ลุงข้างทางตอนที่ขาด
มาลัยนั้นเป็นภูติสาวมาก่อนเนิ่นนาน พอกลับคืนเป็นคนดุจเดิม จึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ล้วงโทรศัพท์ส่วนตัวออกมาเพื่อจะกดโทรออกให้สามี แม้ท่าทางหล่อนเปิ่นๆเหมือนใช้ไม่เป็น แต่ด้วยความสวยของเธอ อาการเคอะเขินในการใช้งานกลับเป็นที่น่าเอ็นดูแก่สายตาผู้มองมายิ่งนัก
ทุกคนมองตามพลางแอบอมยิ้ม แต่ไม่มีใครกล้าเสนอตัวแนะนำวิธีการใช้ เพราะเกรงว่าจะจะทำให้หญิงสาวอับอายนางพรายผีผู้ซึ่งใจซื่อตรง โผงผาง จึงเอ่ยกับน้องนาถยาที่ยืนอยู่ข้างๆ
“วานคุณหนูจงไปสอนการใช้งานให้คุณมาลัยด้วยเถิด ของสมัยใหม่เช่นนี้ คุณเธอย่อมไม่คุ้นเคย”
นาถยาได้ยินดังนั้นจึงต้องทำตาม แต่ก็หวั่นว่าจะเป็นการแสดงออกซึ่งความละลาบละล้วง ขณะจะขยับเดินไป ก็มีเสียงนุ่มๆของนราดังขึ้น
“ส่งมาให้พี่เถอะ เป็นความผิดของพี่เอง ซื้อของให้เธอใช้แต่ไม่เคยสอนเธอใช้งาน เดี๋ยวพี่สอนให้เอง นี่ ต้องเลื่อนนิ้วมืออย่างนี้เป็นการปลดหน้าจอ แล้วกดหมายเลข…”
สาวสวยมองค้อนสามี แต่ก็ก็เปี่ยมไปด้วยความรักมากกว่าจะแง่งอนจริงๆ
“ก็น้องไม่ค่อยได้ใช้นี่ค่ะ แหม จะสอนทั้งทีทำไมพี่ต้องทำเสียงดุราวกับว่าน้องเป็นเด็กๆ”
“จ้ะๆ ไม่ทำเสียงอย่างนั้นอีกแล้ว” สุ้มเสียงและกริยาท่าทีของนราบ่งบอกว่ายอมจำนนจริงๆ
ทุกคนที่เห็นได้แต่ซ่อนยิ้ม แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออก ยกเว้นนายยอดที่ไม่มีจิตใจซับซ้อนเยี่ยงมนุษย์ ก็โพล่งหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย
“ฮ่าๆ คุณนราเจ้านายของข้ากับแม่นายมาลัย ช่างเป็นคู่ครองที่น่ารักสมกันยิ่งนัก”
พูดพลางหันมาทางขวัญเรือนอย่างไม่จงใจ เหมือนเผอิญที่ครูสาวสวยจับจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่อยู่ดีๆหล่อนกลับเบือนหน้าหลบด้วยกริยาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ถ้ามีใครในครอบครัวแสนสุขที่จับสังเกตได้ สองคนนั้นย่อมเป็นคุณพิมกับมาลัยที่มีจิตใจละเอียดอ่อน
วิสัยของคุณพิมย่อมไม่ล่วงละเมิดเรื่องส่วนตัวผู้อื่น แต่มาลัยซึ่งเคยเป็นผีสาวตกอยู่ในความโศกศัลย์มานาน พอเห็นเรื่องยินดีน่าลุ้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ด้วยความซุกซน
นราซึ่งมองไม่เห็นความนัยข้อนี้ ก็กล่าวถามภรรยาที่รักขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“มาลัย น้องหัวเราะเรื่องอะไรหรือ”
สาวงามยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
“เอาไว้พี่ก็จะรู้เองเมื่อถึงเวลา ตอนนี้น้องบอกได้แต่เพียงว่า กำลังจะเกิดคู่รักต่างภพเช่นเราสองคนขึ้นอีกคู่แล้ว”
นรานิ่งอึ้งไปเพราะไม่เข้าใจความหมาย รวมถึงสมาชิกในครอบครัวแสนสุขคนอื่นๆที่ได้ยิน ยกเว้นคุณพิม ต่างก็พากันเงียบไปด้วยเพราะตีความคำพูดมาลัยไม่ออก
จริงๆเรื่องควรจบแต่เพียงแค่นั้น แต่นางผีพรายขบคิดตามคำพูดของมาลัยสักครู่ บวกกับการสังเกตสังกา เกิดคะนองตามอุปนิสัยผี ก็ระเบิดเสียงหัวร่อออกมาอย่างถูกใจ
“ฮ่าๆไงล่ะ ข้าว่าแล้ว แหมไอ้ยักษ์ เห็นเอ็งทึ่มๆโง่ๆอย่างนี้ ไม่นึกเลยว่าเอ็งหงิมๆหยิบชิ้นปลามันนี่หว่า เอ้ะ ไม่ใช่สิ ถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่าคิดเด็ดดอกฟ้ามากกว่า แต่ก็ว่าไม่ได้นะ บางทีกิ่งฟ้าอาจโน้มตัวลงมาเองก็ได้”
ยอดที่ถูกแขวะโดยตรงยกมือเกาผมหยิกดกหนาของตนด้วยความไม่เข้าใจ แล้วเขาก็ไปถามขวัญเรือนที่มีกริยากระสับกระส่ายผิดปกติ
“กระไรหรือแม่นางขวัญเรือน บางทีข้าก็หาเข้าใจภาษามนุษย์ไม่ แม่นางเป็นครูผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่คนอื่นช่วยอธิบายความหมายของเด็ดดอกฟ้าให้ข้าได้กระจ่างทีเถอะ เฮอะ ดูท่านางผีพรายตนนี้พูดพล่ามหาสาระมิได้เสียแล้ว”
แก้มคุณครูสาวแดงชาดบ่มด้วยเลือดสีแดง ดวงตาหลุกหลิกราวกับผู้ต้องหา ไม่กล้าสบตากับใครทั้งนั้น
“อย่ามาถามฉันเลย คุณยักษ์ เอ่อ นายยอด ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น”
อากัปกิริยานั้น ทำให้สมาชิกครอบครัวแสนสุขผู้มีวุฒิภาวะต่างทำความเข้าใจได้หลายส่วน แต่ด้วยความเป็นวิญญูชนจึงบังเกิดความรู้สึกร่วมยินดีแต่ไม่แสดงออกมาให้ครูสาวกระดากกระเดื่อง
จะมีก็แต่นาถยาที่ยังคิดตามไม่ทัน เพราะความอ่อนต่อโลก ก็หันไปถามนางพรายที่ยืนยิ้มย่องเจ้าเล่ห์ จับแขนนางพลางถามขึ้นอย่างสงสัย
“ยังไงหรือค่ะ ที่พี่พรายพูดถึงพี่ยอดหมายถึงอะไรหรือค่ะ หงิมๆ ยิ้มชิ้นปลามัน”
นางพรายหัวเราะแต่ยังไม่ทันตอบอะไร คุณพิมก็ปรี่เข้ามาดุน้องสาวทันที
“อย่ายุ่มย่ามนักเลยเรา นางพรายแค่หยอกนายยอดเล่นๆดอก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามอะไรทั้งนั้นจ้ะ อยู่เงียบๆให้คุณนราโทรแจ้งความก่อนดีกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น นางพรายก็ต้องหุบปากเงียบ เพราะรู้อะไรควรไม่ควร ส่วนนรารีบโทรแจ้งความทันทีเพราะชักช้าเสียเวลามามากแล้ว
พอร้อยเวรรับแจ้ง และได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เขาก็พูดขึ้นเรียบๆๆตามกระบวนการว่า
“ทางตำรวจได้รับแจ้งแล้วครับ และกำลังดำเนินการอยู่ อ่า ขอชื่อ นามสกุลคุณด้วยครับ อ๋อ ชื่อ นรา นามสกุล ……… เฮ้ย”
แล้วร้อยเวรก็เผลอร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อสมองของเขาซึมซาบชื่อและนามสกุลนั้นเข้าสู่ระบบ
นายคนนี้แหละ ที่เอารองสอบสวนศตวรรษเข้าปิ้งในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา รวมถึงส่งหน่วยงานตำรวจไปนอนเจ็บปางตายในโรงพยาบาลร่วมสิบกว่าคน โดยตอนนี้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เพราะทางผู้ใหญ่สั่งปิดข่าวแน่นหนา
รวมถึงคำสั่งโดยตรงอย่างเฉียบขาด ให้ตำรวจทุกนายห้ามแตะต้องหรือยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่นนราและผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดเขาเป็นอันขาด
หลังวางสายแล้ว ร้อยเวรเดินตัวปลิวแทบจะวิ่งเข้าหาผู้กำกับทันที เคาะประตูห้องนาย เมื่อได้รับอนุญาตเขาก็รีบเข้าไปทำความเคารพ และรายงานอย่างร้อนรน
“ท่านครับ มีรถคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุจากการวางแผนฆ่า บนถนนสาย … หลักกิโลที่… ครับท่าน มีคนร้ายอยู่ในที่เกิดเหตุสองคนด้วย มีคนหนึ่งชื่อมั่นเป็นมือปืนของเสี่ย…เอ่อ ดูเหมือนว่า พวกมันจะทำงานพลาดด้วย”
ผู้กำกับแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายขึ้นทันที ใช้สายตาตำหนิไม่พอใจมองผู้ใต้บังคับบัญชา
“คุณก็บริหารไปตามขั้นตอนสิ ทำทีเป็นสอบสวน เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุให้ดูเข้มแข็งจริงจังหน่อย อีกสักพักพอเสี่ย…รู้เรื่องก็โทรไปเคลียร์กับเบื้องบนเอง สุดท้ายจะปล่อยหรือไม่ก็เก็บเป็นพยานอย่างใดอย่างหนึ่งนั่นแหละ เรื่องแค่นี้ช่วยอั้วแบ่งเบาไม่ได้เลยหรือ รู้ไหมว่าตอนนี้อั้วต้องวุ่นวายปวดหัวแค่ไหน รองศตวรรษมันโดนไปแล้ว เบื้องบนยั้ว
อั้วเองยังเข้าหน้าไม่ติดเลย”
ในเวลาปกติพูดมาถึงขั้นนี้ ลูกน้องเขาจะรีบรับคำและลนลานจากไปทันที แต่คราวนี้กลับผิดแผกไป ร้อยเวรยังยืนหัวโด่อยู่แถมมีท่าทางอึกอักผิดปกติ
“อะไรของคุณ” ผู้กำกับเริ่มใกล้หมดความอดทนจากความเครียดที่สะสมมาตังแต่เมื่อคืน
“ทำไมยังไม่ไปอีก จะให้ผมต้องขับรถให้คุณด้วยไหม”
ร้อยเวรกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ ก่อนพูดออกมาอย่างกลัวเกรง
“ท่านครับ ชายที่ชื่อนราตอนนี้มันอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยครับ มันเพิ่งโทรมาแจ้งในฐานะพลเมืองเมื่อครู่นี่เอง”
ราวกับโดนไฟลนก้นเข้าอย่างจัง ผู้กำกับผุดลุกขึ้นทันที นัยน์ตาของเขาเหลือกลานด้วยความตกใจ
“
แล้วไหมล่ะ ไอ้เวรคนนี้แหละสำคัญเลย มันทำรองศตวรรษ
มาแล้ว ทางนายเหนือเพิ่งสั่งอั้วอย่างเด็ดขาดว่าอย่าไปเล่นกับมัน ไม่งั้นมันจองเวรจองกรรมไม่เลิกแน่ เพราะมันมี back up ดี เห็นว่าเป็นถึงท้าวนรคินทร์อะไรนี่แหละ อั้วเองก็ฟังชื่อไม่ถนัดนัก”
ร้อยเวรขมวดคิ้วย่นด้วยความงุนงง
“ท้าว เอ้ะ ท่าน เจ้าทางเหนือ หรือทางฝั่งลาวครับ”
“ผมจะไปรู้เรอะ” ผู้กำกับเอ็ตตะโรลั่นห้อง “ ลองเบื้องบนย้ำนักย้ำหนามายังงี้ แสดงว่าไปยุ่งกับไอ้นราคนนี้ไม่ได้เลยผลที่ตามมาอันตรายมาก ไม่งั้นเบื้องบนสั่งเก็บมันไปแล้ว ไม่ปล่อยมันให้ลอยนวลทำสากกะเบืออย่างนี้หรอก”
ร้อยเวรผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงกริยาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกออกมาทันที
“เอ่อ ท่าน แล้วผมจะทำยังไงดีครับ”
ผู้กำกับพยายามสำรวมสติ นิ่งตรึกตรองสักพักก็กล่าวขึ้นโดยลดเสียงลง
“ผมต้องไปด้วย งานนี้ปล่อยให้คุณไปจัดการเองไม่ได้แน่ จำไว้พวกคุณต้องทำตาม
กระบวนการสอบสวน รวบรวมหลักฐานให้ดูสมจริงน่าเชื่อถือที่สุด อย่าให้ไอ้นรากับพวกของมันเกิดสงสัยขึ้นได้ ส่วนผมจะไปแสดงตัวว่าใส่ใจกับคดีนี้ เพื่อให้พวกมันตายใจ”
“แล้ว ไอ้มือปืนสองคนนั่น เห็นบอกว่ามันพลาดถูกชาวบ้านแถวนั้นจับตัวได้ และตอนนี้มันบาดเจ็บสาหัสมาก”
นายเวรพูดอย่างอมพะนำ ในฐานะที่รู้กันระหว่างลูกน้องกับเจ้านาย ผู้กำกับส่ายหน้า
“เสี่ย…คงไม่เก็บไว้แน่ มือปืนทำงานพลาดแถมถูกชาวบ้านจับตัวได้ในที่เกิดเหตุ มันก็หอกข้างแคร่ดีๆนี่เอง ใครจะไปเสี่ยงให้มันซัดทอด ไม่ต้องไปสนชีวิตมันสองตัวหรอก ตอนนี้พวกมันก็เท่ากับคนตายไปแล้ว ปล่อยให้พวกเขาเก็บกันเองเถอะ พวกเราเพียงแต่ทำตามหน้าที่ให้แนบเนียนเป็นพอ พอเจ้านายมันโทรมาขอความสะดวกเมื่อไหร่ เราก็แค่เปิดทางให้ฝ่ายนั้นเข้ามาฆ่าปิดปากคนของเขาก็เท่านั้น”
ผู้กำกับและเหล่าตำรวจรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุทันที แสดงท่าทีว่าให้ความสำคัญและใส่ใจคดีนี้อย่างขะมักเขม้น ทีมสอบสวนทำหน้าเก็บหลักฐานและสอบปากคำพยานอย่างแข็งขัน
แม้จะมีข้อคลางแคลงว่า ชายที่ชื่อนายยอดอยู่ดีๆวิ่งมายังที่เกิดเหตุและสกัดแผนฆ่าของสองมือปืนได้อย่างไร แต่ปากคำชาวบ้านก็ให้การหนักแน่นเป็นเสียงเดียว ว่ากำลังออกตามหาเด็กชายเต็มที่สูญหายไป จู่ๆนายยอดก็วิ่งมายังจุดที่เกิดอุบัติเหตุรถไถลลงข้างทาง หลังจากนั้นครูขวัญเรือนที่อยู่ในขบวนก็วิ่งไล่หลังไป
หลังจากนั้นก็เป็นการให้ปากคำของครูขวัญเรือน เธอบอกว่าวิ่งตามนายยอดมาและเห็นเหตุการณ์รถบรรทุกเบียดรถกะบะผู้เคราะห์ร้ายจนเสียหลัก และนายมั่นกับผู้ร่วมมือคือนายยิ่งได้ปรากฎตัวออกมา มีลักษณะที่ทำให้เชื่อว่าคนร้ายจะกระทำการยิงผู้ได้รับบาดเจ็บและลูกสาว เธอจึงขอให้นายยอดทำการขัดขวาง จนคนร้ายทั้งสองได้รับอาการบาดเจ็บอย่างที่เห็น
“ยอด คุณจะบอกผมได้ไหมว่าทำไม คุณถึงได้เผอิญวิ่งมาทางนี้ตอนที่รถผู้ประสบเหตุจากการพยายามฆ่าเกิดขึ้นพอดี”
นายตำรวจผู้มีหน้าที่สอบคำให้การตั้งคำถามขึ้น ทุกคนมองดูนายยอดอย่างลุ้นระทึก โดยเฉพาะครูขวัญเรือนที่แทบจะกลั้นใจฟังด้วยความกังวลแทน
“ผมได้ยินเสียงรถครับ” นายยอดตอบเสียงซื่อ ดูไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย
“กลุ่มชาวบ้านมีตั้งหลายคน ทำไมนายยอดถึงได้ยินคนเดียว” นายตำรวจสอบพยานตั้งข้อสงสัย
“หูผมไม่เหมือน”คน”ครับ” ชายร่างใหญ่ตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่เจ้าหน้าที่กลับเข้าใจไปอีกทาง
“นายยอดกำลังจะบอกผมว่าหูคุณฟังเสียงได้ไกลกว่าคนอื่นๆสินะ”
พลพรรคครอบครัวแสนสุข มองหน้ากันและลอบหนักใจขึ้นแล้ว เพราะรู้ว่ายักษ์ตนนี้หมายความตามที่พูดจริงๆ โดยไม่มีการเล่นลิ้นอย่างคน
“ครับ” ยอดตอบสั้นๆ ทำให้นายตำรวจคนนั้นนิ่งไป ขณะที่เขากำลังจะงัดเอาจิตวิทยาออกมาใช้ เพื่อเค้นความจริง เจ้าจ๋านก็ขัดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้
“อย่าว่าผมขัดขวางการทำงานของคุณเลยนะ คุณตำรวจ ชาวบ้านรวมถึงครูขวัญเรือนก็ให้การพ้องตรงกันว่า เดินมาด้วยกันนี่แหละ แล้วอยู่ๆลักษณะนายยอดก็เหมือนได้ยินอะไร วิ่งแยกกลุ่มมาทางต้นเสียงคนเดียว ก็คือจุดที่คนร้ายเจตนาฆ่าผู้ประสบเคราะห์ เห็นๆกันอยู่ แสดงว่าเขาต้องได้ยินอะไร ส่วนหูเขาจะมีสมรรถนะดีกว่าคนอื่นอย่างไงผมว่ามันไม่ใช่ประเด็น อีกอย่างชาวบ้านก็พูดอยู่ปาวๆว่า ตั้งใจมาหาเด็กที่สูญหายไป ผมไม่เห็นคุณตำรวจถามถึงเด็กที่หายตัวสักคำ โน่นคนร้ายสองคนนอนอยู่ในรถกู้ภัยเรียบร้อยแล้ว ช่วยไปถามไถ่พ่อแม่เด็กที่กำลังตามหาลูกก่อนเถิดครับ เขาเป็นห่วงลูกใจจะขาดแล้ว เรื่องสอบนายยอดพักไว้ก่อน เอาไว้ผมจะพานายยอดไปให้ปากคำเอง พร้อมด้วยทนาย”
นายตำรวจรู้สึกเขม่นหน้าเจ้าจ๋านเป็นยิ่งนัก ถ้านายไม่กำชับมาว่าอย่าให้มีเรื่อง เขาคงโต้ตอบด้วยวาทะรุนแรงแล้ว
“อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยครับคุณ ทางเราแค่ขอความร่วมมือเท่านั้น” ผู้กำกับรีบเข้ามาขัดตาทัพทันทีเพราะเกรงเรื่องจะบานปลาย
“ถูกตามที่คุณพูดแล้วครับ เอ่อคุณ จ๋าน ความปลอดภัยของเด็กย่อมมาก่อน สิบนาทีที่ผ่านมาทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจเลย ผมได้โทรไปเรียกหน่วยแกะรอยมาแล้ว การออกค้นหาจะพร้อมภายในห้านาทีนี้แหละครับ”
แม้จะไม่พอใจตำรวจ แต่เมื่อระดับผู้กำกับแสดงมารยาทเช่นนี้ ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม เจ้าจ๋านก็จำต้องอ่อนลงตามมารยาทเช่นกัน
“ครับ ต้องขอบคุณท่านอย่างมาก ต้องขอโทษด้วยที่อารมณ์เสียใส่คนของท่าน”
ท่านผู้กำกับยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลยครับ ผมรู้ว่าพวกคุณเป้นห่วงเด็ก อ่า อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ผมจะจัดศูนย์ปฎิบัติการเฉพาะกิจในพื้นที่นี้เลย ตั้งเต็นท์ประสานงานกับหน่วยค
ลุงข้างทาง ตอนที่ขาดไป โดย Furryjit
มาลัยนั้นเป็นภูติสาวมาก่อนเนิ่นนาน พอกลับคืนเป็นคนดุจเดิม จึงไม่ค่อยคุ้นเคยกับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ล้วงโทรศัพท์ส่วนตัวออกมาเพื่อจะกดโทรออกให้สามี แม้ท่าทางหล่อนเปิ่นๆเหมือนใช้ไม่เป็น แต่ด้วยความสวยของเธอ อาการเคอะเขินในการใช้งานกลับเป็นที่น่าเอ็นดูแก่สายตาผู้มองมายิ่งนัก
ทุกคนมองตามพลางแอบอมยิ้ม แต่ไม่มีใครกล้าเสนอตัวแนะนำวิธีการใช้ เพราะเกรงว่าจะจะทำให้หญิงสาวอับอายนางพรายผีผู้ซึ่งใจซื่อตรง โผงผาง จึงเอ่ยกับน้องนาถยาที่ยืนอยู่ข้างๆ
“วานคุณหนูจงไปสอนการใช้งานให้คุณมาลัยด้วยเถิด ของสมัยใหม่เช่นนี้ คุณเธอย่อมไม่คุ้นเคย”
นาถยาได้ยินดังนั้นจึงต้องทำตาม แต่ก็หวั่นว่าจะเป็นการแสดงออกซึ่งความละลาบละล้วง ขณะจะขยับเดินไป ก็มีเสียงนุ่มๆของนราดังขึ้น
“ส่งมาให้พี่เถอะ เป็นความผิดของพี่เอง ซื้อของให้เธอใช้แต่ไม่เคยสอนเธอใช้งาน เดี๋ยวพี่สอนให้เอง นี่ ต้องเลื่อนนิ้วมืออย่างนี้เป็นการปลดหน้าจอ แล้วกดหมายเลข…”
สาวสวยมองค้อนสามี แต่ก็ก็เปี่ยมไปด้วยความรักมากกว่าจะแง่งอนจริงๆ
“ก็น้องไม่ค่อยได้ใช้นี่ค่ะ แหม จะสอนทั้งทีทำไมพี่ต้องทำเสียงดุราวกับว่าน้องเป็นเด็กๆ”
“จ้ะๆ ไม่ทำเสียงอย่างนั้นอีกแล้ว” สุ้มเสียงและกริยาท่าทีของนราบ่งบอกว่ายอมจำนนจริงๆ
ทุกคนที่เห็นได้แต่ซ่อนยิ้ม แต่ไม่มีใครกล้าแสดงออก ยกเว้นนายยอดที่ไม่มีจิตใจซับซ้อนเยี่ยงมนุษย์ ก็โพล่งหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย
“ฮ่าๆ คุณนราเจ้านายของข้ากับแม่นายมาลัย ช่างเป็นคู่ครองที่น่ารักสมกันยิ่งนัก”
พูดพลางหันมาทางขวัญเรือนอย่างไม่จงใจ เหมือนเผอิญที่ครูสาวสวยจับจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว แต่อยู่ดีๆหล่อนกลับเบือนหน้าหลบด้วยกริยาที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ
ถ้ามีใครในครอบครัวแสนสุขที่จับสังเกตได้ สองคนนั้นย่อมเป็นคุณพิมกับมาลัยที่มีจิตใจละเอียดอ่อน
วิสัยของคุณพิมย่อมไม่ล่วงละเมิดเรื่องส่วนตัวผู้อื่น แต่มาลัยซึ่งเคยเป็นผีสาวตกอยู่ในความโศกศัลย์มานาน พอเห็นเรื่องยินดีน่าลุ้นก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ด้วยความซุกซน
นราซึ่งมองไม่เห็นความนัยข้อนี้ ก็กล่าวถามภรรยาที่รักขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“มาลัย น้องหัวเราะเรื่องอะไรหรือ”
สาวงามยิ้มกริ่มอย่างมีเลศนัย
“เอาไว้พี่ก็จะรู้เองเมื่อถึงเวลา ตอนนี้น้องบอกได้แต่เพียงว่า กำลังจะเกิดคู่รักต่างภพเช่นเราสองคนขึ้นอีกคู่แล้ว”
นรานิ่งอึ้งไปเพราะไม่เข้าใจความหมาย รวมถึงสมาชิกในครอบครัวแสนสุขคนอื่นๆที่ได้ยิน ยกเว้นคุณพิม ต่างก็พากันเงียบไปด้วยเพราะตีความคำพูดมาลัยไม่ออก
จริงๆเรื่องควรจบแต่เพียงแค่นั้น แต่นางผีพรายขบคิดตามคำพูดของมาลัยสักครู่ บวกกับการสังเกตสังกา เกิดคะนองตามอุปนิสัยผี ก็ระเบิดเสียงหัวร่อออกมาอย่างถูกใจ
“ฮ่าๆไงล่ะ ข้าว่าแล้ว แหมไอ้ยักษ์ เห็นเอ็งทึ่มๆโง่ๆอย่างนี้ ไม่นึกเลยว่าเอ็งหงิมๆหยิบชิ้นปลามันนี่หว่า เอ้ะ ไม่ใช่สิ ถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่าคิดเด็ดดอกฟ้ามากกว่า แต่ก็ว่าไม่ได้นะ บางทีกิ่งฟ้าอาจโน้มตัวลงมาเองก็ได้”
ยอดที่ถูกแขวะโดยตรงยกมือเกาผมหยิกดกหนาของตนด้วยความไม่เข้าใจ แล้วเขาก็ไปถามขวัญเรือนที่มีกริยากระสับกระส่ายผิดปกติ
“กระไรหรือแม่นางขวัญเรือน บางทีข้าก็หาเข้าใจภาษามนุษย์ไม่ แม่นางเป็นครูผู้ประสิทธิ์ประสาทความรู้แก่คนอื่นช่วยอธิบายความหมายของเด็ดดอกฟ้าให้ข้าได้กระจ่างทีเถอะ เฮอะ ดูท่านางผีพรายตนนี้พูดพล่ามหาสาระมิได้เสียแล้ว”
แก้มคุณครูสาวแดงชาดบ่มด้วยเลือดสีแดง ดวงตาหลุกหลิกราวกับผู้ต้องหา ไม่กล้าสบตากับใครทั้งนั้น
“อย่ามาถามฉันเลย คุณยักษ์ เอ่อ นายยอด ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น”
อากัปกิริยานั้น ทำให้สมาชิกครอบครัวแสนสุขผู้มีวุฒิภาวะต่างทำความเข้าใจได้หลายส่วน แต่ด้วยความเป็นวิญญูชนจึงบังเกิดความรู้สึกร่วมยินดีแต่ไม่แสดงออกมาให้ครูสาวกระดากกระเดื่อง
จะมีก็แต่นาถยาที่ยังคิดตามไม่ทัน เพราะความอ่อนต่อโลก ก็หันไปถามนางพรายที่ยืนยิ้มย่องเจ้าเล่ห์ จับแขนนางพลางถามขึ้นอย่างสงสัย
“ยังไงหรือค่ะ ที่พี่พรายพูดถึงพี่ยอดหมายถึงอะไรหรือค่ะ หงิมๆ ยิ้มชิ้นปลามัน”
นางพรายหัวเราะแต่ยังไม่ทันตอบอะไร คุณพิมก็ปรี่เข้ามาดุน้องสาวทันที
“อย่ายุ่มย่ามนักเลยเรา นางพรายแค่หยอกนายยอดเล่นๆดอก ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามอะไรทั้งนั้นจ้ะ อยู่เงียบๆให้คุณนราโทรแจ้งความก่อนดีกว่า”
เมื่อได้ยินดังนั้น นางพรายก็ต้องหุบปากเงียบ เพราะรู้อะไรควรไม่ควร ส่วนนรารีบโทรแจ้งความทันทีเพราะชักช้าเสียเวลามามากแล้ว
พอร้อยเวรรับแจ้ง และได้ยินเหตุการณ์ทั้งหมด เขาก็พูดขึ้นเรียบๆๆตามกระบวนการว่า
“ทางตำรวจได้รับแจ้งแล้วครับ และกำลังดำเนินการอยู่ อ่า ขอชื่อ นามสกุลคุณด้วยครับ อ๋อ ชื่อ นรา นามสกุล ……… เฮ้ย”
แล้วร้อยเวรก็เผลอร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อสมองของเขาซึมซาบชื่อและนามสกุลนั้นเข้าสู่ระบบ
นายคนนี้แหละ ที่เอารองสอบสวนศตวรรษเข้าปิ้งในชั่วข้ามคืนที่ผ่านมา รวมถึงส่งหน่วยงานตำรวจไปนอนเจ็บปางตายในโรงพยาบาลร่วมสิบกว่าคน โดยตอนนี้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เพราะทางผู้ใหญ่สั่งปิดข่าวแน่นหนา
รวมถึงคำสั่งโดยตรงอย่างเฉียบขาด ให้ตำรวจทุกนายห้ามแตะต้องหรือยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่นนราและผู้เกี่ยวข้องใกล้ชิดเขาเป็นอันขาด
หลังวางสายแล้ว ร้อยเวรเดินตัวปลิวแทบจะวิ่งเข้าหาผู้กำกับทันที เคาะประตูห้องนาย เมื่อได้รับอนุญาตเขาก็รีบเข้าไปทำความเคารพ และรายงานอย่างร้อนรน
“ท่านครับ มีรถคันหนึ่งประสบอุบัติเหตุจากการวางแผนฆ่า บนถนนสาย … หลักกิโลที่… ครับท่าน มีคนร้ายอยู่ในที่เกิดเหตุสองคนด้วย มีคนหนึ่งชื่อมั่นเป็นมือปืนของเสี่ย…เอ่อ ดูเหมือนว่า พวกมันจะทำงานพลาดด้วย”
ผู้กำกับแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายขึ้นทันที ใช้สายตาตำหนิไม่พอใจมองผู้ใต้บังคับบัญชา
“คุณก็บริหารไปตามขั้นตอนสิ ทำทีเป็นสอบสวน เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุให้ดูเข้มแข็งจริงจังหน่อย อีกสักพักพอเสี่ย…รู้เรื่องก็โทรไปเคลียร์กับเบื้องบนเอง สุดท้ายจะปล่อยหรือไม่ก็เก็บเป็นพยานอย่างใดอย่างหนึ่งนั่นแหละ เรื่องแค่นี้ช่วยอั้วแบ่งเบาไม่ได้เลยหรือ รู้ไหมว่าตอนนี้อั้วต้องวุ่นวายปวดหัวแค่ไหน รองศตวรรษมันโดนไปแล้ว เบื้องบนยั้ว อั้วเองยังเข้าหน้าไม่ติดเลย”
ในเวลาปกติพูดมาถึงขั้นนี้ ลูกน้องเขาจะรีบรับคำและลนลานจากไปทันที แต่คราวนี้กลับผิดแผกไป ร้อยเวรยังยืนหัวโด่อยู่แถมมีท่าทางอึกอักผิดปกติ
“อะไรของคุณ” ผู้กำกับเริ่มใกล้หมดความอดทนจากความเครียดที่สะสมมาตังแต่เมื่อคืน
“ทำไมยังไม่ไปอีก จะให้ผมต้องขับรถให้คุณด้วยไหม”
ร้อยเวรกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ ก่อนพูดออกมาอย่างกลัวเกรง
“ท่านครับ ชายที่ชื่อนราตอนนี้มันอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยครับ มันเพิ่งโทรมาแจ้งในฐานะพลเมืองเมื่อครู่นี่เอง”
ราวกับโดนไฟลนก้นเข้าอย่างจัง ผู้กำกับผุดลุกขึ้นทันที นัยน์ตาของเขาเหลือกลานด้วยความตกใจ
“ แล้วไหมล่ะ ไอ้เวรคนนี้แหละสำคัญเลย มันทำรองศตวรรษมาแล้ว ทางนายเหนือเพิ่งสั่งอั้วอย่างเด็ดขาดว่าอย่าไปเล่นกับมัน ไม่งั้นมันจองเวรจองกรรมไม่เลิกแน่ เพราะมันมี back up ดี เห็นว่าเป็นถึงท้าวนรคินทร์อะไรนี่แหละ อั้วเองก็ฟังชื่อไม่ถนัดนัก”
ร้อยเวรขมวดคิ้วย่นด้วยความงุนงง
“ท้าว เอ้ะ ท่าน เจ้าทางเหนือ หรือทางฝั่งลาวครับ”
“ผมจะไปรู้เรอะ” ผู้กำกับเอ็ตตะโรลั่นห้อง “ ลองเบื้องบนย้ำนักย้ำหนามายังงี้ แสดงว่าไปยุ่งกับไอ้นราคนนี้ไม่ได้เลยผลที่ตามมาอันตรายมาก ไม่งั้นเบื้องบนสั่งเก็บมันไปแล้ว ไม่ปล่อยมันให้ลอยนวลทำสากกะเบืออย่างนี้หรอก”
ร้อยเวรผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงกริยาเงอะงะทำอะไรไม่ถูกออกมาทันที
“เอ่อ ท่าน แล้วผมจะทำยังไงดีครับ”
ผู้กำกับพยายามสำรวมสติ นิ่งตรึกตรองสักพักก็กล่าวขึ้นโดยลดเสียงลง
“ผมต้องไปด้วย งานนี้ปล่อยให้คุณไปจัดการเองไม่ได้แน่ จำไว้พวกคุณต้องทำตาม
กระบวนการสอบสวน รวบรวมหลักฐานให้ดูสมจริงน่าเชื่อถือที่สุด อย่าให้ไอ้นรากับพวกของมันเกิดสงสัยขึ้นได้ ส่วนผมจะไปแสดงตัวว่าใส่ใจกับคดีนี้ เพื่อให้พวกมันตายใจ”
“แล้ว ไอ้มือปืนสองคนนั่น เห็นบอกว่ามันพลาดถูกชาวบ้านแถวนั้นจับตัวได้ และตอนนี้มันบาดเจ็บสาหัสมาก”
นายเวรพูดอย่างอมพะนำ ในฐานะที่รู้กันระหว่างลูกน้องกับเจ้านาย ผู้กำกับส่ายหน้า
“เสี่ย…คงไม่เก็บไว้แน่ มือปืนทำงานพลาดแถมถูกชาวบ้านจับตัวได้ในที่เกิดเหตุ มันก็หอกข้างแคร่ดีๆนี่เอง ใครจะไปเสี่ยงให้มันซัดทอด ไม่ต้องไปสนชีวิตมันสองตัวหรอก ตอนนี้พวกมันก็เท่ากับคนตายไปแล้ว ปล่อยให้พวกเขาเก็บกันเองเถอะ พวกเราเพียงแต่ทำตามหน้าที่ให้แนบเนียนเป็นพอ พอเจ้านายมันโทรมาขอความสะดวกเมื่อไหร่ เราก็แค่เปิดทางให้ฝ่ายนั้นเข้ามาฆ่าปิดปากคนของเขาก็เท่านั้น”
ผู้กำกับและเหล่าตำรวจรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุทันที แสดงท่าทีว่าให้ความสำคัญและใส่ใจคดีนี้อย่างขะมักเขม้น ทีมสอบสวนทำหน้าเก็บหลักฐานและสอบปากคำพยานอย่างแข็งขัน
แม้จะมีข้อคลางแคลงว่า ชายที่ชื่อนายยอดอยู่ดีๆวิ่งมายังที่เกิดเหตุและสกัดแผนฆ่าของสองมือปืนได้อย่างไร แต่ปากคำชาวบ้านก็ให้การหนักแน่นเป็นเสียงเดียว ว่ากำลังออกตามหาเด็กชายเต็มที่สูญหายไป จู่ๆนายยอดก็วิ่งมายังจุดที่เกิดอุบัติเหตุรถไถลลงข้างทาง หลังจากนั้นครูขวัญเรือนที่อยู่ในขบวนก็วิ่งไล่หลังไป
หลังจากนั้นก็เป็นการให้ปากคำของครูขวัญเรือน เธอบอกว่าวิ่งตามนายยอดมาและเห็นเหตุการณ์รถบรรทุกเบียดรถกะบะผู้เคราะห์ร้ายจนเสียหลัก และนายมั่นกับผู้ร่วมมือคือนายยิ่งได้ปรากฎตัวออกมา มีลักษณะที่ทำให้เชื่อว่าคนร้ายจะกระทำการยิงผู้ได้รับบาดเจ็บและลูกสาว เธอจึงขอให้นายยอดทำการขัดขวาง จนคนร้ายทั้งสองได้รับอาการบาดเจ็บอย่างที่เห็น
“ยอด คุณจะบอกผมได้ไหมว่าทำไม คุณถึงได้เผอิญวิ่งมาทางนี้ตอนที่รถผู้ประสบเหตุจากการพยายามฆ่าเกิดขึ้นพอดี”
นายตำรวจผู้มีหน้าที่สอบคำให้การตั้งคำถามขึ้น ทุกคนมองดูนายยอดอย่างลุ้นระทึก โดยเฉพาะครูขวัญเรือนที่แทบจะกลั้นใจฟังด้วยความกังวลแทน
“ผมได้ยินเสียงรถครับ” นายยอดตอบเสียงซื่อ ดูไม่มีพิรุธแม้แต่น้อย
“กลุ่มชาวบ้านมีตั้งหลายคน ทำไมนายยอดถึงได้ยินคนเดียว” นายตำรวจสอบพยานตั้งข้อสงสัย
“หูผมไม่เหมือน”คน”ครับ” ชายร่างใหญ่ตอบอย่างตรงไปตรงมา แต่เจ้าหน้าที่กลับเข้าใจไปอีกทาง
“นายยอดกำลังจะบอกผมว่าหูคุณฟังเสียงได้ไกลกว่าคนอื่นๆสินะ”
พลพรรคครอบครัวแสนสุข มองหน้ากันและลอบหนักใจขึ้นแล้ว เพราะรู้ว่ายักษ์ตนนี้หมายความตามที่พูดจริงๆ โดยไม่มีการเล่นลิ้นอย่างคน
“ครับ” ยอดตอบสั้นๆ ทำให้นายตำรวจคนนั้นนิ่งไป ขณะที่เขากำลังจะงัดเอาจิตวิทยาออกมาใช้ เพื่อเค้นความจริง เจ้าจ๋านก็ขัดขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ได้
“อย่าว่าผมขัดขวางการทำงานของคุณเลยนะ คุณตำรวจ ชาวบ้านรวมถึงครูขวัญเรือนก็ให้การพ้องตรงกันว่า เดินมาด้วยกันนี่แหละ แล้วอยู่ๆลักษณะนายยอดก็เหมือนได้ยินอะไร วิ่งแยกกลุ่มมาทางต้นเสียงคนเดียว ก็คือจุดที่คนร้ายเจตนาฆ่าผู้ประสบเคราะห์ เห็นๆกันอยู่ แสดงว่าเขาต้องได้ยินอะไร ส่วนหูเขาจะมีสมรรถนะดีกว่าคนอื่นอย่างไงผมว่ามันไม่ใช่ประเด็น อีกอย่างชาวบ้านก็พูดอยู่ปาวๆว่า ตั้งใจมาหาเด็กที่สูญหายไป ผมไม่เห็นคุณตำรวจถามถึงเด็กที่หายตัวสักคำ โน่นคนร้ายสองคนนอนอยู่ในรถกู้ภัยเรียบร้อยแล้ว ช่วยไปถามไถ่พ่อแม่เด็กที่กำลังตามหาลูกก่อนเถิดครับ เขาเป็นห่วงลูกใจจะขาดแล้ว เรื่องสอบนายยอดพักไว้ก่อน เอาไว้ผมจะพานายยอดไปให้ปากคำเอง พร้อมด้วยทนาย”
นายตำรวจรู้สึกเขม่นหน้าเจ้าจ๋านเป็นยิ่งนัก ถ้านายไม่กำชับมาว่าอย่าให้มีเรื่อง เขาคงโต้ตอบด้วยวาทะรุนแรงแล้ว
“อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยครับคุณ ทางเราแค่ขอความร่วมมือเท่านั้น” ผู้กำกับรีบเข้ามาขัดตาทัพทันทีเพราะเกรงเรื่องจะบานปลาย
“ถูกตามที่คุณพูดแล้วครับ เอ่อคุณ จ๋าน ความปลอดภัยของเด็กย่อมมาก่อน สิบนาทีที่ผ่านมาทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจเลย ผมได้โทรไปเรียกหน่วยแกะรอยมาแล้ว การออกค้นหาจะพร้อมภายในห้านาทีนี้แหละครับ”
แม้จะไม่พอใจตำรวจ แต่เมื่อระดับผู้กำกับแสดงมารยาทเช่นนี้ ไม่ว่าจะจริงหรือปลอม เจ้าจ๋านก็จำต้องอ่อนลงตามมารยาทเช่นกัน
“ครับ ต้องขอบคุณท่านอย่างมาก ต้องขอโทษด้วยที่อารมณ์เสียใส่คนของท่าน”
ท่านผู้กำกับยิ้มให้อย่างอบอุ่น
“อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลยครับ ผมรู้ว่าพวกคุณเป้นห่วงเด็ก อ่า อีกไม่เกินครึ่งชั่วโมง ผมจะจัดศูนย์ปฎิบัติการเฉพาะกิจในพื้นที่นี้เลย ตั้งเต็นท์ประสานงานกับหน่วยค