ดิฉันเป็นข้าราชการครูบ้านนอก สามีมีธุรกิจเล็กๆ ครอบครัวฐานะปานกลาง มีลูกชายคนเดียวเกิดตอนต้มยำกุ้งพอดี เขาเป็นเด็กเรียนเก่งหัวไว เขาออกจากบ้านไปตั้งแต่ ม.1 เพราะสอบเข้าโรงเรียนในกรุงเทพได้ กลับบ้านานๆครั้ง เขาเข้าจุฬาได้และทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ แล้วไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย ตั้งแต่เขาทำงานเขาจะถามแม่ตลอดว่าเขามีเงินแล้วนะ แม่อยากได้อะไรมั้ย แต่เรายังไม่เกษียณมีงานทำจึงไม่อยากรบกวนลูก
วันนึงเขาซื้อคอนโด ซื้อรถ ที่กรุงเทพ ต้นปีเขากลับมาสร้างบ้านหลังใหญ่ให้ ทำรีสอร์ทให้บอกให้พ่อแม่ลาออก ดิฉันกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทำไมมีเงินมากมายตั้งแต่อายุเท่านี้ เขาบอกว่าเค้าเป็นที่ปรึกษาธุรกิจบริษัทระดับโลก เงินเดือนหลักแสน โบนัสปีละล้าน แต่แลกมาด้วยการทำงานหนักอย่างที่ดิฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขานอนดึกตื่นเช้าทุกวัน บางวันไม่ได้นอน ทำงานไม่มีวันหยุด จนล้มป่วย หลังจากนั้นเขาย้ายไปทำงานธนาคาร ที่นั่นเขามีเลขา มีคนขับรถ มีคนรายล้อมมากมายที่อยากรู้จักเขา แต่หลังจากที่เขาป่วย ดิฉันอดห่วงเขาไม่ได้ ไม่อยากให้เขาทำงานหนัก ดิฉันโทรหาเขาทุกวัน พยายามไปหาที่กรุงเทพบ่อยๆ ช่วงนี้เขากลับมาทำงานหนักอีก ดิฉันจึงไปบอกให้เขาลาออก บอกให้เขาพอ ครอบครัวเราอยู่ได้สบายแล้วกับสิ่งที่ลูกสร้างไว้
เขาตอบว่า เขาไม่อยากให้ลูกของเขาเกิดมาลำบาก ไม่อยากให้ลูกต้องเกิดมาอยู่ในวงจรที่ต้องเรียนให้เก่ง ทำงานให้หนัก เพื่อที่จะได้สบาย เขาบอกว่าเขาจะเสียสละเป็นคนสุดท้ายเพื่อคนรุ่นหลัง เขาระบายทุกสิ่งที่เขาพบเจอออกมาทั้งหมด เขาพูดถึงความเหลื่อมล้ำ ความหรูหราของกลุ่มเพื่อนๆเขา โอกาสที่เขาเสียไปเพราะบ้านไม่ได้รวย ดิฉันฟังแล้วเข้าใจไม่ทั้งหมด แต่ดิฉันใจสลายไปแล้ว ดิฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีหรือคะ ดิฉันให้เค้าเกิดมาลำบากหรือคะ
ดิฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีหรือคะ
วันนึงเขาซื้อคอนโด ซื้อรถ ที่กรุงเทพ ต้นปีเขากลับมาสร้างบ้านหลังใหญ่ให้ ทำรีสอร์ทให้บอกให้พ่อแม่ลาออก ดิฉันกลัวว่าเขาจะทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทำไมมีเงินมากมายตั้งแต่อายุเท่านี้ เขาบอกว่าเค้าเป็นที่ปรึกษาธุรกิจบริษัทระดับโลก เงินเดือนหลักแสน โบนัสปีละล้าน แต่แลกมาด้วยการทำงานหนักอย่างที่ดิฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขานอนดึกตื่นเช้าทุกวัน บางวันไม่ได้นอน ทำงานไม่มีวันหยุด จนล้มป่วย หลังจากนั้นเขาย้ายไปทำงานธนาคาร ที่นั่นเขามีเลขา มีคนขับรถ มีคนรายล้อมมากมายที่อยากรู้จักเขา แต่หลังจากที่เขาป่วย ดิฉันอดห่วงเขาไม่ได้ ไม่อยากให้เขาทำงานหนัก ดิฉันโทรหาเขาทุกวัน พยายามไปหาที่กรุงเทพบ่อยๆ ช่วงนี้เขากลับมาทำงานหนักอีก ดิฉันจึงไปบอกให้เขาลาออก บอกให้เขาพอ ครอบครัวเราอยู่ได้สบายแล้วกับสิ่งที่ลูกสร้างไว้
เขาตอบว่า เขาไม่อยากให้ลูกของเขาเกิดมาลำบาก ไม่อยากให้ลูกต้องเกิดมาอยู่ในวงจรที่ต้องเรียนให้เก่ง ทำงานให้หนัก เพื่อที่จะได้สบาย เขาบอกว่าเขาจะเสียสละเป็นคนสุดท้ายเพื่อคนรุ่นหลัง เขาระบายทุกสิ่งที่เขาพบเจอออกมาทั้งหมด เขาพูดถึงความเหลื่อมล้ำ ความหรูหราของกลุ่มเพื่อนๆเขา โอกาสที่เขาเสียไปเพราะบ้านไม่ได้รวย ดิฉันฟังแล้วเข้าใจไม่ทั้งหมด แต่ดิฉันใจสลายไปแล้ว ดิฉันเป็นแม่ที่ไม่ดีหรือคะ ดิฉันให้เค้าเกิดมาลำบากหรือคะ