มีกระทู้คำถามของเพื่อนสมาชิกอยู่กระทู้หนึ่ง ว่า เขาต้องการสร้างอาคารลงในพื้นที่ซึ่งปัจจุบันมีสภาพเป็นป่าละเมาะ
มีต้นยูคา และไม้เบญจพรรณขึ้นรก จะต้องจ้างคนมาตัดต้นไม้ แล้วต่อมาจ้างรถแบคโฮลมาถอนตอไม้ออกไป ใช่หรือไม่

จำได้ว่าไม่มีผู้ใดตอบตรงคำถามที่เขาถาม   เรื่องนี้ผมก็สนใจอยู่เพราะมีที่ดินอยู่ในสภาพคล้ายกัน จะก่อสร้างอาคาร
เหมือนกัน

สองสามวันมานี้เผอิญได้ไปเจอเคสคล้ายๆกันในที่แห่งหนึ่งที่ผมเผอิญเข้าไปอยู่ที่นั่นชั่วคราว  พื้นที่เป็นป่าละเมาะมีไม้เบญจพรรณ
ขึ้นรก เจ้าของที่จะสร้างอาคารได้ทำการจ้างคนมาตัดต้นไม้ออกไปราว 4 ใน 5 ส่วนของพื้นที่  แล้วต่อมาจึงได้ว่าจ้างรถแบคโฮลมา
เอาต้นไม่ออกไป   แต่จากการสังเกตุการทำงานของรถแบคโฮล ขนาดใหญ่ บอกได้เลยว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปจ้างคนตัดต้นไม้
ให้สั้นลงก่อน   สามารถเอารถแบคโฮลถอนต้นไม้สูงขนาด 10- 15 เมตร ออกมาทั้งรากในชั่วเวลาเพียง 3-4 วินาทีต่อต้น  แล้วหลังจากนั้น
ก็ใช้แขนช้อน/ตักต้นไม้ต้นนั้นขึ้นใส่รถ 10 ล้อที่เตรียมไว้ขนออกไปทิ้ง   ถ้าใครจ้างคนมาตัดก่อน นั่นคือเสียตังโดยเปล่าประโยชน์ครับ

ป.ล. เพิ่มเติม
  เรื่องการขนไปทิ้งตรงนี้ต้องระวังเรื่อง สถานที่ทิ้ง  ตรงนี้ต้องคิดให้ดีก่อนนะ ไม้ที่นำไปทิ้งเจ้าของแบคโฮลเขาสามารถนำไปขายเพื่อเผาถ่านได้
แต่เวลาติดต่อดำเนินการครั้งแรก มีหลายเจ้าเขาจะพูดทำนองว่า  มันมีค่าใช้จ่ายในการขน  และไม่รู้จะเอาไปทิ้งที่ไหนเพื่อโก่งราคา  แต่ตามความจริง
เขาจะเอาไปขายต่อเป็นไม้เผาถ่านได้  เขาทำประจำเป็นอาชีพ เขามีที่ทิ้งอยู่แล้วที่สะดวกในการขายต่อ  แต่ทางเจ้าของที่มักไม่รู้ก็โดนโก่งราคา







หลังจากผ่านขั้นตอนข้างบนไปแล้ว  ขั้นตอนต่อไปก็จ้างรถไถมาไถดินเพื่อตัดเอาตอไม้ที่อาจยังชูกิ่งสั้นๆที่ถูกตัดแล้วขึ้นสู่ท้องฟ้าให้ขาดสะบั้นไป
และทำพื้นที่ให้ราบเตียน