ชีวิตที่ถูกจำกัดด้วยข้อบัญญัติทางศาสนา

สำหรับคนอยากรู้ข้อความทั้งหมดในบรรทัดเดียว
สรุปประเด็นคือ
ผมอึดอัดอยากทำบาป แต่ กลัวบาป ทำให้ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามคิด ไมได้ทำสิ่งที่ชอบ ต้องทำสิ่งที่ไม่ชอบ ลังเล ไม่มีความสุขในชีวิตมาระบายเฉย ๆ จ้า

             วันนี้เปิดเข้าไปดู ความทรงจำใน facebook เจอบทความถึง ดร.นนณ์ ที่ตัวเองเคยแชร์ไว้อ่านเองเมื่อปีที่แล้ว

อ่านไปก็ทึ่งซ้ำสอง (เพราะลืมไปแล้ว) ว่า ดร.นนณ์ เป็นผู้บริหารบริษัทน้ำตาลยักษ์ใหญ่ (ไม่รู้ที่ไหนอยากรู้เหมือนกันครับ)

แต่เอาเป็นว่าพออ่านแล้วก็รู้สึกอิจฉาพี่เขา พี่เขาได้ใช้ชีวิตแบบที่ผมอยากเป็นเลยครับ ถ่ายรูปสัตว์ จำแนกพันธ์

ตกปลา เลี้ยงปลา ออกไปดำน้ำในลำธารใส ๆ กลางป่า ลุยเข้าไปในพื้นที่ต้นน้ำ ลำธาร เพื่อหาสัตว์พันธ์ใหม่ ๆ สุดยอดจริง ๆ

ผมเกิดมาก็ชอบสัตว์เลย ชอบมาก ปลา แมลง สัตว์ต่าง ๆ ผมโตมาในครอบครัวชาวประมงในพื้นที่สมุทรปราการนี่เองครับ

ตอนนั้นมือถือ คอมพิวเตอร์ ไม่มีอะไรสักอย่าง วันหยุดความสุขเดียวที่ผมจะหาได้ก็ ไปตกปลา จับแมลง หว่านแหเอาปลามาให้แม่

ชีวิตแบบนี้ดูเหมือนจะแสนธรรมดาในสายตาคนอื่น ไม่ได้มีอะไรผิดเลย แต่ความรู้มากยากนานของผมพาผมไปในจุดที่แตกต่าง..

เพราะสิ่งที่ผมดันชอบอีกอย่างคือเรื่อง ศาสนาเปรียบเทียบ ความเชื่อ เรื่องลี้ลับครับ ผมไม่เคยปิดกั้นใจกับศาสนาอะไร

ศาสนาพุทธผมชอบที่สุด ศาสนาอิสลามลองลงมา ที่นี้ วกกลับเข้ามาตามหัวข้อกระทู้ "ชีวิตที่ถูกจำกัดด้วยข้อบัญญัติทางศาสนา"

ทุกท่านครับ พอผมเริ่มศึกษาศาสนาพุทธ เริ่มรู้เรื่องนรก สวรรค์ผมก็รู้ว่า สิ่งที่ผมชอบมาตลอดมันผิดแทบจะทั้งหมด

อย่าง ตกปลา ฆ่าปลา ก็คือทำผิดศีลข้อ ปาณาติบาท ฆ่าเขา และ ขาดเมตตา เป็นผู้เบียดเบียนสิ่งมีชีวิตให้ได้รับความทุกข์

ขายปลาทำประมง ก็มิจฉาวาณิชชา ค้าขายสัตว์เป็นที่ยังมีชีวิต เป็นอาชีพที่พุทธมามกะไม่ควรทำ..

แล้วถามว่าผมไปเชื่อสิ่งเหล่านี้ทำไม เอาความสุขในปัจจุบันไม่ดีกว่าหรือยังไง ก็นั่นนะสิครับ แต่ผมก็เจออะไรมาหลายอย่าง

ที่เชื่อว่าการ เกิด แล้ว ตาย แล้ว เกิด ใหม่ ผลกรรมมันน่าจะมีจริง...

ที่นี้ผมจะทำยังไงดีกับชีวิต เกิดมาก็ชอบอยู่แค่นี้ ไปทำอย่างอื่นก็ไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยพอหวนนึกถึงตอนเด็ก

ได้เหวี่ยงเบ็ดตกปลา ตกได้ไม่มีเบื่อเลย เหวี่ยงได้ทั้งวัน ได้ปลาก็ตก ไม่ได้ปลาก็ตก แต่พอได้ปลาทีก็ดีใจมากเหมือนกัน

ใจลึก ๆ ก็คิดว่า ถ้าเกิดโลกนี้เกิดมาแล้วตายสูญไปเลยแบบ สตีเว่น ฮอกกินส์ บอกนี่ชีวิตผมคงสุดกว่านี้เยอะเหมือนกัน

แต่พอคิดไปคิดมาแล้วก็มีอีกคนที่เขายอมหันหลังให้สิ่งที่ชอบแล้วไปทำสิ่งที่ไม่ขัดต่อหลักศาสนาเหมือนกันนะครับ

เขาคือ พี่โต ซิลลี่ฟูล อันนั้นในมุมมองคนนอกที่ผมไล่อ่านคอมเมนต์ก็จะบอก อิสลามกินพี่โตไปแล้ว, สุดโต่ง, เสียดายความสามารถ ฯลฯ

แต่สิ่งที่พี่เขาได้ทำมานี่สุดจริง เรื่องเพลงพี่เขาก็อันดับหนึ่ง เขายังทิ้งได้แล้วตัวผมเองมีอะไร ที่ทิ้งยากกว่าพี่เขาไหม ก็ไม่มีนี่

เพราะฉะนั้น เราจะใช้ชีวิตให้สุดในชีวิตนี้ โดยไม่สนต่อหลักศาสนาใด ๆ เพราะเราตายแล้วก็เป็นปุ๋ย

หรือเราจะใช้ชีวิตแบบผู้ที่รู้ว่า การตายไม่ใช่จุดจบ เรายังต้องเดินทางต่อเพื่อไปเจออะไรอีกมากมายโดยมีชีวิตปัจจุบันเป็นตัวกำหนดดีละเนี่ย

เขียนไปก็ วก ๆ วน ๆ เอาเป็นว่าจบแค่นี้ดีกว่าครับ 

สำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะช่วยผมแชร์มุมมองหน่อยได้ไหมครับ

ใช้ชีวิตให้สุดเพราะเราเกิดมาครั้งเดียวตายครั้งเดียว หรือ ใช้ชีวิตตามหลักศาสนาที่เป็นกรอบให้เดิน ให้เราไม่พลาดเจอความทุกข์สาหัสหลังความตาย

ปล. หรือใครมองมุมต่าง ไม่ตรงกับที่ผมถามเลยก็คอนเมนต์ได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่