สวัสดีค่ะวันนี้จะมาขอเล่าประสบการณ์ การเดินทางแบบปุบปับทริป คิดตอนช่วงสาย แล้วไปปีนังมาเลย์ แบบ one day trip ค่ะ
สืบเนื่องจากเรามาทำธุระที่อำเภอหาดใหญ่ แล้วมี freetime 1 วัน เลยกะว่าจะขับรถไปเที่ยวปาดังเบซาร์ แล้วมันมีแว้บนึงที่มองหน้ากันแล้วแบบ ป่ะ ไปปีนังดีกว่า เป็นการเดินทางไปมาเลเซียของเราครั้งแรกโดยรถไฟ แถมยังอันแพลนด้วยค่ะ 555
และก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าอาจจะไม่ใช่แพลนที่ดีที่สุด ในการเดินทางตาม แต่เราจะบอกว่าวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเรา และวิธีการแก้ปัญหาอื่นๆ มาฝากเพื่อนๆ แทนแล้วกันนะคะ แหะๆ
เริ่มจาก เราเดินทางมาถึงสถานีรถไฟปาดังเบซาร์ฝั่งไทยตอนประมาณ 9 โมงกว่าๆ รถยนต์ก็จอดไว้แถวๆนั้นนะคะ ไม่มีบริการรับฝากรถ ถ้าให้แนะนำเพื่อนๆ เราว่าเดินทางจากสถานีรถไฟหาดใหญ่มา น่าจะสะดวกกว่าค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงรถด้วย
จากนั้นก็ทำการซื้อตั๋วรถไฟจากปาดังเบซาร์ฝั่งไทย เพื่อข้ามไปฝั่งปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซีย ราคาคนละ 25 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 นาทีค่ะ
เป็นรถพัดลมแต่ไม่ร้อนนะคะ
รถไฟขบวนนี้จะส่งเราถึง immigration ฝั่งมาเลเซียเลย สะดวกมากๆ พอลงรถไฟปุ้บ จะมีเจ้าหน้าที่คอยโบกให้เดินไปตามทาง ก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจพาสปอร์ตเคาน์เตอร์ไทย เมื่อเรียบร้อยแล้ว ก็เดินต่อไปตรวจที่เคาน์เตอร์ฝั่งมาเลย์ต่อค่ะ เราไปวันธรรมดาที่ไม่ใช่ holiday คนเลยน้อย
แทบไม่ต้องรอคิวเลย (ตรงนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพค่ะ)
จากนั้นก็เดินขึ้นบันไดมาซื้อตั๋ว KTM เพื่อเดินทางไปยังสถานี Butterworth แต่ๆ ช้าก่อน ด้วยความที่มาแบบอันแพลนอ่ะเนอะ เงินไม่มีมาซักริงกิต แต่โชคดีที่ตู้ซื้อตั๋วใช้บัตรเครดิตได้ ก็จัดการซื้อมาเรียบร้อยค่ะ คนละ 11.40 RM ประมาณ 80 กว่าบาท และก่อนที่เราจะเข้าไปด้านในชานชลา
ก็จะมีร้านค้าขายซิม อาหาร ขายเครื่องดื่ม จุดนี้สามารถใช้เงินไทยได้ค่ะ
ตั๋วมี่เข้าให้มาจะมีคิวอาร์โค้ดมาให้ด้วย ตั๋วนี้เก็บให้ดีๆนะคะ เพราะต้องใช้สแกนขาออกด้วย เราเกือบทำหายซะแล้วว เราถามเจ้าหน้าที่ถึงการแลกเงิน เค้าบอกว่าฝั่งนู้นมีให้แลก เราก็แบบโอเค โล่งใจ
เข้ามารอรถที่ชานชลาค่ะ โดยตอนนี้เนี่ยต้องปรับเวลานาฬิกา +1 ชั่วโมงแล้วนะคะ เพราะตารางเดินรถต่างๆยึดเวลามาเลย์แล้วค่ะ ส่วนเรากะว่ามาวันเดียวไม่ได้ซื้อซิม
ณ จุดคอยรถไฟตอนนี้อินเตอร์เนตยังใช้งานได้ค่ะ ยังตอบไลน์ทำงานรัวๆ 555
แปะตารางเดินรถไว้ให้นะคะ เพื่อนๆจะได้แพลนเดินทางถูก สำหรับเราถือว่าเรามาช้ามาก และมีเวลาอยู่ในปีนังน้อยสุดๆ
รถไฟลักษณะคล้ายๆ BTS บ้านเรา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ เราออกจากสถานีปาดังเบซาร์มาเลย์ 12.35 น. และถึงตอนสถานี Butterworth ตอน 14.26 ค่ะ ซึ่งขอบอกเลยว่าเวลาของเค้าคือเป้ะๆๆ ระหว่างทางเราแอบเช็คเวลาตอนถึงสถานีต่างๆกับเวลาในตารางถือว่าตรงมากๆเลยค่ะ
เมื่อมาถึงสถานี Butterworth แล้ว เราก็ต้องเดินต่อไปยังท่าเรือ Ferry เพื่อนั่งเรือต่อไปยังเกาะปีนังค่ะ ระหว่างทางเดินก็มีร้านค้า ขายขนมเครื่องดื่มด้วยค่ะ ซึ่งใกล้ๆกันนั้นก็จะมีห้าง Penang Sentral ที่เราคิดว่าไปแลกตังค์ได้ แต่ด้วยความที่จะบ่ายสามแล้ว เลยต้องรีบไปซื้อตั๋วขึ้นเรือรอบบ่ายสามกันค่ะ
ใช้บัตรใบนี้แตะเพื่อออกจาก KTM นะคะ
แถวซื้อตั๋วขึ้นเรือค่อนข้างยาวเลย จุดนี้เค้าไม่อนุญาตให้เราใช้บัตรเครดิต แต่อนุโลมให้จ่ายเป็นเงินไทย คิดคนละ 20 บาทค่ะ ให้แบงค์ 50 ไป
ได้เงินทอนมา 1 RM ค่ะ
จากนั้นก็ทำการสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อผ่านเข้าไปข้างใน ขอบอกว่าวิ่งแบบหูตูบกลัวไม่ทันเรือรอบบ่ายสาม แหะๆ
เข้ามาในเรือแล้ว ก็เก็บภาพซะหน่อยค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ก็มาถึงฝั่งเกาะปีนังแล้วค่ะ เย่ๆ
ด้วยความที่เราตั้งใจจะกลับ KTM ที่สถานี butterworth ตอน 17.35 น. เลยแพลนออกจากเกาะด้วยเรือรอบ 17.00 น. มีเวลาบนเกาะเพียงชั่วโมงกว่าๆ
จึงต้องทำเวลาแบบสุดๆ
บรรยากาศที่ปีนังมีความเป็น oldtown พื้นฐานเราเป็นคนชอบสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือน เดินถ่ายรูปเพลินเลยค่ะ
และจังหวะนี้ก็ได้แลกเงินสักที 555
และความตั้งใจที่จะไปกินข้าวมันไก่ หมี่ฮกเกี้ยน ก็พังลงไปกับตา เพราะเรามีเวลาเดินหาน้อย รวมถึงร้านต่างๆก็ทะยอยปิดตัวลงในช่วงบ่ายแล้วด้วยค่ะ
แต่โชคยังดีที่ได้เจอร้านบะหมี่สำหรับชาวคอนเทนท์ เพราะเขาเสิร์ฟมาแบบชามยักษ์ ราคาถ้วยนี้ประมาณ 47 RM ต่อ 2 ท่าน และมีบริการ WiFi ด้วย รสชาติถือว่าโอเคเลย อิ่มด้วยค่ะ 555
หลังจากอิ่มแล้วเราก็ต้องเดินวนกลับที่ท่าเรือ ถ่ายรูปไล่มาเรื่อยๆ ซื้อขนม เครื่องดื่ม ของฝากจากที่ร้านชำเล็กๆ แต่มีของให้เลือกเยอะเลย
ทริปนี้อาจจะไม่ได้เจอแลนด์มาร์คแบบที่คนอื่นไปกัน แต่เท่านี้ก็แฮปปี้สุดๆแล้วค่ะ
ตอนขึ้นเรือ Ferri กลับมา KTM Butterworth นี้ ไม่ต้องซื้อตั๋วแล้วนะคะ เราซื้อแค่ขาไปเองค่ะ
จากนั้นก็ซื้อตั๋ว KTM ที่เคาน์เตอร์กับเจ้าหน้าที่นะคะ เราไม่เห็นตู้อัตโนมัติแบบที่ปาดังเบซาร์ค่ะ แต่มีเงินริงกิตแล้ว ไม่กล้วหร้อกก 555
ตอนเข้ามาก็สแกนคิวอาร์โค้ดเข้ามาเหมือนเดิมเลยค่ะ และต้องเก็บตั๋วไว้ใช้ตอนออกเหมือนกัน
รถไฟมาตรงเวลาเป๊ะเหมือนเดิมม ใช้เวลาเดินทางเท่ากับตอนมาเลย
จริงๆแอบชอบตัวเองตอนไม่มีอินเตอร์เนตเหมือนกัน เป็นสองชั่วโมงที่เราได้คุยกับคนใกล้ตัวมากขึ้น ได้มองวิวข้างทาง และได้คุยกับเพื่อนใหม่ด้วย
ทั้งน้องคนไทย เพื่อนชาวอินโดนีเซียที่ต่างคนต่างเป็นนักเดินทางคนเดียว คุณน้าทั้งสองชาวมาเลเซีย
เป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องราวที่สนุกและใช้เวลาคุ้มค่ามากค่ะ
เรื่องราวยังไม่จบเท่านี้ ยังมีเรื่องให้เซอร์ไพรซ์ก่อนกลับบ้าน รอติดตามต่อกันนะคะ แหะๆๆๆ
[CR] One day trip กำเงินหลักร้อย จากหาดใหญ่-ปาดังฯ ไปปีนังแบบอันแพลนค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้