เรียงไกล นี่เขามีความแค้นพยาบาทกับ พิธา หรือ กก เรื่องอะไรมาก่อนหน้านี้ไหม..

กระทู้คำถาม
แตกประเด็นจาก  https://ppantip.com/topic/42054909

ไม่รู้สิครับ  ไม่รู้เรื่องไกล เอ๊ย เรืองไกร  แกคิดอะไรของแกอยู่
แต่สำหรับผม  ผมมองว่าแกอยากดัง  มั้ง

เคยดังมาจากคดีถอดถอนคุณสมัครออกจากนายกฯ
ซึ่งไม่ใช่เพราะเรืองไกรมีหลักฐานแน่นหนาอะไร  เพียงแต่คำร้องไป "เข้าทาง" เท่านั้นเอง
คุณสมัครเลยโดนพจนานุกรมปลดออกจากนายกฯซะ  เรืองไกรเลยกลายเป็นนักร้องมีชื่อขึ้นมา
เรียกว่า  เพลงเดียวก็ดังได้   ฮ่าฮ่าฮ่า

มาถึงพิธา  ก็ไม่รู้มีอะไรในใจล่ะครับ
ขนาดแค่เห็นว่าพิธาจบจาก  Harvard Kennedy School  
เท่านั้นแหละ  เรืองไกรก็ปาว ๆ ทันทีว่า  จะร้องตรวจสอบพิธาจบจากอาร์วาร์ดจริงหรือเปล่า
คงเพราะเห็นชื่อมีคำว่า  School    เลยคิดจะจับผิด

คล้ายมีจิตริษยาพยายาทไงไม่รู้

สุดท้าย  คนรู้จริง  คนจากฮาร์วาร์ดจริง ๆ  ต้องออกมาชี้แจงแทนพิธา  ว่าจบจากฮาร์วาร์ดจริง ๆ
เรืองไกร เงียบกริบ

คำว่า School  ในมหาวิทยาลัยระดับโลกหลายแห่ง  เขาหมายถึง สำนัก หรือ คณะ  ไม่ได้หมายถึงโรงเรียน
สำนักเศรษฐศาสตร์   สำนักนั่นสำนักนี่  คณะนั่นคณะนี่    พิธาจบจากคณะการเมืองการปกครอง ที่ชื่อคณะว่า kennedy school

ตอนนี้  เรืองไกรก็ดิ้นสุดขีด  เพื่อให้พิธาผิดเรื่องหุ้นให้ได้
ถึงขั้นส่งคำพิพากษาศาลปกครองว่าไอทีวีจะชนะคดี  เพื่อชี้ว่าไอทีวีมีโอกาสกลับมาเป็นสื่ออีกครั้ง
เพื่อให้ศาลได้ใช้เงื่อนไขนี้ชี้ผิดพิธา
ถีบขาคู่

.

จะเห็นนะครับ  ว่าเรื่องนี้มีการ "สมรู้ร่วมคิด" กันชัดมาก
พยายามที่จะปลุกให้ไอทีวีเป็นสื่อให้ได้  เพื่อใช้เป็นเรื่องจัดการพิธา

มีการซื้อขายหุ้นตอนต้นปี 2566  ทั้งที่เป็นหุ้นเน่าไร้มูลค่า  ซื้อเพื่อจะได้เข้าประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อ เม.ย. 66
แล้วก็มีการถามในที่ประชุมว่า  ไอทีวียังประกอบกิจการสื่อหรือไม่  ซึ่งคำตอบคือ ยังประกอบกิจการตามหนังสือบริคนห์สนธิอยู่
(หนังสือบริคนห์สนธิ มีวัตถุประสงค์เรื่องประกอบกิจการสื่ออยู่ด้วยจากทั้งหมด 45 ข้อ
 ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่ผู้จดตั้งบริษัทจะไม่เลือกข้อใดข้อเดียว จะไม่กาเลือก คือเหมือนเลือกทั้งหมด
 ทั้งนี้ เพื่อความสะดวก เช่น ก่อตั้งเป็นบริษัทก่อสร้าง แต่อยากเปลี่ยนเป็นลิสซิ่ง ก็เปลี่ยได้เลย ไม่ต้องจดเลิกจดตั้งใหม่
 เพราะในหนังสือบริคนห์สนธิที่จดเดิมมีวัตถุประสงค์เรื่องลิสซิ่งไว้อยู่ใน 45 ข้ออยู่แล้ว)

ผู้บริหารไอทีวีก็ออกอาการ  ใช้คำว่า "สื่อ" ในรายงานผลประกอบการประจำปีขึ้นมาดื้อ ๆ ในช่วงปีสองปีหลังนี่เอง

พิธารู้ทัน  ในฐานะผู้จัดการมรดก ก็เลยโอนหุ้นให้ทายาทคนอื่นไปซะ  จบเรื่อง
และในทางกฎหมาย  ผู้จัดการมรดก ไม่ถือว่าเป็นเจ้าของมรดกนั้น  ซึ่งไม่ผิดรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
แต่พิธาก็โอนซะให้จบ ๆ ไป  เพราะเห็นชัดว่า มีการพยายามปลุกผีไอทีวีให้เป็นสื่อเล่นงานให้ได้   กันไว้ดีกว่าแก้

หุ้นไอทีวี  ราคาติดลบ   พ่อพิธาถือหุ้นอยู่ 42000 หุ้น (จากทั้งหมด 12 ล้านหุ้น)
เมื่อพ่อเสียชีวิต  พิธาก็ได้รับการแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดก  จึงไม่ถือว่าเป็นเจ้าของหุ้นแน่นอน ตามกฎหมาย
และในข้อเท็จจริง  ไอทีวีก็สิ้นสภาพความเป็นสื่อตั้งแต่โดนสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีบอกเลิกสัญญา ปี 2550
(และใบอนุญาตและคลื่นความถี่ก็มาตกเป็นของไทยพีบีเอส  ออกอากาศแทนไอทีวีอยู่ในปัจจุบัน)

ราคาหุ้น 42000 หุ้นที่พิธารับมาจัดการ  ราคาติดลบอยู่ที่ห้าหมื่นกว่าบาท

ดังนั้น  ในข้อเท็จจริง  ไอทีวีไม่มีสภาพเป็นสื่อ   หุ้นก็สิ้นสภาพไร้ราคา
ไม่มีอะไรเข้าเจตนารมณ์ของกฎหมายในเรื่องนักการเมืองจะใช้สื่อเป็นเครื่องมือเลย

แต่บรรดา "นักพาลเมือง"  "นัดโหน"  "นักหากินกับเผด็จการ"  ก็พยายามกันเหลือเกินที่จะเล่นงานพิธาให้ได้
ตามธง  

ตอนนี้  ข้อเท็จจริงทั้งหมดชัดเจน   ว่าพิธาไม่ผิดเรื่องนี้
ก็เหลือแต่ กรรมการ อย่าง  กกต. แหละครับ  จะยังไง    ตามหลักฐาน ข้อเท็จจริง  กกต.ก็ควรยกคำร้อง  จบเรื่อง

แต่ว่า ที่นี่ประเทศไทย   อะไรก็เกิดขึ้นได้

พจนานุกรมยังปลดนายกฯมาแล้ว
หุ้นเน่า ๆ  สื่อสิ้นสภาพ  ทำไมจะปลดว่าที่นายกฯไม่ได้

ดิส อิส สลิ่มแลนด์
ถีบขาคู่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่