คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 69
สำหรับผมคุณไม่มีเหตุผลใดที่ไม่หย่าเลยครับ
1. คุณแต่งแบบที่ไม่ได้อยากแต่ง ไม่ได้พร้อมจะแต่งตั้งแต่แรก ไม่แปลกที่จะอยู่กันไม่ยืด สำหรับผมถือว่าผิดมหันต์มาก แต่งงานแบบแกมบังคับ แถมแต่งงานเร็วไม่รู้จักสามีหรือแม่สามีดีพอ (เพราะถ้ารู้จักดี หรือได้ใช้ชีวิตมากกว่านี้ น่าจะรู้นิสัยของแม่สามีมากกว่านี้)
2. สำหรับผม บ้านควรจะมีแค่ พ่อ แม่ ลูก ไม่ควรมีพ่อแม่ของพ่อ หรือพ่อแม่ของแม่มาอยู่ด้วย ทุก ๆ กรณียกเว้นไม่มาอยู่แล้วมันจะตาย อาจจะดูรุนแรง แต่ผมคิดแบบนี้จริง ๆ และครอบครัวอยู่มาแบบนี้จริง ๆ พ่อแม่ของผมก็บอกเสมอว่าถ้าแต่งงานให้แยกออกไป อย่าเอาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย ลูกสะใภ้อึดอัดตาย เกิดปัญหาเปล่า ๆ และตัวผมเองถ้าลูกจะแต่งงาน ก็จะให้แยกออกไปเช่นกัน (แต่ไม่ได้บอกว่าไม่เลี้ยงดู หรือไม่ดูแลพ่อแม่นะ ดูแลให้ดี แค่ไม่ได้อยู๋บ้านเดียวกันแค่นั้น)
3. แม่ของสามีมีความคิดไม่ตรงกับคุณ และคิดว่าไม่ตรงกับคนยุคนี้อย่างมากเรื่องการมีลูก แต่เรื่องนี้มันเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่คือเค้า "เ_ือก" ชีวิตคู่ขอ งคุณ เหมือนมีป้าข้างบ้านที่มาอยู่ในบ้าน นรกชัด ๆ ถ้าคิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่ไปยัดใส่กบาลใครก็ไม่ว่า อันนี้มายัดใส่กบาลคนอื่น อันนี้ไม่โอเคึ
4. แม่สามีแคร์สายตาป้าข้างบ้าน และแน่นอน คนมีอายุส่วนสมากแคร์ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แคร์สายตาป้า(หรือลุง) ข้างบ้านมากกว่าคนในบ้านตัวเอง สำหรับผมคนพวกนี้ควรออกไปจากบ้านมากที่สุด มีแต่ทำให้บ้านอึดอัด ทำอะไรก็ต้องคิดตลอด ทั้งที่มันควรเป็นเรื่องส่วนตัวในบ้าน
5. เมื่อเราใช้ชีวิตมาระดับนึง เราจะรู้ว่า เรื่องบางเรื่อง (โดยเฉพาะเรื่องของสามีภรรยา) ไม่ควรไปพูดกับคนอื่น แม้กระทั้งพ่อแม่ของตัวเอง ถ้ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น เช่น เรื่องบนเตียง ทัศนคติเรื่องการเมือง และอื่น ๆ การที่สามีคุณเล่า "ทุกอย่าง" ให้แม่เค้าฟัง เหมือนตอนนี้เวลานอน มีแม่ของสามีมานอนประกบข้าง ๆ จะปรึกษาอะไรก็ต้องคิดเสมอว่าแม่สามีก็จะรู้ด้วย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ๆ ผมมั่นใจ
5. สามีคุณและแม่เค้าแสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าเค้าไม่ได้หวงแหนคุณเลย เกิดปัญหาขนาดภรรยาหนีออกจากบ้าน คนที่รักกัน ห่วงกันจริง ๆ มันต้องคิดขึ้นมาก่อนว่า "เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า" หรือ "เราทำเกินไปไหมนะ" ไม่ใช่ "คนข้างบ้านจะมองยังไง" เพราะงั้นมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคบกันต่อ หรือต่อให้เค้ามาง้อแล้วดีกัน มันจะมีประโยชน์อะไรถ้ามีแม่สามีคอยกำกับชีวิตคู่อยู่ข้าง ๆ เหมือนเจ้ากรรมนายเวร อีกหน่อยถ้าข้างบ้านพูดว่า ทำไมยังไม่มีลูก คุณก็คงต้องมี ถ้าเค้าพูดว่าทำไมทำอาหารไม่เก่ง คุณก็ต้องทำ ทำไมบินไม่ได้ คุณก็คงต้องบิน
6. และสุดท้าย คุณแทบไม่มีพันธะอะไรผูกมัดให้มีปัญหากับสามีคุณเลย (เรื่องรถสำหรับผมไม่ใช่พันธะนะ เพราะมันไม่ใช่ชื่อคุณแต่แรกอยู่แล้ว) ไม่มีลูก ไม่มีหนี้ร่วมกัน ยกเว้นจะฟ้องร้องเอาค่ารถคืน คุณคงไม่สนุกด้วยแน่ ๆ เพราะงั้นแนะนำว่า ปล่อยมันไป แล้วไปหาเอาใหม่เองสบายสมองมากกว่าครับ
1. คุณแต่งแบบที่ไม่ได้อยากแต่ง ไม่ได้พร้อมจะแต่งตั้งแต่แรก ไม่แปลกที่จะอยู่กันไม่ยืด สำหรับผมถือว่าผิดมหันต์มาก แต่งงานแบบแกมบังคับ แถมแต่งงานเร็วไม่รู้จักสามีหรือแม่สามีดีพอ (เพราะถ้ารู้จักดี หรือได้ใช้ชีวิตมากกว่านี้ น่าจะรู้นิสัยของแม่สามีมากกว่านี้)
2. สำหรับผม บ้านควรจะมีแค่ พ่อ แม่ ลูก ไม่ควรมีพ่อแม่ของพ่อ หรือพ่อแม่ของแม่มาอยู่ด้วย ทุก ๆ กรณียกเว้นไม่มาอยู่แล้วมันจะตาย อาจจะดูรุนแรง แต่ผมคิดแบบนี้จริง ๆ และครอบครัวอยู่มาแบบนี้จริง ๆ พ่อแม่ของผมก็บอกเสมอว่าถ้าแต่งงานให้แยกออกไป อย่าเอาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย ลูกสะใภ้อึดอัดตาย เกิดปัญหาเปล่า ๆ และตัวผมเองถ้าลูกจะแต่งงาน ก็จะให้แยกออกไปเช่นกัน (แต่ไม่ได้บอกว่าไม่เลี้ยงดู หรือไม่ดูแลพ่อแม่นะ ดูแลให้ดี แค่ไม่ได้อยู๋บ้านเดียวกันแค่นั้น)
3. แม่ของสามีมีความคิดไม่ตรงกับคุณ และคิดว่าไม่ตรงกับคนยุคนี้อย่างมากเรื่องการมีลูก แต่เรื่องนี้มันเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่คือเค้า "เ_ือก" ชีวิตคู่ขอ งคุณ เหมือนมีป้าข้างบ้านที่มาอยู่ในบ้าน นรกชัด ๆ ถ้าคิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่ไปยัดใส่กบาลใครก็ไม่ว่า อันนี้มายัดใส่กบาลคนอื่น อันนี้ไม่โอเคึ
4. แม่สามีแคร์สายตาป้าข้างบ้าน และแน่นอน คนมีอายุส่วนสมากแคร์ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แคร์สายตาป้า(หรือลุง) ข้างบ้านมากกว่าคนในบ้านตัวเอง สำหรับผมคนพวกนี้ควรออกไปจากบ้านมากที่สุด มีแต่ทำให้บ้านอึดอัด ทำอะไรก็ต้องคิดตลอด ทั้งที่มันควรเป็นเรื่องส่วนตัวในบ้าน
5. เมื่อเราใช้ชีวิตมาระดับนึง เราจะรู้ว่า เรื่องบางเรื่อง (โดยเฉพาะเรื่องของสามีภรรยา) ไม่ควรไปพูดกับคนอื่น แม้กระทั้งพ่อแม่ของตัวเอง ถ้ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น เช่น เรื่องบนเตียง ทัศนคติเรื่องการเมือง และอื่น ๆ การที่สามีคุณเล่า "ทุกอย่าง" ให้แม่เค้าฟัง เหมือนตอนนี้เวลานอน มีแม่ของสามีมานอนประกบข้าง ๆ จะปรึกษาอะไรก็ต้องคิดเสมอว่าแม่สามีก็จะรู้ด้วย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ๆ ผมมั่นใจ
5. สามีคุณและแม่เค้าแสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าเค้าไม่ได้หวงแหนคุณเลย เกิดปัญหาขนาดภรรยาหนีออกจากบ้าน คนที่รักกัน ห่วงกันจริง ๆ มันต้องคิดขึ้นมาก่อนว่า "เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า" หรือ "เราทำเกินไปไหมนะ" ไม่ใช่ "คนข้างบ้านจะมองยังไง" เพราะงั้นมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคบกันต่อ หรือต่อให้เค้ามาง้อแล้วดีกัน มันจะมีประโยชน์อะไรถ้ามีแม่สามีคอยกำกับชีวิตคู่อยู่ข้าง ๆ เหมือนเจ้ากรรมนายเวร อีกหน่อยถ้าข้างบ้านพูดว่า ทำไมยังไม่มีลูก คุณก็คงต้องมี ถ้าเค้าพูดว่าทำไมทำอาหารไม่เก่ง คุณก็ต้องทำ ทำไมบินไม่ได้ คุณก็คงต้องบิน
6. และสุดท้าย คุณแทบไม่มีพันธะอะไรผูกมัดให้มีปัญหากับสามีคุณเลย (เรื่องรถสำหรับผมไม่ใช่พันธะนะ เพราะมันไม่ใช่ชื่อคุณแต่แรกอยู่แล้ว) ไม่มีลูก ไม่มีหนี้ร่วมกัน ยกเว้นจะฟ้องร้องเอาค่ารถคืน คุณคงไม่สนุกด้วยแน่ ๆ เพราะงั้นแนะนำว่า ปล่อยมันไป แล้วไปหาเอาใหม่เองสบายสมองมากกว่าครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
หย่าแล้วปรึกษาทนาย ทรัพย์สินที่หาร่วมกันมาระหว่างแต่งงานต้องแบ่งคนละครึ่ง
อายุยังน้อย ยังมีเวลาเจอคนดี ๆ อีกเยอะแยะมากมายมหาศาล ยิ่งยืนด้วยตัวเอง
ไม่ได้ง้อใคร คุณมีดีให้ผู้ชายตามจีบอีกเยอะ สมัยนี้เคยแต่งงาน ไม่มีใครสนแล้ว
อย่างผมเนี่ยก็จีบ single mom อยู่
คุณหย่าออกมา อย่ามองว่ามันคือความล้มเหลวในชีวิต ให้มองว่าคือโอกาส
ที่ได้เรียนรู้ชีวิตใหม่ ๆ โลกไปถึงไหนต่อไหนแล้วครับ และคุณมีอำนาจในการ
เลือกผู้ชายใหม่ ๆ ด้วยประสบการณ์ คุณจะมองโลกใบใหม่ที่กว้างขึ้น และอิสระขึ้น
แล้วอาจจะคิดว่ารู้งี้ หย่านานละ
ปล อย่างเรื่องรถ ตอนแฟนเก่าผมเลิก ผมคืนเงินดาวน์ให้ทุกบาท ทุกสตางค์
สิ่งของที่ซื้อร่วมกันอยากได้อะไร เอาไปเลย
อายุยังน้อย ยังมีเวลาเจอคนดี ๆ อีกเยอะแยะมากมายมหาศาล ยิ่งยืนด้วยตัวเอง
ไม่ได้ง้อใคร คุณมีดีให้ผู้ชายตามจีบอีกเยอะ สมัยนี้เคยแต่งงาน ไม่มีใครสนแล้ว
อย่างผมเนี่ยก็จีบ single mom อยู่
คุณหย่าออกมา อย่ามองว่ามันคือความล้มเหลวในชีวิต ให้มองว่าคือโอกาส
ที่ได้เรียนรู้ชีวิตใหม่ ๆ โลกไปถึงไหนต่อไหนแล้วครับ และคุณมีอำนาจในการ
เลือกผู้ชายใหม่ ๆ ด้วยประสบการณ์ คุณจะมองโลกใบใหม่ที่กว้างขึ้น และอิสระขึ้น
แล้วอาจจะคิดว่ารู้งี้ หย่านานละ
ปล อย่างเรื่องรถ ตอนแฟนเก่าผมเลิก ผมคืนเงินดาวน์ให้ทุกบาท ทุกสตางค์
สิ่งของที่ซื้อร่วมกันอยากได้อะไร เอาไปเลย
แสดงความคิดเห็น
* กำลังตัดสินใจจะหย่า เพราะแม่สามีค่ะ เราทำถูกแล้วใช่มั้ย
ตอนนี้แต่งงานมา 4 ปีแล้ว
ชีวิต 4 ปีที่ผ่านมา เหมือนตกนรกทั้งเป็นค่ะ
เราแต่งงานเร็ว ตอนนั้นอายุแค่ 22 ย่าง 23 เพิ่งเรียนจบหมาดๆ สาเหตุที่แต่งเพราะเรามาอยู่บ้านสามี ตอนเรียนปี 4 ช่วงฝึกงาน เพราะบ้านสามีใกล้ที่ฝึกงานมากกว่าหอพัก พอฝึกงานเสร็จเราเรียนต่อโท เลยอยู่บ้านสามีต่อ (บ้านสามีตอนนั้นมีแค่น้องชายสามีกับสามีอยู่ รวมเราเป็น 3 คน) พอแม่สามีรู้เรื่อง เขาไม่สบายใจ กลัวคนแถวบ้านจะเอาไปพูด เลยได้ข้อสรุปว่าจะให้เราแต่งงานกัน ใจเราตอนนั้นไม่อยากแต่ง แต่จำใจต้องยอมๆ ทางฝั่งครอบครัวสามีและพ่อแม่เราเอง
พอเราแต่งงานได้สักพัก แม่สามีที่อยู่กันคนละที่ ดันย้ายมาอยู่ด้วย เรื่องราวมันเริ่มตรงนี้แหละค่ะ
แม่สามีชอบมายุ่งเรื่องของเรากับสามี ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องบนเตียงของเรากับสามี ขนาดที่ถามว่า เรานอนกับสามีบ่อยมั้ย ซึ่งเรามองว่ามันเกินไปหน่อยค่ะ แล้วคือสามีเป็นคนที่สนิทกับแม่มากๆๆๆ ตามใจแม่ทุกอย่าง + เล่าเรื่องส่วนตัวของเราให้แม่เขาฟังทุกอย่าง เราเคยคุยกับสามีแล้ว ว่าเราไม่โอเคตรงนี้ เรื่องส่วนตัวและเรื่องในบ้าน เราไม่อยากให้ใครรับรู้ แต่กลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โต เพราะสามีเข้าข้างแม่เขา และหาว่าเราเยอะ ทำตัวมีปัญหา เป็นแบบนี้มาตลอด 4 ปี เราไม่เคยมีความสุขในบ้านนั้นแม้แต่วันเดียว
เราคุยกับสามีว่าเราไม่อยากมีลูก เราไม่พร้อม แต่แม่เขาพูดใส่เราบ่อยมากๆ ว่าเมื่อไหร่จะมีลูก เขารอเลี้ยงหลาน เหตุการณ์ที่เราจำไม่มีวันลืมคือเขาถามเรื่องนี้ตอนกินข้าว โต๊ะกินข้าวมีเรา แม่สามี สามี และน้องสาวคนสุดท้องที่อายุใกล้ๆ เรา
แม่ถามว่าเมื่อไหร่จะท้อง เดี๋ยวแม่เลี้ยงหลานให้
เราตอบว่าเราไม่มีลูก เราตั้งใจไว้แล้ว (บอกรอบที่ล้าน)
แม่: คนไม่มีลูกคือคนที่เห็นแก่ตัว เราเป็นมนุษย์ก็มีหน้าที่พลเมือง ผู้หญิงเกิดมาแล้วก็ต้องมีหน้าที่เป็นแม่คน และอื่นๆ ตามมาอีก ค่อนข้างจะเป็นคำที่รุนแรงพอสมควร แม่ของเราแท้ๆ ยังไม่ว่าเราขนาดนี้
จังหวะนั้นเราหันไปมองหน้าสามีว่าจะปกป้องเรามั้ย แต่เปล่าเลยค่ะ เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าเราด้วยซ้ำ ได้แต่ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ เรานี่น้ำตาไหลแหมะๆ จนน้องสาวเขาทนไม่ไหว พูดว่ามันไม่ถูกต้องที่แม่พูดแบบนี้กับเรา กลายเป็นน้องปกป้องเราแทน จนน้องทะเลาะกับแม่แทนเรา
ตอนนี้เราเลยเลือกที่จะย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว เราทนไม่ไหว จริงๆเรื่องราวมันเยอะกว่านี้ แต่เล่าไปคงจะไม่หมด เราไม่เคยมองว่ามีฝ่ายใดฝ่ายนึงผิดหรือถูก แค่เรากับแม่มีความคิดที่ค่อนข้างจะต่างกันมากๆ อีกทั้งสามีไม่เคยเข้าข้างเราเลย เขาเข้าข้างแม่เขาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามเขาไม่ได้ทำตัวเป็นกลางหรือประนีประนอมทั้งสองฝั่ง แต่เขาเอาแต่บอกให้เราเข้าใจๆๆๆแม่เขา ให้ยอมๆๆๆๆแม่เขาไป พอพยายามปรับความเข้าใจกันเรื่องแม่ กลายเป็นทะเลาะกันรุนแรงทุกรอบ
เราทนไม่ไหว เราหนีออกมาอยู่คอนโดคนเดียว เชื่อมั้ยคะว่าขนาดเราย้ายออกมา แม่เขาก็ยังมีปัญหากับเราตรงนี้อีก หาว่าเราหนีออกจากบ้าน คนแถวบ้านจะมองครอบครัวเขาไม่ดี ทำให้เรากับสามีทะเลาะกันเพราะแม่อยากให้เรากลับไปอยู่บ้าน เราไม่ไหวแล้วค่ะ เราไม่รู้จะทำยังไงต่อแล้ว เราเหนื่อยกับทุกอย่างจริงๆ เราอยากหนีไปไกลๆๆๆ แต่หนียังไงก็ไม่พ้นสักที
ขอเพิ่มเติมตรงนี้ว่า เราไม่เคยใช้เงินของครอบครัวเขาแม้แต่บาทเดียว เราทำงานหาเงินใช้เอง ขายของกับทำงานประจำ แยกกระเป๋ากันใช้กับสามีค่ะ สามีและครอบครัวเขาไม่เคยเลี้ยงดูอะไรเราทั้งสิ้น มีคำถามว่า
1. ก่อนแต่งงานเรามีรถคันเก่า 1 คันที่แม่แท้ๆ เรายกให้ แต่ดันขายคันเก่าแล้วเอาเงินไปดาวน์คันใหม่ แล้วรถคันใหม่เป็นชื่อสามี (เงินดาวน์ประมาณ 200k) ตรงนี้ถ้าหย่ากันแล้ว เรื่องรถจะแบ่งกันยังไงดี เพราะเขาบอกว่าเขาจะไม่ยกรถให้ เพราะเป็นชือเขา
2. มีใครเคยเจอเหตุกาณ์คล้ายๆเราบ้างมั้ยคะ แล้วตอนนั้นทำยังไง ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง