ผมจะขอใช้นามตัวเองชื่อว่า เอ ละกันนะครับ ผมเป็นคนที่ไม่กล้าคุยกับคนอื่นจนขั้นที่ว่า กลัวสังคมไปเลย
ซึ่งแต่ก่อน ผมไม่ได้เป็นคนแบบนี้ เมื่อก่อน ผมขี้ขลาด และอาย แต่ ผมกล้าคุยกับคนอื่นๆปกติ ที่ผมอาย และขี้ขลาด เพราะโดนเพื่อนแกล้งบ่อย
ซึ่งผมก็โดนเหมือนเดิมเมื่อขึ้น มัธยมต้น จนถึงตอนนี้ แต่ช่วงมัธยม ที่ ผมอยู่ ม.1 กำลังจะขึ้น ม.2
โควิด ก็เกิดขึ้นและระบาด ทำให้ต้องกักตัว ซึ่งนี่ละ ด้วยความที่แต่ก่อนผมเป็นคนขี้อาย กลายเป็นว่า ผมก็เล่นแต่โซเซียล และไม่คุยกับใคร
ทำให้ ผมไม่กล้วเข้าสังคมไปเลย แต่ช่วงที่ โควิด เริ่ม หายไปจนถึงที่ (บอกไว้ก่อนผมไม่เคยฉีดวัคซิน) เนื่องจากไม่ได้ฉีดเลยได้เข้าเรียนช้ากว่าคนอื่นๆที่ฉีด
แต่โควิดนั้นเริ่มบสางจนขั้นที่ผมไปเรียนได้
และเพราะผมกลัวสังคมเลยจะปรับตัวเอง
เมื่อก่อนผมคุยได้นิดๆหน่อยๆ ผมสามารถคุยกับคนอื่นๆได้ดีกว่าเมื่อก่อนมากๆ ถึงจะแค่คนในกลุ่มๆนึง ก็ตาม
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะเป็นเพื่อนกับเขา (แค่เพื่อนที่คุยบ่อยไม่ได้สนิท)
เนื่องจากผมที่กักตัวและไม่ได้คุยกับใครนาน
ปัญหาคือ ผมจะคุยกับคนอื่น สองต่อสอง ไม่ได้เลย ผมจะคิดไรไม่ออก เพราะกังวลว่าจะตอบอะไรไปแล้วจะดีมั้ย เว้นแต่ว่าคนๆนั้นจะเป็นพวก เริ่มคุยมาก่อน
เพราะงั้นผมจะชอบเป็นเหมือน ตัวก้างขวางคอมากกว่า ในกลุ่มที่ผมคุยบ่อย มีแค่2คน รวมผมก็3 2คนนั้นสนิทกัน ผมเป็นแค่ตัวเติมเต็ม
นั่นคือสิ่งที่ผมโอเคร เพราะผมคุยได้กับคนที่ คนๆนั้นต้องเป็นคนที่เปิดหัวข้อที่คุยก่อนเสมอ ซึ่งก็นั่นแหละ เขาสนิทกัน ผมเป็นแค่ตัวไม่สำคัญ
หลังจากนั้น ผมก็มีความสุขกว่าเมื่อก่อน
ข้ามมาช่วงที่ พังพินาศเลยละกันครับ
ช่วง กำลังจะสอบเพื่อไปต่อ ม.4 ที่โรงเรียนอื่น เนื่องจากโรงเรียนผมมีแค่สูงสุด ม.3 จากนั้นผมก็สอบไปนั้นแหละ แต่ช่วงเวลามันเริ่มจากนี้
เนื่องจากช่วงโควิด ที่มีการเรียนออนไลน์ ผมที่เป็นพวกเก็บตัว เลยไม่ได้เข้าร่วมกับคนอื่นๆ จนถึงช่วงปลายๆ ผมก็ได้เข้าไปเรียนออนไลน์เล็กน้อย
จนถึง ไปเรียนได้นั่นแหละ
ทำให้มีงานค้าง จนติด ร เยอะมาก
หลังจากสอบเสร็จจนจะปิดเทอม
ถ้าเป็นคนปกติ ก็คงจะไปถามครูแล้วมาแก้ให้เสร็จ
แต่ด้วยความที่ผม เป็นพวก คิด มาก เครียดง่าย และ ไม่กล้าเข้าสังคม
มันเหมือน มีแรงดันพุ่งเข้าใส่หน้าจนผม ทรุดและวิตกกังวล จนผมไม่ไปเรียนเพื่อแก้ ร
ครอบครัวผมได้แต่ด่าผมเพื่อให้ผมไปโรงเรียน
ด้วยความที่ผม คิดมาก และ อารมณ์ฟุ่งซ่านโมโหง่าย
เมื่อก่อนผมจะ ทำรายข้าวของ บลาๆ
ช่วงผมได้ไปเรียนครั้งแรกหลังจากไปโรงเรียน ผมคิดได้
ผมจึงทำได้แค่ ทำใจ ปิดกั้น อดทน ทำให้ผมกักเก็บอารมณ์ไป
ช่วงเวลาที่ แก้งาน ตอนจะปิดเทอม เนื่องจากอารมณ์เครียดที่มากเกินไป ผมเผลอทำอะไรบ้าๆบอๆไปมาก
ช่วงนึงเป็นช่วงที่ผมไปโรงเรียนหลังจากที่ไม่ได้ไปหลายวันเพื่อแก้งาน ผมนอนไปแค่1-2ชั่วโมงเนื่องจาก กังวล
ทำให้ ช่วงกลางวัน เพื่อนในห้อง ก็แซวและบูลลี่ผมตามนิสัยแกล้งเล่นๆพวกมันอ่ะ
ทำให้รู้ตัวอีกที ผมวิ่งไปถีบมันที่นั่งอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่คนที่ ว่าผม แต่เป็นกลุ่มเดียวกัน ผมกระทืบซ้ำไปทีสองที
ครูและคนอื่นๆก็มาห้ามและไล่ผมไปห้อง ผมที่กำลังคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไปก็กลับไปที่ห้อง
นั่งลงที่โต๊ตัวเองและ เครียดว่า"กูทำอะไรลงไป" "มันจะมาทำอะไรกูมั้ยวะ" อะไรแบบนั้น
จนพวกมันก็มา และถามว่าทำแบบนั้นทำไม ผมได้แต่ตอบว่า "กูก็ไม่รู้เหมือนกัน"
คำที่พวกมันบอกกับผมทำให้ผมรู้สึกแบบ อะไรของ
วะ
มันบอกว่า "ทำอย่างงั้นได้ไงวะ นั่นเพื่อนนะเห้ย!"
กูอยากจะบอกกับพวก
ว่า "เพื่อนบ้านพ่อคุณเขาเเกล้งและบูลลี่แบบนี้เหรอวะไอสัส"
ผมได้แต่นิ่งเฉยและยอมรับกับความผิด
ช่วงเวลานั้นก็ผ่านไป
ผมก็ได้แต่เครียด
จากนั้นจุดที่ผมเริ่มโอเครขึ้นมาคือ ผมเริ่ม คิดแยกแยะและเริ่มตั้งใจที่จแก้งาน แก้เสร็จไปอีกงานของครูคนนึง เหลืออีกหลายงานของหลายครู
ข้ามมาช่วงที่ เปิดเทอมและต้องหาโรงเรียนที่จะไปต่อ ผมก็เครียดนั่นแหละ เพราะสถานที่ที่ผมไม่รู้จักอ่ะนะ
ผมก็ไปโรงเรียนนึง ไม่รับ ไปอีกโรงเรียนนึง โอเครรับ
ผมก็ไป โรงเรียน และช่วงนั้นก็แก้งานที่ติด จนเสร็จ และไป
ผมไปโรงเรียนวันแรก เครียด นอนไปไม่มากกว่า3ชั่วโมงทำให้มี รู้สึกแย่ๆไปหน่อย ผมก็ไป อ่า มีเพื่อนที่โรงเรียนเก่า เพื่อนคนนี้มันก็ถ้าเเต่ก่อน ก็ถือว่าดีเลย ตอนเด็กก็เล่นด้วยกันบ่อย อ่า ก็นั่งเรียน บลาๆ ด้วยความที่ผมพเพิ่งไปสมัครและ เลยเวลาเปิดเทอมไป สัปดาห์อ่ะนะ เลยงงๆกับการสอน (โง่อ่ะแหละ)
ผมก็อืม โอเครนะ ถือว่ามีคนคุยและบอกนู่นนี่อยู่ และผมด้วยความที่ ไม่มั่นใจเรื่องหน้าตาเลย ผมก็ไส่แมสตลอดนั่นแหละ ถึงช่วงกลางวัน อันนี้ถือว่านรกอยู่
ผมไม่กล้าไปทานข้าวเลย เพื่อนในห้องก็มีถามแหละ ทำไมไม่ไปกินข้าว
ผมก็ ตอบไปตามตัวเองนั่นแหละ ว่าไม่หิว
ทั้งๆที่เจ็บท้องไปถึงทรวงอ่ะ ก็ต้องอดทนไว้ จนถึงเย็น
เพราะตอนเช้าผมก็ไม่ได้กินข้าวเช้าอ่ะ
อย่างน้อยแค่อย่างน้อย ก็มีน้ำหนึ่งขวดที่เอามา
ไม่งั้นหนักกว่าเดิม แต่เวลาเกินไปในช่วงที่เจ็บท้องมันก็เจ็บกว่าเดิมแค่ตอนแรกแต๋พอโอเคร
หลังจากนั้น ก่อนหน้าเนื่องจาก มีแรงกดดันจากครอบครัวที่ผม ก่อนหน้าพยายามที่จะไม่ไปเรียน
ผมก็เครียดและคิดมากอยู่
พี่ชายผมบอกกับผมว่าถ้าไม่ไหวก็ลองมาเที่ยวเล่นที่กรุงเทพกับพี่ก่อน เรียนอ่ะค่อยไปตอนไหนก็ได้
ผมก็โอเคไปหาพี่ บลาๆ
จนถึงตอนกลับ
พี่ของผมโทรไปหาโรงเรียนให้ช่วงเปลี่ยนห้องสายวิชาอะไรแบบนั้น
ผมเป็นพวกชอบวาดรูปเนื่องจากไม่มีไรทำตอนกักตัวโควิด
จนถึงวันที่ไปจริงๆ ผมก็กลัวขึ้นมา เนื่องจากผมไม่ไปเรียนจากนั้น ก็คิด จะโดนมองว่าเป็นคนเเปลก พิลึก มั้ย?
จะโดน บูลลี่มั้ย?
ทำให้ผมไม่ไปโรงเรียน
คนในครอบครัวผม ด่าผมหนักมากจนถึงขั้นที่ว่า ถ้าผมไม่เป็นพวกที่ชอบคุยกับตัวเองและปลอบใจตัวเอง
ผมอาจจะคิดสั้นไปเลยก็ได้ ผมก็พยายามกดขี่เอาไว้
อย่างน้อยความสุขของผม ก็คือการฟังเพลงไปวันๆ และมีคลิปที่ทำให้ผมขำและสนุกได้
จนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน เนื่องจากผมไม่ไปเรียน เมื่อก่อนที่แม่ของผมที่ต่างประเทศจะส่งเงินมาให้ผมใช้ต่อเดือน
พอตอนที่ผมไม่ไป แม่ไม่ส่งเงินมา และคือรู้ได้เลย ว่าเขาไม่สนใจใยดี ตัวผมเลย ใช่ ผมไม่มี และไม่สามารถใช้เงินได้อีกต่อไป
ครอบครัวที่อยู่ด้วยตอนนี้ก็แตกหักกัน จนถึงขั้นที่ว่าเหมือนคนแปลกหน้าอยู่ด้วยกันเฉยๆ คนที่เคยรักเคยดูแลผมก็ ออกห่าง เกลียดชัง นินทา
ความรู้จากตอนนี้ และวันนี้ที่ผมรู้สึกครั้งแรกในชีวิต ผมอยากจะตาย
บอกไว้ก่อน เมื่อก่อนที่ผมเศร้าขนาดไหนก็ตาม หรือจะตอน ที่ผมโดนครอบครัวด่าตอนไม่ไปเรียนที่ใหม่
ผมแค่รู้สึก เครียด และเศร้าสุดๆ แต่สำหรับผม
ชีวิตคือสิ่งที่มีค่าที่สุด
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่
ผมอยากจะใช้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่ดีกว่านี้ ความรู้สึกครั้งนี้มันมากเกินไปกว่าที่ผมจะแบกรับไปกว่านี้
ผมไม่ใช่คนดี ผมขโมยของ ขโมยเงิน ผมทำลายข้าวของ ผมด่า
แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้คือ ผมไม่ใช่พวกที่ทำสิ่งผิดๆอะไรที่มันเกินเหตุ
ผมขโมยของแต่ เป็นแค่ของเล็กๆที่น่าจะให้อภัยได้ ทำลายข้าวของ?
ผมทำลายแต่แค่เพราะ ผมอารมณ์ขึ้นจนถึงขั้นที่ควบคุมไม่ได้ แต่หลังจากนั้นก็ก็จะรู้สึกผิดตลอด แต่คุมตัวเองไม่ได้
ผมรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ผมทำไปเพราะเหตุผล แต่ไม่ทั้งหมด
ผมด่า ผมว่าใครไป เพราะผมแค่ต้องการให้เขาออกห่างและไม่มา ด่าว่าผมเรื่อยๆ
ผมใช้กำลัง แต่ไม่เคยที่จะทำร้ายครอบครัวๆจริงๆ จะมีการที่ผมทำไปเพระาไม่อยากให้เขามารู้สึกแย่กับผมไปมากกว่านี้
ถ้าใครที่อ่านจบแล้ว ขออภัยด้วยนะครับถ้าอ่านไปแล้วไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องเลย
ช่วงเวลาที่ผมพิมพ์ ผมพิมพ์ตอนช่วงเวลา ล่าสุดที่ผมบอกแหละครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะลอง เขียนให้คนอ่านในโซเซียล
จะด่าผมด่าได้ครับ แต่ช่วยมีเหตุมีผลด้วยจะดีครับ ผมยังอยู่ในอายุที่ยังไม่รู้อะไรมาก เพราะงั้นถ้ามีคำแนะนำอะไรดีๆบอกผมได้จะดีมากครับ
ท้ายที่สุดนี้ ขอบคุณ และ ขอโทษด้วย ครับ
คนในครอบครัวไม่สนใจ และปล่อยตัวผมเหมือนรอยแพ เพราะ แค่ไม่ไปโรงเรียน / ครั้งแรกที่ตัวเองรู้สึกว่ามากเกินไป จนอยากตาย?
ซึ่งแต่ก่อน ผมไม่ได้เป็นคนแบบนี้ เมื่อก่อน ผมขี้ขลาด และอาย แต่ ผมกล้าคุยกับคนอื่นๆปกติ ที่ผมอาย และขี้ขลาด เพราะโดนเพื่อนแกล้งบ่อย
ซึ่งผมก็โดนเหมือนเดิมเมื่อขึ้น มัธยมต้น จนถึงตอนนี้ แต่ช่วงมัธยม ที่ ผมอยู่ ม.1 กำลังจะขึ้น ม.2
โควิด ก็เกิดขึ้นและระบาด ทำให้ต้องกักตัว ซึ่งนี่ละ ด้วยความที่แต่ก่อนผมเป็นคนขี้อาย กลายเป็นว่า ผมก็เล่นแต่โซเซียล และไม่คุยกับใคร
ทำให้ ผมไม่กล้วเข้าสังคมไปเลย แต่ช่วงที่ โควิด เริ่ม หายไปจนถึงที่ (บอกไว้ก่อนผมไม่เคยฉีดวัคซิน) เนื่องจากไม่ได้ฉีดเลยได้เข้าเรียนช้ากว่าคนอื่นๆที่ฉีด
แต่โควิดนั้นเริ่มบสางจนขั้นที่ผมไปเรียนได้
และเพราะผมกลัวสังคมเลยจะปรับตัวเอง
เมื่อก่อนผมคุยได้นิดๆหน่อยๆ ผมสามารถคุยกับคนอื่นๆได้ดีกว่าเมื่อก่อนมากๆ ถึงจะแค่คนในกลุ่มๆนึง ก็ตาม
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมจะเป็นเพื่อนกับเขา (แค่เพื่อนที่คุยบ่อยไม่ได้สนิท)
เนื่องจากผมที่กักตัวและไม่ได้คุยกับใครนาน
ปัญหาคือ ผมจะคุยกับคนอื่น สองต่อสอง ไม่ได้เลย ผมจะคิดไรไม่ออก เพราะกังวลว่าจะตอบอะไรไปแล้วจะดีมั้ย เว้นแต่ว่าคนๆนั้นจะเป็นพวก เริ่มคุยมาก่อน
เพราะงั้นผมจะชอบเป็นเหมือน ตัวก้างขวางคอมากกว่า ในกลุ่มที่ผมคุยบ่อย มีแค่2คน รวมผมก็3 2คนนั้นสนิทกัน ผมเป็นแค่ตัวเติมเต็ม
นั่นคือสิ่งที่ผมโอเคร เพราะผมคุยได้กับคนที่ คนๆนั้นต้องเป็นคนที่เปิดหัวข้อที่คุยก่อนเสมอ ซึ่งก็นั่นแหละ เขาสนิทกัน ผมเป็นแค่ตัวไม่สำคัญ
หลังจากนั้น ผมก็มีความสุขกว่าเมื่อก่อน
ข้ามมาช่วงที่ พังพินาศเลยละกันครับ
ช่วง กำลังจะสอบเพื่อไปต่อ ม.4 ที่โรงเรียนอื่น เนื่องจากโรงเรียนผมมีแค่สูงสุด ม.3 จากนั้นผมก็สอบไปนั้นแหละ แต่ช่วงเวลามันเริ่มจากนี้
เนื่องจากช่วงโควิด ที่มีการเรียนออนไลน์ ผมที่เป็นพวกเก็บตัว เลยไม่ได้เข้าร่วมกับคนอื่นๆ จนถึงช่วงปลายๆ ผมก็ได้เข้าไปเรียนออนไลน์เล็กน้อย
จนถึง ไปเรียนได้นั่นแหละ
ทำให้มีงานค้าง จนติด ร เยอะมาก
หลังจากสอบเสร็จจนจะปิดเทอม
ถ้าเป็นคนปกติ ก็คงจะไปถามครูแล้วมาแก้ให้เสร็จ
แต่ด้วยความที่ผม เป็นพวก คิด มาก เครียดง่าย และ ไม่กล้าเข้าสังคม
มันเหมือน มีแรงดันพุ่งเข้าใส่หน้าจนผม ทรุดและวิตกกังวล จนผมไม่ไปเรียนเพื่อแก้ ร
ครอบครัวผมได้แต่ด่าผมเพื่อให้ผมไปโรงเรียน
ด้วยความที่ผม คิดมาก และ อารมณ์ฟุ่งซ่านโมโหง่าย
เมื่อก่อนผมจะ ทำรายข้าวของ บลาๆ
ช่วงผมได้ไปเรียนครั้งแรกหลังจากไปโรงเรียน ผมคิดได้
ผมจึงทำได้แค่ ทำใจ ปิดกั้น อดทน ทำให้ผมกักเก็บอารมณ์ไป
ช่วงเวลาที่ แก้งาน ตอนจะปิดเทอม เนื่องจากอารมณ์เครียดที่มากเกินไป ผมเผลอทำอะไรบ้าๆบอๆไปมาก
ช่วงนึงเป็นช่วงที่ผมไปโรงเรียนหลังจากที่ไม่ได้ไปหลายวันเพื่อแก้งาน ผมนอนไปแค่1-2ชั่วโมงเนื่องจาก กังวล
ทำให้ ช่วงกลางวัน เพื่อนในห้อง ก็แซวและบูลลี่ผมตามนิสัยแกล้งเล่นๆพวกมันอ่ะ
ทำให้รู้ตัวอีกที ผมวิ่งไปถีบมันที่นั่งอยู่ ซึ่งมันไม่ใช่คนที่ ว่าผม แต่เป็นกลุ่มเดียวกัน ผมกระทืบซ้ำไปทีสองที
ครูและคนอื่นๆก็มาห้ามและไล่ผมไปห้อง ผมที่กำลังคิดว่าตัวเองทำอะไรลงไปก็กลับไปที่ห้อง
นั่งลงที่โต๊ตัวเองและ เครียดว่า"กูทำอะไรลงไป" "มันจะมาทำอะไรกูมั้ยวะ" อะไรแบบนั้น
จนพวกมันก็มา และถามว่าทำแบบนั้นทำไม ผมได้แต่ตอบว่า "กูก็ไม่รู้เหมือนกัน"
คำที่พวกมันบอกกับผมทำให้ผมรู้สึกแบบ อะไรของวะ
มันบอกว่า "ทำอย่างงั้นได้ไงวะ นั่นเพื่อนนะเห้ย!"
กูอยากจะบอกกับพวกว่า "เพื่อนบ้านพ่อคุณเขาเเกล้งและบูลลี่แบบนี้เหรอวะไอสัส"
ผมได้แต่นิ่งเฉยและยอมรับกับความผิด
ช่วงเวลานั้นก็ผ่านไป
ผมก็ได้แต่เครียด
จากนั้นจุดที่ผมเริ่มโอเครขึ้นมาคือ ผมเริ่ม คิดแยกแยะและเริ่มตั้งใจที่จแก้งาน แก้เสร็จไปอีกงานของครูคนนึง เหลืออีกหลายงานของหลายครู
ข้ามมาช่วงที่ เปิดเทอมและต้องหาโรงเรียนที่จะไปต่อ ผมก็เครียดนั่นแหละ เพราะสถานที่ที่ผมไม่รู้จักอ่ะนะ
ผมก็ไปโรงเรียนนึง ไม่รับ ไปอีกโรงเรียนนึง โอเครรับ
ผมก็ไป โรงเรียน และช่วงนั้นก็แก้งานที่ติด จนเสร็จ และไป
ผมไปโรงเรียนวันแรก เครียด นอนไปไม่มากกว่า3ชั่วโมงทำให้มี รู้สึกแย่ๆไปหน่อย ผมก็ไป อ่า มีเพื่อนที่โรงเรียนเก่า เพื่อนคนนี้มันก็ถ้าเเต่ก่อน ก็ถือว่าดีเลย ตอนเด็กก็เล่นด้วยกันบ่อย อ่า ก็นั่งเรียน บลาๆ ด้วยความที่ผมพเพิ่งไปสมัครและ เลยเวลาเปิดเทอมไป สัปดาห์อ่ะนะ เลยงงๆกับการสอน (โง่อ่ะแหละ)
ผมก็อืม โอเครนะ ถือว่ามีคนคุยและบอกนู่นนี่อยู่ และผมด้วยความที่ ไม่มั่นใจเรื่องหน้าตาเลย ผมก็ไส่แมสตลอดนั่นแหละ ถึงช่วงกลางวัน อันนี้ถือว่านรกอยู่
ผมไม่กล้าไปทานข้าวเลย เพื่อนในห้องก็มีถามแหละ ทำไมไม่ไปกินข้าว
ผมก็ ตอบไปตามตัวเองนั่นแหละ ว่าไม่หิว
ทั้งๆที่เจ็บท้องไปถึงทรวงอ่ะ ก็ต้องอดทนไว้ จนถึงเย็น
เพราะตอนเช้าผมก็ไม่ได้กินข้าวเช้าอ่ะ
อย่างน้อยแค่อย่างน้อย ก็มีน้ำหนึ่งขวดที่เอามา
ไม่งั้นหนักกว่าเดิม แต่เวลาเกินไปในช่วงที่เจ็บท้องมันก็เจ็บกว่าเดิมแค่ตอนแรกแต๋พอโอเคร
หลังจากนั้น ก่อนหน้าเนื่องจาก มีแรงกดดันจากครอบครัวที่ผม ก่อนหน้าพยายามที่จะไม่ไปเรียน
ผมก็เครียดและคิดมากอยู่
พี่ชายผมบอกกับผมว่าถ้าไม่ไหวก็ลองมาเที่ยวเล่นที่กรุงเทพกับพี่ก่อน เรียนอ่ะค่อยไปตอนไหนก็ได้
ผมก็โอเคไปหาพี่ บลาๆ
จนถึงตอนกลับ
พี่ของผมโทรไปหาโรงเรียนให้ช่วงเปลี่ยนห้องสายวิชาอะไรแบบนั้น
ผมเป็นพวกชอบวาดรูปเนื่องจากไม่มีไรทำตอนกักตัวโควิด
จนถึงวันที่ไปจริงๆ ผมก็กลัวขึ้นมา เนื่องจากผมไม่ไปเรียนจากนั้น ก็คิด จะโดนมองว่าเป็นคนเเปลก พิลึก มั้ย?
จะโดน บูลลี่มั้ย?
ทำให้ผมไม่ไปโรงเรียน
คนในครอบครัวผม ด่าผมหนักมากจนถึงขั้นที่ว่า ถ้าผมไม่เป็นพวกที่ชอบคุยกับตัวเองและปลอบใจตัวเอง
ผมอาจจะคิดสั้นไปเลยก็ได้ ผมก็พยายามกดขี่เอาไว้
อย่างน้อยความสุขของผม ก็คือการฟังเพลงไปวันๆ และมีคลิปที่ทำให้ผมขำและสนุกได้
จนถึงช่วงเวลาปัจจุบัน เนื่องจากผมไม่ไปเรียน เมื่อก่อนที่แม่ของผมที่ต่างประเทศจะส่งเงินมาให้ผมใช้ต่อเดือน
พอตอนที่ผมไม่ไป แม่ไม่ส่งเงินมา และคือรู้ได้เลย ว่าเขาไม่สนใจใยดี ตัวผมเลย ใช่ ผมไม่มี และไม่สามารถใช้เงินได้อีกต่อไป
ครอบครัวที่อยู่ด้วยตอนนี้ก็แตกหักกัน จนถึงขั้นที่ว่าเหมือนคนแปลกหน้าอยู่ด้วยกันเฉยๆ คนที่เคยรักเคยดูแลผมก็ ออกห่าง เกลียดชัง นินทา
ความรู้จากตอนนี้ และวันนี้ที่ผมรู้สึกครั้งแรกในชีวิต ผมอยากจะตาย
บอกไว้ก่อน เมื่อก่อนที่ผมเศร้าขนาดไหนก็ตาม หรือจะตอน ที่ผมโดนครอบครัวด่าตอนไม่ไปเรียนที่ใหม่
ผมแค่รู้สึก เครียด และเศร้าสุดๆ แต่สำหรับผม
ชีวิตคือสิ่งที่มีค่าที่สุด
ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่
ผมอยากจะใช้ชีวิตใหม่ ชีวิตที่ดีกว่านี้ ความรู้สึกครั้งนี้มันมากเกินไปกว่าที่ผมจะแบกรับไปกว่านี้
ผมไม่ใช่คนดี ผมขโมยของ ขโมยเงิน ผมทำลายข้าวของ ผมด่า
แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้คือ ผมไม่ใช่พวกที่ทำสิ่งผิดๆอะไรที่มันเกินเหตุ
ผมขโมยของแต่ เป็นแค่ของเล็กๆที่น่าจะให้อภัยได้ ทำลายข้าวของ?
ผมทำลายแต่แค่เพราะ ผมอารมณ์ขึ้นจนถึงขั้นที่ควบคุมไม่ได้ แต่หลังจากนั้นก็ก็จะรู้สึกผิดตลอด แต่คุมตัวเองไม่ได้
ผมรู้ว่าอะไรดีไม่ดี ผมทำไปเพราะเหตุผล แต่ไม่ทั้งหมด
ผมด่า ผมว่าใครไป เพราะผมแค่ต้องการให้เขาออกห่างและไม่มา ด่าว่าผมเรื่อยๆ
ผมใช้กำลัง แต่ไม่เคยที่จะทำร้ายครอบครัวๆจริงๆ จะมีการที่ผมทำไปเพระาไม่อยากให้เขามารู้สึกแย่กับผมไปมากกว่านี้
ถ้าใครที่อ่านจบแล้ว ขออภัยด้วยนะครับถ้าอ่านไปแล้วไม่ค่อยจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องเลย
ช่วงเวลาที่ผมพิมพ์ ผมพิมพ์ตอนช่วงเวลา ล่าสุดที่ผมบอกแหละครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะลอง เขียนให้คนอ่านในโซเซียล
จะด่าผมด่าได้ครับ แต่ช่วยมีเหตุมีผลด้วยจะดีครับ ผมยังอยู่ในอายุที่ยังไม่รู้อะไรมาก เพราะงั้นถ้ามีคำแนะนำอะไรดีๆบอกผมได้จะดีมากครับ
ท้ายที่สุดนี้ ขอบคุณ และ ขอโทษด้วย ครับ