาท
แพงขึ้นกว่าเดิมจานละ 10 บาท เพราะมีค่าเช่าร้านแทนค่าบำรุงวัดและค่าเทศกิจ
เป็นผัดกะเพราแท้ที่ไม่ผักมีอื่นปน รสไม่จัดเกินความสามารถ



ให้ข้าวเยอะ ใช้ข้าวเสาไห้ผสมข้าวหอมมะลิ
หุงใส่น้ำมาก ข้าวฟูนิ่มย่อยง่าย เพราะขายพนักงานออฟฟิศบ่ายไม่ง่วง
แต่ที่ต้องตะลึงเพราะสมชื่อร้านใส่กุ้งล้นมา 10 ตัว



กุ้งเด็ดหัวแกะเปลือก เหลือคางกุ้งกรอบเล็กน้อยให้เคี้ยวเพลินเพิ่มไคติน
กุ้งผ่าหลังดึงเส้นดำหลังออกหมดจด กลายเป็นว่าต้องมาซ้ำอีก 2 มื้อ 4 จานระเบิดล้นพุง
เพราะอยากลองกะเพราเนื้อและคะน้าหมูกรอบ ที่แว่วมาว่าปกติต้องมาก่อนสิบโมง
ร้านหยุดวันพุธ เปิด 8.30-16.00 น.มาก่อนเวลากรุณายืนรอหน้าร้าน
มื้อเที่ยงเต็ม 5 โต๊ะ ต้องยืนรอจดสั่งอาหารและส้มตำไปก่อน แถมต้องรอคิวดิลิเวอรี่กว่าร้อยกล่อง



หมูกรอบดูน่ากิน



ก่อนถึงเวลาสวดพระอภิธรรมศพ ขึ้นไปที่พระอุโบสถทรงจตุรมุข 3 ชั้นของวัดหัวลำโพง
-วัดหัวลำโพง พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตั้งอยู่ในเขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
วัดหัวลำโพงเดิมชื่อ "วัดวัวลำพอง" เป็นวัดราษฎร์ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ 
วัดหัวลำโพงยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดหัวลำโพง และมูลนิธิร่วมกตัญญู
ราวปีพ.ศ. 2447 จากหลักฐานและคำบอกเล่ากล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระกฐิน ณ วัดต่าง ๆ สามแห่ง ตามลำดับ
คือ วัดสามจีน (วัดไตรมิตรวิทยาราม) วัดตะเคียน (วัดมหาพฤฒาราม) และวัดวัวลำพอง (วัดหัวลำโพง)
ในการเสด็จพระราชดำเนินทอดผ้าพระกฐิน ที่วัดวัวลำพองนั้นได้โปรดเกล้าฯ 
ให้เปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่ พระราชทานนามว่า วัดหัวลำโพง
วันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 วัดหัวลำโพงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ 
จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ยกฐานะวัดขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ (วิกิ)







-พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ 
มีพระนามว่า พระพุทธมงคล ลงรักปิดทอง เหนือพระเกศ ประกอบด้วยฉัตรโคมไฟ 7 ชั้น 
ประทับอยู่บนฐานชุกชี ๒ ชั้น ชั้นแรกเป็นฐานหินอ่อน ชั้นบนเป็นฐานปูนปั้นลงรักปิดทอง 
ประดับกระจกสี บนฐานชั้นแรกเป็นที่ประดิษฐานพระอัครสาวกสององค์บนฐานหินอ่อนแกะบัวหงาย
 เบื้องซ้ายพระโมคคัลลานะ เบื้องขวาพระสารีบุตร ใต้ฐานชุกชีบรรจุพระพุทธรูปปางต่างๆ 
พระผงพุทธคุณ เหรียญพระคณาจารย์ต่างๆ เมื่อวันวิสาขบูชา วันที่ 30 พฤษภาคม 2541
https://www.modonut.net/showdetail.asp?boardid=890



ยังไม่มีโอกาสเข้าชมพระวิหารข้างพระอุโบสถ



เดิมชมทัศนียภาพด้านถนนพระรามที่ 4 จากลานพระอุโบสถ
อาคารจตุรัสจามจุรี กว่าจะสร้างเสร็จเล่นเอาท้อ เพราะน้ำท่วมชั้นใต้ดินแก้ไม่ตก
จนอัญเชิญเทพเจ้าเห้งเจียกลับมาจึงสร้างสำเร็จ และมีการสร้างศาลไว้ฝั่งถนนพญาไท



อาคารแอชตัน จุฬา-สีลม ที่สร้างบนอดียปวโรฬารวิทยา
มองเห็นโรงแรมมณเฑียรทางด้านหลัง



วันพฤหัสฯ ที่ 15-6-23 วันทำกงเต็ก
หลังจากมาร่วมงานกับแฟนอีกครั้งในวันอาทิตย์
วันนี้ออกจากที่ทำงานตั้งแต่บ่ายสองโมง โดยตั้งใจจะมาลองอาหารอย่างอื่น
ของร้านกะเพรากุ้งล้นพี่เปรี้ยว เดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสมาต่อรถใต้ดินที่หมอชิต
15.32 น.ถึงสถานีหัวลำโพงหน้าวัดหัวลำโพง



รีบเดินไปที่ร้านกะเพรากุ้งล้นพี่เปรี้ยวเพราะปิดสี่โมงเย็น





เพิ่งมีโอกาสดูรายการอาหาร
มาเกือบปิดร้านกุ้งหมด เนื้อวัวหมด เหลือแต่เนื้อไก่แลเนื้ะหมู





สั่งมาสองอย่าง



ข้าวผัดพริกหยวกหมู+ไข่ดาว 60 บาท 
แต่สั่งแบบผัดคลุกข้าวไม่ราดข้าว



ข้าวออกแฉะเล็กน้อย ซึ่งถ้าสั่งผัดแบบคลุกข้าว ต้องใส่น้ำน้อยก่อนผัดคลุก



แต่ก็เป็นข้าวผัดพริกหยวกแบบที่ต้องการ
สมัยเรียนคณะวิทยาศาสตร์ภาคสมทบ (Twilight Science)
ทุกเย็นจะสั่งข้าวผัดพริกชี้ฟ้า หรือพริกเหลือง ที่ซุ้มข้างคลองหลังโรงอาหาร
เป็นข้าวผัดซีอิ๊วแต่ใส่พริกชี้ฟ้า หรือพริกเหลืองแทนคะน้า
จบมา 44 ปี ยังหาร้านไหนที่ผัดให้เหมือนไม่ได้



จานที่สองลังเลอยู่นาน ระหว่างผัดพริกแกง หรือผัดคั่วเกลือ
สุดท้ายผู้เข้ารอบกลับเป็นมาม่าผัดขี้เมาไก่ 60 บาท
ตกใจกับปริมาณที่ให้มาจนกลัวว่าจะเสียชื่อที่กินไม่หมด





เส้นลวกมาดีเด้งดึ๋ง



ใส่บร็อกโคลี กะหล่ำ ข้าวโพดหวาน แครอท 
พริกไทยสด พริกขี้หนู ใบกะเพราและใบมะกรูด
รสเผ็ดปานกลางไม่ถึงขั้นแตกซิก





หมดจดจานสะอาดไม่เสียชื่อ



ตั้งแต่มีโควิด 19 การทำกงเต็กแบบไม่ทำตั้งแต่เช้า
แต่เลือกแบบเริ่มบ่ายสองโมง จะเสร็จพีธีรวมถึงเผาบ้านและของใช้ที่ทำจากกระดาษ
ในเตาเผามิดชิดกำจัดควันไม่เกินสองทุ่ม



อาหารในงานคืนวันนี้ไม่ใช่ข้าวต้มปลากะพงชิ้นหนา
ถ้วยละ 90 บาทเหมือนเมื่อวันอาทิตย์และวันจันทร์
แต่เป็นข้าวต้มหมูสับ ใส่หมึกแห้ง กุ้งแห้งและเห็ดหอม



นอกจากข้าวต้มหมูสับ ยังมีเกี๊ยวกุ้งหมูสับน้ำอีกสี่ลูกใหญ่



ตามธรรมเนียมจีน หลังสวดพระอภิธรรมและทำกงเต็ก
จะมีพิธีคำนับศพร่วมกัน พออายุมากขึ้นและสนิทกับเจ้าภาพ
ก็มักจะได้รับเชิญ ให้เป็นประธานร่วมในพิธีคำนับศพ