นักวิชาการ ชี้ชัด เอกสาร ‘เรืองไกร’ ยื่นกกต. ปมไอทีวี ใช้ไม่ได้ เข้าข่าย เอกสารเท็จ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7717028
สฤณี ย้ำชัด เอกสารหลายชุดที่ ‘เรืองไกร’ นำไปยื่นกกต. ใช้ไม่ได้ น่าจะเข้าข่าย เอกสารเท็จ ชี้กกต.ไม่ควรนำมาพิจารณา
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2566 น.ส.
สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่าน เพจ Sarinee Achavanuntakul-สฤณี อาชวานันทกุล ระบุว่า
ในเมื่อบริษัทไอทีวี ยืนยันชัดเจนในจดหมายชี้แจงวันที่ 15 มิ.ย.ว่า ร่างงบไตรมาส 1 ปี 2566 (น่าจะชุดเดียวกันกับที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เอาไปร้อง กกต.) เป็นเอกสารภายในบริษัทเท่านั้น “จึงยังไม่สามารถนำไปอ้างอิงหรือใช้งานภายนอกบริษัทได้ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ” (แต่พอมีคนตั้งคำถามมากๆ ว่า แล้วทำไมเอาเอกสารภายในขึ้นเว็บบริษัทให้คนดาวน์โหลดได้ เมื่อวานก็ได้มีการซ่อนลิงก์ดาวน์โหลดงบไตรมาสทั้งหมดแล้ว ถถถถ)
ในเมื่อบริษัทยอมรับว่าเป็นเอกสารภายในเท่านั้น ก็แปลว่า ข้อมูลล่าสุดที่เป็นทางการ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ นำไปใช้อ้างอิงได้ ว่าวันนี้ “ไอทีวีทำธุรกิจอะไร” ก็มีแค่ งบการเงินไตรมาส 1 ปี 2566 ของ บมจ. อินทัช บริษัทแม่ของไอทีวี ซึ่งงบการเงินระหว่างกาลชุดนี้ยื่นต่อ ก.ล.ต. ด้วย และผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีแล้ว รายงานการสอบทานของผู้สอบบัญชีระบุว่า ได้สอบทานงบของบริษัทอินทัช “และบริษัทย่อย” ซึ่งก็แปลว่า สอบทานงบไตรมาส 1 ของไอทีวีมาแล้วเช่นกัน
งบไตรมาส 1 ปี 2566 ของอินทัช ชี้ชัดว่า ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 สถานะของไอทีวี คือ “หยุดดำเนินธุรกิจ” (ดูภาพประกอบด้านล่าง) ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริงที่เราได้รับรู้มาตลอด ก่อนเดือนเม.ย. ที่ดูเหมือนจะเริ่มมีความพยายามเปลี่ยนให้ไอทีวีลุกขึ้นมาทำสื่อ(อะไรก็ได้)
ในบรรดาเอกสารต่างๆ ที่ปรากฎในข่าวว่า นายเรืองไกร เอาไปร้อง กกต. มาถึงวันนี้มีหลายชุดที่ “ใช้ไม่ได้” แล้ว
1. แบบ ส.บช.3 ใบปะหน้านำส่งงบการเงินประจำปี 2565 น่าจะเข้าข่าย “เอกสารเท็จ” เนื่องจากระบุ “สื่อโฆษณา” ในช่อง “สินค้าและบริการ” ทั้งที่ไอทีวีไม่ได้ทำธุรกิจนี้และไม่มีรายได้จากธุรกิจนี้เลยในปี 2565 –> บริษัทไอทีวีควรเร่งส่งแบบฟอร์มนี้ฉบับแก้ไขให้กับกรมพัฒน์ฯ โดยเร็ว และ กกต.ไม่ควรพิจารณาแบบ ส.บช.3 ที่นักร้องเอาไปร้อง
2. รายงานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี วันที่ 26 เม.ย. 2566 มีข้อโต้แย้งมากมายว่า บันทึกไม่ตรงกับคลิปที่สื่อเผยแพร่ (และไอทีวียอมรับผ่านจดหมายชี้แจงว่า เป็นคลิปจริง) เช่น คำตอบ “ไม่ได้ดำเนินการใดๆ” กลับถูกบันทึกเป็น “ยังดำเนินการตามวัตถุประสงค์…” ดังนั้น รายงานนี้ถ้าไม่แก้ น่าจะเข้าข่าย “รายงานการประชุมเท็จ” –> ไอทีวีควรแก้ไขรายงานการประชุมให้ถูกต้อง และ กกต.ไม่ควรพิจารณารายงานเก่าที่นักร้องเอาไปร้อง
3. ร่างงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2566 ของไอทีวี อันนี้ไอทีวีบอกเองว่า ยังไม่สามารถนำไปอ้างอิงหรือใช้งานภายนอกบริษัทได้ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ –> กกต. ไม่ควรพิจารณา
ฝากสื่อตามต่อด้วย ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องตาม คิดว่ามาถึงจุดนี้ บมจ. อินทัช ในฐานะบริษัทแม่ของไอทีวีที่จัดการทุกสิ่งให้ ควรต้องออกโรงแล้ว คณะกรรมการตรวจสอบ (audit committee) ของบริษัทก็มี ยิ่งอยู่นิ่งๆ ไปนานๆ ผู้ถือหุ้นจะหาว่าขาดธรรมาภิบาล
ป.ล. ในส่วน บริการลงสื่อโฆษณา ให้กับบริษัทในเครือ (กลุ่มอินทัช) ที่ร่างงบไตรมาส 1 ของไอทีวีอ้างว่า เริ่มเสนอ 24 ก.พ. 66 (วันเดียวกันกับที่ผู้สอบบัญชีเซ็นงบปี 65 อิอิ) และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ปี 2566 นั้น ไม่น่าจะเสนอให้อินทัชหรือบริษัทแม่ เพราะงบไตรมาส 1 ปี 2566 ของอินทัชยังไม่ปรากฎธุรกรรมนี้ใน “รายการระหว่างกัน” แต่กลุ่มอินทัชนอกจากอินทัชเองแล้ว มีบริษัทอีกแค่ 3 แห่ง นอกจากไอทีวี
เชื่อว่านักการเงินและนักบัญชีหลายท่านจะรอการรายงานงบไตรมาส 2 ของอินทัชด้วยใจระทึก และอีกหลายเดือนนับจากนี้ เราน่าจะเรียกร้องให้ไอทีวี เปิดงบไตรมาส 2 ด้วยเพื่อความชัดเจน
จากนั้นน.ส.สฤณี โพสต์อีกว่า
สังเกตว่ามีสื่อหลายค่ายที่ดูพยายามทำให้ประชาชนสับสน ด้วยการนำเสนอแต่คำตัดสินคดีหุ้นสื่อในปี 2562 หรือปีแรกที่มีคดีเหล่านี้ ทั้งที่นักกฎหมายหลายคนก็พยายามบอกแล้วว่า คำตัดสินศาลตั้งแต่ปี 2563 มีพัฒนาการน่าสนใจ เช่น เลิกดูแค่รายการวัตถุประสงค์ในบริคณห์สนธิ หรือดูว่าไปแจ้งยกเลิกหรือยัง แต่ดู “ข้อเท็จจริง” ว่าถือหุ้นหรือไม่ กิจการทำสื่อจริงหรือไม่ คำตัดสินในปี 2566 บางคดีไปไกลถึงดูเจตนารมณ์ของกฎหมาย (ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว)
คิดง่ายๆ ก็ได้ค่ะว่า ถ้ามาถึงวันนี้ ถ้าศาลดูแค่รายการวัตถุประสงค์และดูว่า ไปจดเลิกกิจการหรือยัง เราก็คงไม่ได้เห็นมหากาพย์ไอทีวีที่ยืดเยื้อมาขนาดนี้
อย่าหลงกลสื่อแย่ๆ
https://www.facebook.com/SarineeA/posts/pfbid0x1JhXY6uSYxaegJYwiBuofuvAdXmbYUFVJzjvHCb4P613wB39ymUEESGXHM51TJHl
https://www.facebook.com/SarineeA/posts/pfbid02j4p5zM2QR3FwE1uyKoARxgoaqmxibGLxgn2hZLcNfgz2HXGRTiycUD8WDTjDLCaTl
เศรษฐา ชี้ หากเพื่อไทยคุมคมนาคม แก้ได้แน่ปัญหาแท็กซี่ ปัดตอบปมหุ้น itv ขอโฟกัสแค่พท.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4032124
‘เศรษฐา’ ชี้ หากจะแก้ปัญหาแท็กซี่ได้ ต้องได้ดู ก.คมนาคม แต่เชื่อแม้ไม่ได้ดู รบ.ใหม่ก็ให้ความสำคัญ คาด 1-2 สัปดาห์ สามารถแถลงความคืบหน้ารีแบรนด์พรรคได้ ปัดตอบเรื่องเอกสารไอทีวี
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับกลุ่มสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่จบสิ้น และตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะต่อรองตำแหน่งกระทรวงต่างๆ แต่วันนี้พี่น้องสหกรณ์แท็กซี่ ซึ่งตนเคยไปหาเสียงไว้เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขายังมีความเดือดร้อนใจอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา หรือการแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติที่ใช้เทคโลยีเข้ามาทำให้เขาสามารถทำกำไรได้ดีกว่า พี่น้องแท็กซี่ต้องทำงานหนักขึ้นถึง 14 ชั่วโมง แต่ได้เงินกลับมาเมื่อหักลบกลบหนี้แล้วได้แค่ 200 กว่าบาท ทำให้ไม่พอกิน เป็นหน้าที่ที่พรรคการเมืองต้องเข้าไปดูแล ซึ่งตนคิดว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จและพรรค พท. ได้รับมอบหมายจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ดูเรื่องของกระทรวงคมนาคม ตนก็เชื่อว่าปัญหาที่ถูกหมักหมมมา 10 ปี ที่ไม่ได้มีการดูแลกันอย่างจริงใจจะสามารถนำมาแก้ไขได้ และหวังว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลให้จบได้เร็วๆ นี้
เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมจำเป็นที่พรรค พท.ต้องได้ตำแหน่งคมนาคมหรือไม่ หรือการเป็นพรรคร่วมก็สามารถแก้ไขได้ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการแก้ปัญหาที่จะเป็นรูปธรรมได้ เราต้องได้ดูกระทรวงคมนาคม แต่หากไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลนั้น ตนเชื่อว่านายพิธาคงมีความกังวลในเรื่องนี้อยู่ และคงมีการส่งผ่านไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อยู่ในรัฐบาลได้เหมือนกัน เพราะรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตยก็จะเอาพี่น้องเป็นหลัก ภาคส่วนแท็กซี่ก็เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญในภาคธุรกิจเหมือนกัน และเชื่อว่ารัฐบาลใหม่น่าจะให้ความสำคัญมาก
ถามถึง ความคืบหน้าของการรีแบรนด์พรรค พท. นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ก็ไปเรื่อยๆ เมื่อวานนี้ (15 มิถุนายน) ก็มาเรียนนาย
ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. ถึงความคืบหน้า ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็คงจะแถลงอะไรได้บ้าง ซึ่งการที่เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีแค่เฉพาะการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์อย่างเดียว แต่ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานและวิธีคิดด้วย ฉะนั้น คงต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย ไม่ต้องห่วง รวดเร็วแน่นอน
เมื่อถามถึง กรณีการเผยแพร่เอกสารของไอทีวี มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า
“ไม่มีความคิดเห็นครับ ไม่เคยไปฟังข่าวเรื่องนี้ด้วยครับ ผมโฟกัสแค่เรื่องของพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว ก็ให้กำลังใจคุณพิธา หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี เรียบร้อย”
ราคาน้ำมันโลกพุ่ง 3.4 % จับตาน้ำมันไทยเย็นนี้
https://ch3plus.com/news/economy/morning/353394
ราคาน้ำมันวันนี้ 16 มิถุนายน 2566 ทั้งกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ไม่เปลี่ยนแปลง
แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 35.25 บาท/ลิตร
ซูเปอร์พาวเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 42.74 บาท/ลิตร
แก๊สโซฮอล์ E20 ราคา 32.94 บาท/ลิตร
แก๊สโซฮอล์ E85 ราคา 33.39 บาท/ลิตร
แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 34.98 บาท/ลิตร
เบนซิน 95 ราคา 43.04 บาท/ลิตร
ดีเซล B7 ราคา 31.94 บาท/ลิตร
ดีเซลพรีเมี่ยม ราคา 41.06 บาท/ลิตร
ดีเซลหมุนเร็ว B20 ราคา 31.94 บาท/ลิตร
ดีเซล ราคา 31.94 บาท/ลิตร
ขณะที่จับตาเย็นนี้ อาจเห็นผู้ค้าปรับราคาขึ้น หลังราคาตลาดโลกพุ่ง โดยน้ำมันดิบ เวสเท็กซัส (WTI) เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 3.44% ปิดที่ 70.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) เพิ่มขึ้น 2.47 ดอลลาร์ หรือ 3.37% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI กลับมายืนที่เหนือระดับ 70 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง และปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกระบุว่า ปริมาณการกลั่นน้ำมันในจีนพุ่งขึ้น 15.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แตะระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว
ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่จีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.10% สู่ระดับ 2.65% จากระดับ 2.75% และเป็นการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรกในรอบ 10 เดือน
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยดึงดูดแรงซื้อในตลาดน้ำมัน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดิ่งลงแตะระดับ 102.0910 เมื่อคืนนี้
และมีผลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อื่น ๆ อีก อาทิเช่น ยอดค้าปลีกเดือนล่าสุดปรับขึ้นเหนือคาดหมาย แรงซื้อเข้ามาในตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้นทันที
JJNY : ชี้ชัด เอกสาร ‘เรืองไกร’ เข้าข่ายเท็จ│เศรษฐา ปัดตอบปมหุ้น itv│ราคาน้ำมันโลกพุ่ง 3.4 %│มอสโกทำเนียน จัดเลือกตั้ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7717028
สฤณี ย้ำชัด เอกสารหลายชุดที่ ‘เรืองไกร’ นำไปยื่นกกต. ใช้ไม่ได้ น่าจะเข้าข่าย เอกสารเท็จ ชี้กกต.ไม่ควรนำมาพิจารณา
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2566 น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่าน เพจ Sarinee Achavanuntakul-สฤณี อาชวานันทกุล ระบุว่า
ในเมื่อบริษัทไอทีวี ยืนยันชัดเจนในจดหมายชี้แจงวันที่ 15 มิ.ย.ว่า ร่างงบไตรมาส 1 ปี 2566 (น่าจะชุดเดียวกันกับที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เอาไปร้อง กกต.) เป็นเอกสารภายในบริษัทเท่านั้น “จึงยังไม่สามารถนำไปอ้างอิงหรือใช้งานภายนอกบริษัทได้ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ” (แต่พอมีคนตั้งคำถามมากๆ ว่า แล้วทำไมเอาเอกสารภายในขึ้นเว็บบริษัทให้คนดาวน์โหลดได้ เมื่อวานก็ได้มีการซ่อนลิงก์ดาวน์โหลดงบไตรมาสทั้งหมดแล้ว ถถถถ)
ในเมื่อบริษัทยอมรับว่าเป็นเอกสารภายในเท่านั้น ก็แปลว่า ข้อมูลล่าสุดที่เป็นทางการ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ นำไปใช้อ้างอิงได้ ว่าวันนี้ “ไอทีวีทำธุรกิจอะไร” ก็มีแค่ งบการเงินไตรมาส 1 ปี 2566 ของ บมจ. อินทัช บริษัทแม่ของไอทีวี ซึ่งงบการเงินระหว่างกาลชุดนี้ยื่นต่อ ก.ล.ต. ด้วย และผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีแล้ว รายงานการสอบทานของผู้สอบบัญชีระบุว่า ได้สอบทานงบของบริษัทอินทัช “และบริษัทย่อย” ซึ่งก็แปลว่า สอบทานงบไตรมาส 1 ของไอทีวีมาแล้วเช่นกัน
งบไตรมาส 1 ปี 2566 ของอินทัช ชี้ชัดว่า ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 สถานะของไอทีวี คือ “หยุดดำเนินธุรกิจ” (ดูภาพประกอบด้านล่าง) ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริงที่เราได้รับรู้มาตลอด ก่อนเดือนเม.ย. ที่ดูเหมือนจะเริ่มมีความพยายามเปลี่ยนให้ไอทีวีลุกขึ้นมาทำสื่อ(อะไรก็ได้)
ในบรรดาเอกสารต่างๆ ที่ปรากฎในข่าวว่า นายเรืองไกร เอาไปร้อง กกต. มาถึงวันนี้มีหลายชุดที่ “ใช้ไม่ได้” แล้ว
1. แบบ ส.บช.3 ใบปะหน้านำส่งงบการเงินประจำปี 2565 น่าจะเข้าข่าย “เอกสารเท็จ” เนื่องจากระบุ “สื่อโฆษณา” ในช่อง “สินค้าและบริการ” ทั้งที่ไอทีวีไม่ได้ทำธุรกิจนี้และไม่มีรายได้จากธุรกิจนี้เลยในปี 2565 –> บริษัทไอทีวีควรเร่งส่งแบบฟอร์มนี้ฉบับแก้ไขให้กับกรมพัฒน์ฯ โดยเร็ว และ กกต.ไม่ควรพิจารณาแบบ ส.บช.3 ที่นักร้องเอาไปร้อง
2. รายงานการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี วันที่ 26 เม.ย. 2566 มีข้อโต้แย้งมากมายว่า บันทึกไม่ตรงกับคลิปที่สื่อเผยแพร่ (และไอทีวียอมรับผ่านจดหมายชี้แจงว่า เป็นคลิปจริง) เช่น คำตอบ “ไม่ได้ดำเนินการใดๆ” กลับถูกบันทึกเป็น “ยังดำเนินการตามวัตถุประสงค์…” ดังนั้น รายงานนี้ถ้าไม่แก้ น่าจะเข้าข่าย “รายงานการประชุมเท็จ” –> ไอทีวีควรแก้ไขรายงานการประชุมให้ถูกต้อง และ กกต.ไม่ควรพิจารณารายงานเก่าที่นักร้องเอาไปร้อง
3. ร่างงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2566 ของไอทีวี อันนี้ไอทีวีบอกเองว่า ยังไม่สามารถนำไปอ้างอิงหรือใช้งานภายนอกบริษัทได้ และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายใดๆ –> กกต. ไม่ควรพิจารณา
ฝากสื่อตามต่อด้วย ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องตาม คิดว่ามาถึงจุดนี้ บมจ. อินทัช ในฐานะบริษัทแม่ของไอทีวีที่จัดการทุกสิ่งให้ ควรต้องออกโรงแล้ว คณะกรรมการตรวจสอบ (audit committee) ของบริษัทก็มี ยิ่งอยู่นิ่งๆ ไปนานๆ ผู้ถือหุ้นจะหาว่าขาดธรรมาภิบาล
ป.ล. ในส่วน บริการลงสื่อโฆษณา ให้กับบริษัทในเครือ (กลุ่มอินทัช) ที่ร่างงบไตรมาส 1 ของไอทีวีอ้างว่า เริ่มเสนอ 24 ก.พ. 66 (วันเดียวกันกับที่ผู้สอบบัญชีเซ็นงบปี 65 อิอิ) และจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ปี 2566 นั้น ไม่น่าจะเสนอให้อินทัชหรือบริษัทแม่ เพราะงบไตรมาส 1 ปี 2566 ของอินทัชยังไม่ปรากฎธุรกรรมนี้ใน “รายการระหว่างกัน” แต่กลุ่มอินทัชนอกจากอินทัชเองแล้ว มีบริษัทอีกแค่ 3 แห่ง นอกจากไอทีวี
เชื่อว่านักการเงินและนักบัญชีหลายท่านจะรอการรายงานงบไตรมาส 2 ของอินทัชด้วยใจระทึก และอีกหลายเดือนนับจากนี้ เราน่าจะเรียกร้องให้ไอทีวี เปิดงบไตรมาส 2 ด้วยเพื่อความชัดเจน
จากนั้นน.ส.สฤณี โพสต์อีกว่า
สังเกตว่ามีสื่อหลายค่ายที่ดูพยายามทำให้ประชาชนสับสน ด้วยการนำเสนอแต่คำตัดสินคดีหุ้นสื่อในปี 2562 หรือปีแรกที่มีคดีเหล่านี้ ทั้งที่นักกฎหมายหลายคนก็พยายามบอกแล้วว่า คำตัดสินศาลตั้งแต่ปี 2563 มีพัฒนาการน่าสนใจ เช่น เลิกดูแค่รายการวัตถุประสงค์ในบริคณห์สนธิ หรือดูว่าไปแจ้งยกเลิกหรือยัง แต่ดู “ข้อเท็จจริง” ว่าถือหุ้นหรือไม่ กิจการทำสื่อจริงหรือไม่ คำตัดสินในปี 2566 บางคดีไปไกลถึงดูเจตนารมณ์ของกฎหมาย (ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว)
คิดง่ายๆ ก็ได้ค่ะว่า ถ้ามาถึงวันนี้ ถ้าศาลดูแค่รายการวัตถุประสงค์และดูว่า ไปจดเลิกกิจการหรือยัง เราก็คงไม่ได้เห็นมหากาพย์ไอทีวีที่ยืดเยื้อมาขนาดนี้
อย่าหลงกลสื่อแย่ๆ
https://www.facebook.com/SarineeA/posts/pfbid0x1JhXY6uSYxaegJYwiBuofuvAdXmbYUFVJzjvHCb4P613wB39ymUEESGXHM51TJHl
https://www.facebook.com/SarineeA/posts/pfbid02j4p5zM2QR3FwE1uyKoARxgoaqmxibGLxgn2hZLcNfgz2HXGRTiycUD8WDTjDLCaTl
เศรษฐา ชี้ หากเพื่อไทยคุมคมนาคม แก้ได้แน่ปัญหาแท็กซี่ ปัดตอบปมหุ้น itv ขอโฟกัสแค่พท.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4032124
‘เศรษฐา’ ชี้ หากจะแก้ปัญหาแท็กซี่ได้ ต้องได้ดู ก.คมนาคม แต่เชื่อแม้ไม่ได้ดู รบ.ใหม่ก็ให้ความสำคัญ คาด 1-2 สัปดาห์ สามารถแถลงความคืบหน้ารีแบรนด์พรรคได้ ปัดตอบเรื่องเอกสารไอทีวี
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 มิถุนายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการหารือกับกลุ่มสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ว่า ขณะนี้การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่จบสิ้น และตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่จะต่อรองตำแหน่งกระทรวงต่างๆ แต่วันนี้พี่น้องสหกรณ์แท็กซี่ ซึ่งตนเคยไปหาเสียงไว้เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เขายังมีความเดือดร้อนใจอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมา หรือการแข่งขันกับบริษัทข้ามชาติที่ใช้เทคโลยีเข้ามาทำให้เขาสามารถทำกำไรได้ดีกว่า พี่น้องแท็กซี่ต้องทำงานหนักขึ้นถึง 14 ชั่วโมง แต่ได้เงินกลับมาเมื่อหักลบกลบหนี้แล้วได้แค่ 200 กว่าบาท ทำให้ไม่พอกิน เป็นหน้าที่ที่พรรคการเมืองต้องเข้าไปดูแล ซึ่งตนคิดว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลเสร็จและพรรค พท. ได้รับมอบหมายจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้ดูเรื่องของกระทรวงคมนาคม ตนก็เชื่อว่าปัญหาที่ถูกหมักหมมมา 10 ปี ที่ไม่ได้มีการดูแลกันอย่างจริงใจจะสามารถนำมาแก้ไขได้ และหวังว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลให้จบได้เร็วๆ นี้
เมื่อถามว่า การแก้ปัญหาให้เป็นรูปธรรมจำเป็นที่พรรค พท.ต้องได้ตำแหน่งคมนาคมหรือไม่ หรือการเป็นพรรคร่วมก็สามารถแก้ไขได้ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการแก้ปัญหาที่จะเป็นรูปธรรมได้ เราต้องได้ดูกระทรวงคมนาคม แต่หากไม่ได้รับมอบหมายให้ดูแลนั้น ตนเชื่อว่านายพิธาคงมีความกังวลในเรื่องนี้อยู่ และคงมีการส่งผ่านไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อยู่ในรัฐบาลได้เหมือนกัน เพราะรัฐบาลที่มาจากฝ่ายประชาธิปไตยก็จะเอาพี่น้องเป็นหลัก ภาคส่วนแท็กซี่ก็เป็นภาคส่วนที่มีความสำคัญในภาคธุรกิจเหมือนกัน และเชื่อว่ารัฐบาลใหม่น่าจะให้ความสำคัญมาก
ถามถึง ความคืบหน้าของการรีแบรนด์พรรค พท. นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ไปเรื่อยๆ เมื่อวานนี้ (15 มิถุนายน) ก็มาเรียนนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท. ถึงความคืบหน้า ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็คงจะแถลงอะไรได้บ้าง ซึ่งการที่เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีแค่เฉพาะการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์อย่างเดียว แต่ต้องเปลี่ยนวิธีการทำงานและวิธีคิดด้วย ฉะนั้น คงต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย ไม่ต้องห่วง รวดเร็วแน่นอน
เมื่อถามถึง กรณีการเผยแพร่เอกสารของไอทีวี มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง นายเศรษฐา กล่าวว่า “ไม่มีความคิดเห็นครับ ไม่เคยไปฟังข่าวเรื่องนี้ด้วยครับ ผมโฟกัสแค่เรื่องของพรรคเพื่อไทยอย่างเดียว ก็ให้กำลังใจคุณพิธา หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี เรียบร้อย”
ราคาน้ำมันโลกพุ่ง 3.4 % จับตาน้ำมันไทยเย็นนี้
https://ch3plus.com/news/economy/morning/353394
ราคาน้ำมันวันนี้ 16 มิถุนายน 2566 ทั้งกลุ่มเบนซิน แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ไม่เปลี่ยนแปลง
แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 35.25 บาท/ลิตร
ซูเปอร์พาวเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 42.74 บาท/ลิตร
แก๊สโซฮอล์ E20 ราคา 32.94 บาท/ลิตร
แก๊สโซฮอล์ E85 ราคา 33.39 บาท/ลิตร
แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 34.98 บาท/ลิตร
เบนซิน 95 ราคา 43.04 บาท/ลิตร
ดีเซล B7 ราคา 31.94 บาท/ลิตร
ดีเซลพรีเมี่ยม ราคา 41.06 บาท/ลิตร
ดีเซลหมุนเร็ว B20 ราคา 31.94 บาท/ลิตร
ดีเซล ราคา 31.94 บาท/ลิตร
ขณะที่จับตาเย็นนี้ อาจเห็นผู้ค้าปรับราคาขึ้น หลังราคาตลาดโลกพุ่ง โดยน้ำมันดิบ เวสเท็กซัส (WTI) เพิ่มขึ้น 2.35 ดอลลาร์ หรือ 3.44% ปิดที่ 70.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) เพิ่มขึ้น 2.47 ดอลลาร์ หรือ 3.37% ปิดที่ 75.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมัน WTI กลับมายืนที่เหนือระดับ 70 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง และปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกระบุว่า ปริมาณการกลั่นน้ำมันในจีนพุ่งขึ้น 15.4% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 แตะระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าว
ตลาดน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการที่จีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ลง 0.10% สู่ระดับ 2.65% จากระดับ 2.75% และเป็นการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรกในรอบ 10 เดือน
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยดึงดูดแรงซื้อในตลาดน้ำมัน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ดิ่งลงแตะระดับ 102.0910 เมื่อคืนนี้
และมีผลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อื่น ๆ อีก อาทิเช่น ยอดค้าปลีกเดือนล่าสุดปรับขึ้นเหนือคาดหมาย แรงซื้อเข้ามาในตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้นทันที