"หมอรุ่งเรือง" เผยคดีบุกสาดสีแดงรูปปั้นสำคัญใน สธ. รู้ตัวคนทำทั้งหมด เป็นกลุ่มเดียวกับตอนสาดสี "ม็อบเด็กปากแจ๋ว" เหตุใช้สีเดียวกัน ชนิดเดียวกัน ล่าสุดคนทำรับสารภาพหมด รอศาลวินิจฉัยลงโทษ ชี้ถือว่าชนะแล้ว กฎแห่งกรรมมีจริง ส่วนกลุ่มเด็กให้ทำคุณประโยชน์และขอโทษไปแล้ว ห่วงเด็กถูกหลอกใช้ออกหน้า สุดท้ายถูกคนเบื้องหลังปล่อยลอยแพ
.
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีขึ้นศาลคดีเอาผิดกลุ่มคนที่บุกทำลายและสาดสีพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จย่า และกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ว่า จริงๆ เรื่องนี้มีการดำเนินคดีหลายคดีไล่ๆ กันมา ตั้งแต่ตอนกลุ่มไพร่พลและกลุ่มเด็กปากแจ๋วที่เดินทางมา สธ.เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564 มาทวงถามวัคซีนโควิด 19 สำหรับเด็ก โดยมีการสาดสีลงบนถนนและพยายามบุกเข้าพื้นที่ ส่วนที่มีการบุกมาสาดสีพระราชานุสาวรีย์เกิดขึ้นช่วงกลางดึกวันที่ 14 ก.ค. 2564 มีการทำลายกระถางธูป ดังนั้น เราจึงมีการดำเนินคดีทั้งเรื่องของบุกรุก หมิ่นประมาท ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และทำลายทรัพย์สิน อย่างในส่วนของกลุ่มเด็กปากแจ๋ว มีการขึ้นศาลไปนานแล้ว ซึ่งกลุ่มเด็กและเยาวชนศาลไม่ได้ลงโทษอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็ให้กลุ่มเด็กและเยาวชนมาขัดส้วม ทำความสะอาดห้องน้ำในกระทรวง ทำความสะอาดอนุสาวรีย์ กล่าวคำขอโทษเรียบร้อยทุกคน
.
นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า ในส่วนของผู้ใหญ่เราอยากให้มีการลงโทษจำคุก มิเช่นนั้นก็ไม่เป็นเยี่ยงอย่าง จะกลายเป็นว่ามาทำเสร็จ ขึ้นฟ้อง ฟ้องแล้วรอลงอาญา ซึ่งตอนทำคดีนั้นเหนื่อยมาก กว่าจะไล่กว่าจะถอดกล้องวงจรปิด ซึ่งเราไม่อยากให้รอลงอาญา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมือมืดที่แอบเข้ามาสาดสีพระราชานุสาวรีย์และยังมีการคล้องเชือกเพื่อดึงพระราชานุสาวรีย์ลงมานั้น แม้จะยังจับได้ไม่หมด แต่รู้ตัวทั้งหมดแล้ว กำลังไล่จับอยู่ แต่ที่เราพบคือ กลุ่มที่ทำคือกลุ่มเดียวกันทั้งหมด เพราะสีที่เอามาสาดในแต่ละครั้ง แต่ละเหตุการณ์ พิสูจน์หลักฐานแล้วคือสีเดียวกัน ชนิดเดียวกัน เมื่อตรวจสอบติดตามกลับไปก็พบว่า กลุ่มคนที่มาค่อนข้างมีความเชื่อมโยงกับในเรื่องของการเมืองด้วย ซึ่งวันก่อนที่มีการขึ้นศาลนั้นก็เป็นการดำเนินคดีในส่วนของผู้ใหญ่ เขารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เพราะรู้ว่าไม่หลุดแน่ สู้ไม่ได้ เรามีหลักฐานครบ
.
"เราอยากให้โดยโทษจำคุกเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง แต่เขาก็รับสารภาพก็อาจจะมีการลดโทษหรือรอลงอาญาก็ต้องแล้วแต่ศาลพิจารณา แต่ผมคิดว่าในทางสังคม เราถือว่าเราชนะแล้ว กฎแห่งกรรมมีอยู่แล้ว" นพ.รุ่งเรืองกล่าว
.
นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า ตนค่อนข้างเป็นห่วงเด็กและเยาวชน เพราะมองว่ามีกระบวนการปั่นหัวเด็กมาตลอด และใช้เด็กมาออกหน้า แต่เรื่องจริงที่ตนเจอก็คือ พอถึงวันที่ต้องขึ้นศาลไม่มีใครมาช่วยเลย พวกที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่มีใครมาช่วย ถูกปล่อยลอยแพ มีแต่พ่อแม่ของเด็กมาไหว้ขอความเมตตา คิดว่าเหตุการณ์อื่นๆ ก็มีความคล้ายคลึงกันที่ให้เด็กและเยาวชนมาออกหน้าแทน
-------------------------------
แหล่งข่าว
-
https://mgronline.com/qol/detail/9660000055266
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website :
http://www.thailandvision.co
Facebook :
https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter :
https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube :
https://www.youtube.com/c/Thailandvision
@@@ เด็กถูกหลอกใช้ และลอยแพ (อีกแล้ว) @@@
.
เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีขึ้นศาลคดีเอาผิดกลุ่มคนที่บุกทำลายและสาดสีพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จย่า และกรมพระยาชัยนาทนเรนทร ว่า จริงๆ เรื่องนี้มีการดำเนินคดีหลายคดีไล่ๆ กันมา ตั้งแต่ตอนกลุ่มไพร่พลและกลุ่มเด็กปากแจ๋วที่เดินทางมา สธ.เมื่อวันที่ 7 ก.ค. 2564 มาทวงถามวัคซีนโควิด 19 สำหรับเด็ก โดยมีการสาดสีลงบนถนนและพยายามบุกเข้าพื้นที่ ส่วนที่มีการบุกมาสาดสีพระราชานุสาวรีย์เกิดขึ้นช่วงกลางดึกวันที่ 14 ก.ค. 2564 มีการทำลายกระถางธูป ดังนั้น เราจึงมีการดำเนินคดีทั้งเรื่องของบุกรุก หมิ่นประมาท ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และทำลายทรัพย์สิน อย่างในส่วนของกลุ่มเด็กปากแจ๋ว มีการขึ้นศาลไปนานแล้ว ซึ่งกลุ่มเด็กและเยาวชนศาลไม่ได้ลงโทษอยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็ให้กลุ่มเด็กและเยาวชนมาขัดส้วม ทำความสะอาดห้องน้ำในกระทรวง ทำความสะอาดอนุสาวรีย์ กล่าวคำขอโทษเรียบร้อยทุกคน
.
นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า ในส่วนของผู้ใหญ่เราอยากให้มีการลงโทษจำคุก มิเช่นนั้นก็ไม่เป็นเยี่ยงอย่าง จะกลายเป็นว่ามาทำเสร็จ ขึ้นฟ้อง ฟ้องแล้วรอลงอาญา ซึ่งตอนทำคดีนั้นเหนื่อยมาก กว่าจะไล่กว่าจะถอดกล้องวงจรปิด ซึ่งเราไม่อยากให้รอลงอาญา อย่างไรก็ตาม ในส่วนของมือมืดที่แอบเข้ามาสาดสีพระราชานุสาวรีย์และยังมีการคล้องเชือกเพื่อดึงพระราชานุสาวรีย์ลงมานั้น แม้จะยังจับได้ไม่หมด แต่รู้ตัวทั้งหมดแล้ว กำลังไล่จับอยู่ แต่ที่เราพบคือ กลุ่มที่ทำคือกลุ่มเดียวกันทั้งหมด เพราะสีที่เอามาสาดในแต่ละครั้ง แต่ละเหตุการณ์ พิสูจน์หลักฐานแล้วคือสีเดียวกัน ชนิดเดียวกัน เมื่อตรวจสอบติดตามกลับไปก็พบว่า กลุ่มคนที่มาค่อนข้างมีความเชื่อมโยงกับในเรื่องของการเมืองด้วย ซึ่งวันก่อนที่มีการขึ้นศาลนั้นก็เป็นการดำเนินคดีในส่วนของผู้ใหญ่ เขารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา เพราะรู้ว่าไม่หลุดแน่ สู้ไม่ได้ เรามีหลักฐานครบ
.
"เราอยากให้โดยโทษจำคุกเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง แต่เขาก็รับสารภาพก็อาจจะมีการลดโทษหรือรอลงอาญาก็ต้องแล้วแต่ศาลพิจารณา แต่ผมคิดว่าในทางสังคม เราถือว่าเราชนะแล้ว กฎแห่งกรรมมีอยู่แล้ว" นพ.รุ่งเรืองกล่าว
.
นพ.รุ่งเรืองกล่าวว่า ตนค่อนข้างเป็นห่วงเด็กและเยาวชน เพราะมองว่ามีกระบวนการปั่นหัวเด็กมาตลอด และใช้เด็กมาออกหน้า แต่เรื่องจริงที่ตนเจอก็คือ พอถึงวันที่ต้องขึ้นศาลไม่มีใครมาช่วยเลย พวกที่อยู่เบื้องหลังก็ไม่มีใครมาช่วย ถูกปล่อยลอยแพ มีแต่พ่อแม่ของเด็กมาไหว้ขอความเมตตา คิดว่าเหตุการณ์อื่นๆ ก็มีความคล้ายคลึงกันที่ให้เด็กและเยาวชนมาออกหน้าแทน
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://mgronline.com/qol/detail/9660000055266
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision