The Little Mermaid: เงือกน้อยผจญภัย
กำกับโดย Rob Marshall และดนตรีประกอบโดย Alan Menken
ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้จับพลัดจับผลูมาดู
The Little Mermaid (2023) หลังจากเห็นกระแสดราม่ามากมาย จนรู้สึกว่าคงต้องโบกมือลาหนังเทพนิยายดิสนีย์เรื่องนี้ แถมตัวแอนิเมชันออริจินัล
The Little Mermaid (1989) ก็สร้างมาตรฐานไว้สูง (
Metascore: 88 คะแนน)
ปรากฏว่าหลังดูเวอร์ชั่นนี้จบ รู้สึกว่าหนังสนุกกว่าที่คาดไว้ !
Disney’s The Little Mermaid: Trailer
ความรู้สึกหลังชม
The Little Mermaid (1989)
- เกริ่นก่อนว่า ลืมรายละเอียด The Little Mermaid (1989) ไปแล้วว่าฟีลลิ่งที่ได้เป็นอย่างไร ดังนั้นการดูเวอร์ชั่นนี้ เลยเป็นการเริ่มต้นดูใหม่ที่พอจะจำโครงเรื่องเก่าได้ลาง ๆ
- ส่วนที่น่าชมส่วนแรก ขอชม
"เซ็ตเพลงและดนตรีประกอบ"
ยอมรับว่า ไพเราะระดับห้าดาว ชนิดที่เดินออกมาจากโรง ดนตรีธีมหลักของเรื่อง (Part of Your World) ยังก้องอยู่ในหัว จนต้องไปหาอัลบั้มดนตรีประกอบกลับมาย้อนฟัง 😂 รู้สึกขอบคุณ Original Score ของแอนิเมชันที่ทำไว้ได้เยี่ยมมาก (ประพันธ์โดย Alan Menken เช่นกัน) รวมถึงเสียงของ Halle อันโดดเด่น
(แอนิเมชันเวอร์ชั่น 1989 เข้าชิงออสการ์ในสาขา Original Score ขณะที่เพลง
"Under the Sea" คว้ารางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม)
ด้วยดนตรีประกอบที่แข็งแรงและสร้างความเป็นมิวสิคัลให้กับเรื่อง ถ้าไม่คิดมาก ก็คล้ายกับเราดูละครเวทีที่แวดล้อมด้วยบทเพลงน่าตราตรึงใจ
Halle - Part of Your World
- จุดที่สอง รู้สึกประทับใจ "การสร้างโลกจินตนาการใต้ทะเล"
ตรงนี้น่าทึ่งเหมือนกัน ถ้าย้อนไปมองปี 1989 (หรือ 30 ปีที่แล้ว) ใครจะไปคิดว่า โลกใต้ทะเลใน The Little Mermaid ที่เป็นเพียงแอนิเมชัน 2D จะถูกสร้างออกมาได้อย่างสมจริงงดงาม
The Little Mermaid (1989) - Under the Sea
ภาพแฟนตาซีอย่างการเต้นรำของเหล่าสัตว์ทะเลและแอเรียลในเพลง Under the Sea ในปี 1989 ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นภาพสัตว์ทะเลตัวเป็น ๆ เต้นระบำในมหาสมุทรด้วยความสมจริง
ต้องขอบคุณพลังเทคโนโลยี แม้คุณภาพงานภาพจะไม่ถึงระดับ Avatar: The Way of Water แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเติมเต็มจินตนาการให้แก่เราทุกคนแล้ว
- ภาพรวมเรื่อง ทำออกมาสนุกบันเทิงสไตล์หนัง Mass ที่ชอบเป็นพิเศษ คือ การหยอดมุกของ "เซบาสเตียน" (ปู - Daveed Diggs) และ "สกัตเติ้ล" (นก - Awkwafina) ช่วยเซฟหนังได้เยอะมาก หากขาดสองคนนี้ไป หนังกร่อยแน่นอน (ฉากเพลง Kiss the Girl คือ หนึ่งในฉากที่ดีที่สุดของเรื่อง)
Kiss the Girl (From "The Little Mermaid")
- แก่นเรื่องจริง ๆ ค่อนข้างน่าสนใจ อย่าง
"ความฝันของเงือกสาวที่อยากเป็นมนุษย์" จะเป็นอย่างไร หากเราได้ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ การฟันฝ่าบททดสอบรักแท้อันบริสุทธิ์ที่แลกด้วยความเสียสละ รวมถึงประเด็นสายใยความรักระหว่างพ่อลูก
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสิ่งแวดล้อม และความขัดแย้งระหว่างโลกมนุษย์กับโลกใต้ทะเล ซึ่งสื่อถึงโลกเราทุกวันนี้
The Little Mermaid | Under The Sea
- ชมมาเยอะแล้ว มาพูดถึงข้อเสียบ้าง
-- ส่วนแรก การดัดแปลงจากออริจินัลเวอร์ชันมาเป็น Live Action ยังทำได้ไม่ดีนัก เราจะพบว่าโลจิคหลาย ๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติ ไม่สมเหตุสมผล เช่น ความดื้อรั้นของแอเรียล และการพัฒนาความรักระหว่างแอเรียลและอีริค
ตรงนี้อาจแก้ได้ด้วยการขจัดกรอบเรื่องเดิมและสร้างบทภาพยนตร์ใหม่ที่มีโลจิคสมเหตุสมผลมากขึ้น
-- รู้สึกว่า กระแส woke ที่ยัดเข้าในเรื่องไม่เนียนเท่าไร / การแคสต์นักแสดงในเรื่องยังไม่ลงตัว 100%
-- หนังมีกรอบเรื่องสไตล์ Disney จำกัดไอเดียไว้ แม้จะทำให้โทนเรื่องเฟรนลี่และเพลย์เซฟ แต่ก็ทำให้หนังขาดความทะเยอทะยานในเชิงเนื้อเรื่องด้วยเช่นกัน
สรุป - หนังมีแผลในเรื่องหลายจุด พร้อมกับกระแสดราม่าถล่มหนัก แต่หากดูแบบไม่คิดมาก ก็อมยิ้มและสนุกไปกับเรื่องได้ คล้ายกับดูละครเวที แถมหลายเพลงก็เพราะมากทีเดียว
ไปดูกับแฟนคงหวานน่าดู !
_________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
IG: benjireview
The Little Mermaid (2023) - แด่เงือกน้อยผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นมนุษย์
ปรากฏว่าหลังดูเวอร์ชั่นนี้จบ รู้สึกว่าหนังสนุกกว่าที่คาดไว้ !
ยอมรับว่า ไพเราะระดับห้าดาว ชนิดที่เดินออกมาจากโรง ดนตรีธีมหลักของเรื่อง (Part of Your World) ยังก้องอยู่ในหัว จนต้องไปหาอัลบั้มดนตรีประกอบกลับมาย้อนฟัง 😂 รู้สึกขอบคุณ Original Score ของแอนิเมชันที่ทำไว้ได้เยี่ยมมาก (ประพันธ์โดย Alan Menken เช่นกัน) รวมถึงเสียงของ Halle อันโดดเด่น
(แอนิเมชันเวอร์ชั่น 1989 เข้าชิงออสการ์ในสาขา Original Score ขณะที่เพลง "Under the Sea" คว้ารางวัลเพลงประกอบยอดเยี่ยม)
ด้วยดนตรีประกอบที่แข็งแรงและสร้างความเป็นมิวสิคัลให้กับเรื่อง ถ้าไม่คิดมาก ก็คล้ายกับเราดูละครเวทีที่แวดล้อมด้วยบทเพลงน่าตราตรึงใจ
ต้องขอบคุณพลังเทคโนโลยี แม้คุณภาพงานภาพจะไม่ถึงระดับ Avatar: The Way of Water แต่เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเติมเต็มจินตนาการให้แก่เราทุกคนแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสิ่งแวดล้อม และความขัดแย้งระหว่างโลกมนุษย์กับโลกใต้ทะเล ซึ่งสื่อถึงโลกเราทุกวันนี้
-- ส่วนแรก การดัดแปลงจากออริจินัลเวอร์ชันมาเป็น Live Action ยังทำได้ไม่ดีนัก เราจะพบว่าโลจิคหลาย ๆ อย่างไม่เป็นธรรมชาติ ไม่สมเหตุสมผล เช่น ความดื้อรั้นของแอเรียล และการพัฒนาความรักระหว่างแอเรียลและอีริค
ตรงนี้อาจแก้ได้ด้วยการขจัดกรอบเรื่องเดิมและสร้างบทภาพยนตร์ใหม่ที่มีโลจิคสมเหตุสมผลมากขึ้น
-- รู้สึกว่า กระแส woke ที่ยัดเข้าในเรื่องไม่เนียนเท่าไร / การแคสต์นักแสดงในเรื่องยังไม่ลงตัว 100%
-- หนังมีกรอบเรื่องสไตล์ Disney จำกัดไอเดียไว้ แม้จะทำให้โทนเรื่องเฟรนลี่และเพลย์เซฟ แต่ก็ทำให้หนังขาดความทะเยอทะยานในเชิงเนื้อเรื่องด้วยเช่นกัน
สรุป - หนังมีแผลในเรื่องหลายจุด พร้อมกับกระแสดราม่าถล่มหนัก แต่หากดูแบบไม่คิดมาก ก็อมยิ้มและสนุกไปกับเรื่องได้ คล้ายกับดูละครเวที แถมหลายเพลงก็เพราะมากทีเดียว
ไปดูกับแฟนคงหวานน่าดู !