* กำลังตัดสินใจจะหย่า เพราะแม่สามีค่ะ เราทำถูกแล้วใช่มั้ย

สวัสดีค่ะ เกริ่นก่อนว่าเราอายุ 27 ปี
ตอนนี้แต่งงานมา 4 ปีแล้ว

ชีวิต 4 ปีที่ผ่านมา เหมือนตกนรกทั้งเป็นค่ะ

เราแต่งงานเร็ว ตอนนั้นอายุแค่ 22 ย่าง 23 เพิ่งเรียนจบหมาดๆ สาเหตุที่แต่งเพราะเรามาอยู่บ้านสามี ตอนเรียนปี 4 ช่วงฝึกงาน เพราะบ้านสามีใกล้ที่ฝึกงานมากกว่าหอพัก พอฝึกงานเสร็จเราเรียนต่อโท เลยอยู่บ้านสามีต่อ (บ้านสามีตอนนั้นมีแค่น้องชายสามีกับสามีอยู่ รวมเราเป็น 3 คน) พอแม่สามีรู้เรื่อง เขาไม่สบายใจ กลัวคนแถวบ้านจะเอาไปพูด เลยได้ข้อสรุปว่าจะให้เราแต่งงานกัน ใจเราตอนนั้นไม่อยากแต่ง แต่จำใจต้องยอมๆ ทางฝั่งครอบครัวสามีและพ่อแม่เราเอง

พอเราแต่งงานได้สักพัก แม่สามีที่อยู่กันคนละที่ ดันย้ายมาอยู่ด้วย เรื่องราวมันเริ่มตรงนี้แหละค่ะ
แม่สามีชอบมายุ่งเรื่องของเรากับสามี ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องบนเตียงของเรากับสามี ขนาดที่ถามว่า เรานอนกับสามีบ่อยมั้ย ซึ่งเรามองว่ามันเกินไปหน่อยค่ะ แล้วคือสามีเป็นคนที่สนิทกับแม่มากๆๆๆ ตามใจแม่ทุกอย่าง + เล่าเรื่องส่วนตัวของเราให้แม่เขาฟังทุกอย่าง เราเคยคุยกับสามีแล้ว ว่าเราไม่โอเคตรงนี้ เรื่องส่วนตัวและเรื่องในบ้าน เราไม่อยากให้ใครรับรู้ แต่กลายเป็นทะเลาะกันใหญ่โต เพราะสามีเข้าข้างแม่เขา และหาว่าเราเยอะ ทำตัวมีปัญหา เป็นแบบนี้มาตลอด 4 ปี เราไม่เคยมีความสุขในบ้านนั้นแม้แต่วันเดียว

เราคุยกับสามีว่าเราไม่อยากมีลูก เราไม่พร้อม แต่แม่เขาพูดใส่เราบ่อยมากๆ ว่าเมื่อไหร่จะมีลูก เขารอเลี้ยงหลาน เหตุการณ์ที่เราจำไม่มีวันลืมคือเขาถามเรื่องนี้ตอนกินข้าว โต๊ะกินข้าวมีเรา แม่สามี สามี และน้องสาวคนสุดท้องที่อายุใกล้ๆ เรา

แม่ถามว่าเมื่อไหร่จะท้อง เดี๋ยวแม่เลี้ยงหลานให้
เราตอบว่าเราไม่มีลูก เราตั้งใจไว้แล้ว (บอกรอบที่ล้าน)
แม่: คนไม่มีลูกคือคนที่เห็นแก่ตัว เราเป็นมนุษย์ก็มีหน้าที่พลเมือง ผู้หญิงเกิดมาแล้วก็ต้องมีหน้าที่เป็นแม่คน และอื่นๆ ตามมาอีก ค่อนข้างจะเป็นคำที่รุนแรงพอสมควร แม่ของเราแท้ๆ ยังไม่ว่าเราขนาดนี้

จังหวะนั้นเราหันไปมองหน้าสามีว่าจะปกป้องเรามั้ย แต่เปล่าเลยค่ะ เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าเราด้วยซ้ำ ได้แต่ก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ เรานี่น้ำตาไหลแหมะๆ จนน้องสาวเขาทนไม่ไหว พูดว่ามันไม่ถูกต้องที่แม่พูดแบบนี้กับเรา กลายเป็นน้องปกป้องเราแทน จนน้องทะเลาะกับแม่แทนเรา

ตอนนี้เราเลยเลือกที่จะย้ายออกมาอยู่คอนโดคนเดียว เราทนไม่ไหว จริงๆเรื่องราวมันเยอะกว่านี้ แต่เล่าไปคงจะไม่หมด เราไม่เคยมองว่ามีฝ่ายใดฝ่ายนึงผิดหรือถูก แค่เรากับแม่มีความคิดที่ค่อนข้างจะต่างกันมากๆ อีกทั้งสามีไม่เคยเข้าข้างเราเลย เขาเข้าข้างแม่เขาตลอด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามเขาไม่ได้ทำตัวเป็นกลางหรือประนีประนอมทั้งสองฝั่ง แต่เขาเอาแต่บอกให้เราเข้าใจๆๆๆแม่เขา ให้ยอมๆๆๆๆแม่เขาไป พอพยายามปรับความเข้าใจกันเรื่องแม่ กลายเป็นทะเลาะกันรุนแรงทุกรอบ 

เราทนไม่ไหว เราหนีออกมาอยู่คอนโดคนเดียว เชื่อมั้ยคะว่าขนาดเราย้ายออกมา แม่เขาก็ยังมีปัญหากับเราตรงนี้อีก หาว่าเราหนีออกจากบ้าน คนแถวบ้านจะมองครอบครัวเขาไม่ดี ทำให้เรากับสามีทะเลาะกันเพราะแม่อยากให้เรากลับไปอยู่บ้าน เราไม่ไหวแล้วค่ะ เราไม่รู้จะทำยังไงต่อแล้ว เราเหนื่อยกับทุกอย่างจริงๆ เราอยากหนีไปไกลๆๆๆ แต่หนียังไงก็ไม่พ้นสักที

ขอเพิ่มเติมตรงนี้ว่า เราไม่เคยใช้เงินของครอบครัวเขาแม้แต่บาทเดียว เราทำงานหาเงินใช้เอง ขายของกับทำงานประจำ แยกกระเป๋ากันใช้กับสามีค่ะ สามีและครอบครัวเขาไม่เคยเลี้ยงดูอะไรเราทั้งสิ้น มีคำถามว่า

1. ก่อนแต่งงานเรามีรถคันเก่า 1 คันที่แม่แท้ๆ เรายกให้ แต่ดันขายคันเก่าแล้วเอาเงินไปดาวน์คันใหม่ แล้วรถคันใหม่เป็นชื่อสามี (เงินดาวน์ประมาณ 200k) ตรงนี้ถ้าหย่ากันแล้ว เรื่องรถจะแบ่งกันยังไงดี เพราะเขาบอกว่าเขาจะไม่ยกรถให้ เพราะเป็นชือเขา

2. มีใครเคยเจอเหตุกาณ์คล้ายๆเราบ้างมั้ยคะ แล้วตอนนั้นทำยังไง ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 69
สำหรับผมคุณไม่มีเหตุผลใดที่ไม่หย่าเลยครับ
1. คุณแต่งแบบที่ไม่ได้อยากแต่ง ไม่ได้พร้อมจะแต่งตั้งแต่แรก ไม่แปลกที่จะอยู่กันไม่ยืด สำหรับผมถือว่าผิดมหันต์มาก แต่งงานแบบแกมบังคับ แถมแต่งงานเร็วไม่รู้จักสามีหรือแม่สามีดีพอ (เพราะถ้ารู้จักดี หรือได้ใช้ชีวิตมากกว่านี้ น่าจะรู้นิสัยของแม่สามีมากกว่านี้)

2. สำหรับผม บ้านควรจะมีแค่ พ่อ แม่ ลูก ไม่ควรมีพ่อแม่ของพ่อ หรือพ่อแม่ของแม่มาอยู่ด้วย ทุก ๆ กรณียกเว้นไม่มาอยู่แล้วมันจะตาย อาจจะดูรุนแรง แต่ผมคิดแบบนี้จริง ๆ และครอบครัวอยู่มาแบบนี้จริง ๆ พ่อแม่ของผมก็บอกเสมอว่าถ้าแต่งงานให้แยกออกไป อย่าเอาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย ลูกสะใภ้อึดอัดตาย เกิดปัญหาเปล่า ๆ และตัวผมเองถ้าลูกจะแต่งงาน ก็จะให้แยกออกไปเช่นกัน (แต่ไม่ได้บอกว่าไม่เลี้ยงดู หรือไม่ดูแลพ่อแม่นะ ดูแลให้ดี แค่ไม่ได้อยู๋บ้านเดียวกันแค่นั้น)

3. แม่ของสามีมีความคิดไม่ตรงกับคุณ และคิดว่าไม่ตรงกับคนยุคนี้อย่างมากเรื่องการมีลูก แต่เรื่องนี้มันเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่คือเค้า "เ_ือก" ชีวิตคู่ขอ งคุณ เหมือนมีป้าข้างบ้านที่มาอยู่ในบ้าน นรกชัด ๆ ถ้าคิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ไม่ไปยัดใส่กบาลใครก็ไม่ว่า อันนี้มายัดใส่กบาลคนอื่น อันนี้ไม่โอเคึ

4. แม่สามีแคร์สายตาป้าข้างบ้าน และแน่นอน คนมีอายุส่วนสมากแคร์ ก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่แคร์สายตาป้า(หรือลุง) ข้างบ้านมากกว่าคนในบ้านตัวเอง สำหรับผมคนพวกนี้ควรออกไปจากบ้านมากที่สุด มีแต่ทำให้บ้านอึดอัด ทำอะไรก็ต้องคิดตลอด ทั้งที่มันควรเป็นเรื่องส่วนตัวในบ้าน

5. เมื่อเราใช้ชีวิตมาระดับนึง เราจะรู้ว่า เรื่องบางเรื่อง (โดยเฉพาะเรื่องของสามีภรรยา) ไม่ควรไปพูดกับคนอื่น แม้กระทั้งพ่อแม่ของตัวเอง ถ้ามันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเกิดขึ้น เช่น เรื่องบนเตียง ทัศนคติเรื่องการเมือง และอื่น ๆ การที่สามีคุณเล่า "ทุกอย่าง" ให้แม่เค้าฟัง เหมือนตอนนี้เวลานอน มีแม่ของสามีมานอนประกบข้าง ๆ จะปรึกษาอะไรก็ต้องคิดเสมอว่าแม่สามีก็จะรู้ด้วย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ๆ ผมมั่นใจ

5. สามีคุณและแม่เค้าแสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าเค้าไม่ได้หวงแหนคุณเลย เกิดปัญหาขนาดภรรยาหนีออกจากบ้าน คนที่รักกัน ห่วงกันจริง ๆ มันต้องคิดขึ้นมาก่อนว่า "เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า" หรือ "เราทำเกินไปไหมนะ" ไม่ใช่ "คนข้างบ้านจะมองยังไง" เพราะงั้นมันจะมีประโยชน์อะไรถ้าคบกันต่อ หรือต่อให้เค้ามาง้อแล้วดีกัน มันจะมีประโยชน์อะไรถ้ามีแม่สามีคอยกำกับชีวิตคู่อยู่ข้าง ๆ เหมือนเจ้ากรรมนายเวร อีกหน่อยถ้าข้างบ้านพูดว่า ทำไมยังไม่มีลูก คุณก็คงต้องมี ถ้าเค้าพูดว่าทำไมทำอาหารไม่เก่ง คุณก็ต้องทำ ทำไมบินไม่ได้ คุณก็คงต้องบิน

6. และสุดท้าย คุณแทบไม่มีพันธะอะไรผูกมัดให้มีปัญหากับสามีคุณเลย (เรื่องรถสำหรับผมไม่ใช่พันธะนะ เพราะมันไม่ใช่ชื่อคุณแต่แรกอยู่แล้ว) ไม่มีลูก ไม่มีหนี้ร่วมกัน ยกเว้นจะฟ้องร้องเอาค่ารถคืน คุณคงไม่สนุกด้วยแน่ ๆ เพราะงั้นแนะนำว่า ปล่อยมันไป แล้วไปหาเอาใหม่เองสบายสมองมากกว่าครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เขารู้ว่าเงินดาวน์มาจากรถคันเก่าของคุณ  เขาบอกหย่าแล้วจะไม่ยกให้ เพราะเป็นชื่อเขา

ถ้าเขาไม่ยอมแบ่งอย่างยุติธรรม  คือเอาเงินดาวน์คืนคุณมา

ก็สมควรรีบหย่ากับคนนี้แล้วครับ  โชว์ธาตุแท้ขนาดนี้

เรื่องเขารักและตามใจแม่เขา ตรงนี้เด็กๆไปเลย เมื่อเทียบกับความเห็นแก่ตัวที่เขามี
ความคิดเห็นที่ 2
หย่าแล้วปรึกษาทนาย ทรัพย์สินที่หาร่วมกันมาระหว่างแต่งงานต้องแบ่งคนละครึ่ง

อายุยังน้อย ยังมีเวลาเจอคนดี ๆ อีกเยอะแยะมากมายมหาศาล ยิ่งยืนด้วยตัวเอง
ไม่ได้ง้อใคร คุณมีดีให้ผู้ชายตามจีบอีกเยอะ สมัยนี้เคยแต่งงาน ไม่มีใครสนแล้ว
อย่างผมเนี่ยก็จีบ single mom อยู่

คุณหย่าออกมา อย่ามองว่ามันคือความล้มเหลวในชีวิต ให้มองว่าคือโอกาส
ที่ได้เรียนรู้ชีวิตใหม่ ๆ โลกไปถึงไหนต่อไหนแล้วครับ และคุณมีอำนาจในการ
เลือกผู้ชายใหม่ ๆ ด้วยประสบการณ์ คุณจะมองโลกใบใหม่ที่กว้างขึ้น และอิสระขึ้น
แล้วอาจจะคิดว่ารู้งี้ หย่านานละ

ปล อย่างเรื่องรถ ตอนแฟนเก่าผมเลิก ผมคืนเงินดาวน์ให้ทุกบาท ทุกสตางค์
สิ่งของที่ซื้อร่วมกันอยากได้อะไร เอาไปเลย
ความคิดเห็นที่ 14
ถ้าเป็นผมนะ
อายุเท่านี้ มีงาน มีรายได้เสริม
รถคันเดียว ตัดใจทิ้งให้ไปเลย
แลกกับสัญญาหลังหย่า ห้ามติดต่อทุกช่องทาง
ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ เราควรทิ้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่