เผยคดีSTARK เบื้องหลังอัปยศฉ้อโกงสถาบันการเงิน นักลงทุน ความเงียบงันอันพันลึก มูลค่าความเสียหาย2หมื่นล้าน

กระทู้คำถาม
เจ้าหน้าที่ทั้งระดับสูงสุด และผู้เกี่ยวข้องโดยตรง ทั้งจากสำนักงานก.ล.ต. กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนในของบริษัท STARK ได้ให้ข้อมูลExclusiveนี้กับเรา
ข้อมูลสำคัญข้อแรกคือมีการร้องทุกข์ดำเนินคดีแล้วอย่างเงียบเชียบ-น่าจะเป็นความผิดปกติขนาดมโหฬารที่เรื่องอื้อฉาวมูลค่ามากกว่า22,000ล้านบาท ตกอยู่ในความเงียบงัน ที่สาธารณชนรับทราบก็เพียงว่า คณะผู้บริหารชุดเก่าของSTARKลาออกไป ในวันที่ 19 เมษายน ได้มีการแต่งตั้งคณะผู้บริหารชุดใหม่ โดยมีชื่อของพ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ผู้เชี่ยวชาญคดีฟอกเงินเข้ามาเป็นประธานคนใหม่ และกำลังดำเนินการแก้ไขฐานะกิจการที่เสี่ยงจะถูกฟ้องผิดนัดชำระหนี้ และเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ของกิจการ และราคาหุ้นฮวบฮาบลงมา92% แทบจะไม่เหลือค่า ผู้ถือหุ้นกู้อาจจะไม่ได้เงินคืน เจ้าหนี้รายใหญ่แทงหนี้สูญแล้ว
"คณะกรรมการผู้บริหารชุดใหม่ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมา ทราบเรื่องทั้งหมด และมีมติให้ดำเนินคดีฐานฉ้อโกงบริษัทเรียบร้อยแล้ว"เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในวงการตลาดหลักทรัพย์แจ้งสถานะล่าสุด แต่หลีกเลี่ยงที่จะเจาะจงลงไปว่า ผู้ต้องสงสัยคือใคร?
ความคืบหน้าของคดีที่เงียบงันนี้ในเวลานี้คือ"เจ้าหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และDSI ทั้ง2หน่วยงานกำลังเร่งทำงานสืบสวนสอบสวน หลังจากกรรมการผู้มีอำนาจชุดใหม่ของSTARKได้ร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้แล้ว"
ข้อมูลที่2การฉ้อโกงบริษัท ที่นำไปสู่การฉ้อโกงเจ้าหนี้ธนาคาร เจ้าหนี้หุ้นกู้ กองทุนสถาบันการเงิน นักลงทุน ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนจนเกินไป จนชวนให้ตั้งคำถามเรื่อง"เงินทอน"-สำนักงานก.ล.ต.ได้สั่งให้มี
การตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit)กรณีนี้ในวันที่18พฤษภาคม "สิ่งที่เราพบเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ใช่ระดับฝีมือพ่อมดการเงินสลับซับซ้อนอะไรนัก เราพบหลักฐานว่ามีการตกแต่งบัญชียอดขายปลอมรวม10,000ล้านบาท โดยเป็นยอด6,000ล้านบาทในงวดปี2564 อีก4,000ล้านบาทในงวดปี2565"
ตัวเลขไม่เคยโกหกใคร?-ใช่ครับ ธุรกิจประเภทเดียวกับที่STARKทำนี้ สมมุติในอุตสาหกรรมมีมาร์จิ้นแค่3% แต่STARKโชว์ว่ากำไรดี10กว่า% มันก็ชัดเจนว่ากำไรไม่ได้เกิดจากผลการดำเนินงานที่แท้จริง ในงบดุลเมื่อเจาะลึกดูแล้ว การแสดงที่มาที่ไปของกำไรมันไม่ชัดเจน ดูที่มาของเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานงวดล่าสุดติดลบเกือบ1,800 ล้านบาท ยิ่งชัดเจนว่ากิจการขาดทุน ไม่ใช่กำไร (ดู https://m.facebook.com/photo.php?fbid=626201726212222&id=100064672000412&set=a.403148538517543&mibextid=0cALme )และเมื่อพิจารณาอย่างแท้จริง บริษัทSTARKควรมีผลการดำเนินงานที่เป็นยอดขาดทุนปีละ1,600ล้านบาท ในงวดปี2564และ2565
จึงไม่แปลกว่าทำไมตอนแสดงผลกำไรโชว์ต่อตลาดหลักทรัพย์ดีเยี่ยมมาก แล้วทำไมไม่เคยจ่ายปันผล นั่นก็เพราะกิจการไม่ได้มีกำไรจากการดำเนินงานที่จะมาจ่ายปันผล
แล้วทำไมต้องเสกตัวเลขบัญชีให้มึกำไร? คำตอบคือ บริษัทจะได้มีเครดิตเรทติ้งสูงๆเวลาให้บริษัทจัดอันดับเครดิตมาดู
-นำไปออกหุ้นกู้9.1พันล้านก็ขายเกลี้ยง
-นำไปกู้สินเชื่อธนาคาร KBANK SCB 8พันล้านได้ง่าย
-นำไปขายหุ้นเพิ่มทุนแบบเจาะจงกับกองทุน สถาบันการเงินเกือบ6พันล้านได้สบายๆ
-นำไปโชว์ผู้ลงทุนให้หลงเชื่อมาซื้อหุ้นก็ง่ายดาย
"ทั้งหมดมีค่าใช้จ่ายในการทำ ทั้งทำบัญชี ทั้งการรับรองบัญชี การจัดอันดับเครดิตเรทติ้ง การขายล็อตใหญ่แบบPPให้กองทุนและสถาบันการเงิน"เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องตอบคำถามที่ว่าเรื่องนี้มีเงินทอนตามที่ร่ำลือกันในตลาดหรือไม่ "นั่นก็ขึ้นกับสตช และDSIต้องไปขยายผลว่าถึงใคร หน่วยงานใดบ้าง"
"แต่อยากให้ข้อสังเกตว่า เมื่อเรามาตรวจสอบบัญชีพิเศษก็รู้เลยว่านี่คือการตกแต่งบัญชีแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อนอะไร แล้วบริษัทจัดอันดับเครดิตมีหรือจะไม่เห็น กองทุน สถาบันเงินมีหรือจะไม่รู้...ส่วนมันจะมีค่าใช้จ่ายเพื่อให้ไม่รู้ไหม เราไม่ทราบ"
เขากล่าวว่าทางผู้บริหารSTARKชุดนี้กำลังว่าจ้างผู้ตรวจสอบบัญชีใหญ่ระดับบิ๊กโฟร์เข้ามาเคลียร์บัญชีด้วย
ข้อมูลชุดสุดท้าย ใครที่เป็นผู้ร้ายในคดีนี้ ความซ่อนเงื่อนที่ทำให้คดีต้องเงียบที่สุด-เจ้าหนี้สินเชื่อ8พันล้านแทงสูญไปแล้ว ด้วยการตั้งกันสำรองหนี้ครบถ้วน เจ้าหนี้หุ้นกู้ยังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะไม่ถูกเบี้ยว9.1พันล้านอย่างไร กองทุน-สถาบันการเงินระส่ำจากมูลค่าหุ้นSTARKที่เหลือน้อยนิด ต้องตัดสินใจว่าในเวลาอีกไม่ถึงเดือนที่ตลาดหลักทรัพย์ให้ซื้อขายก่อนSPยาว ห้ามซื้อขายหุ้นตัวนี้จะทำอย่างไร ขายออกมาพอมีเงินติดมือ หรือลุ้นแผนฟื้นฟูที่อาจเสี่ยงถึงขั้นตัวเลขลงทุนกลายเป็นศูนย์หากฟื้นฟูล้มเหลว
"เราจะไม่บอกว่าใครคือผู้ต้องสงสัยในการถูกดำเนินคดี เหตุผลแรก เรื่องรูปคดี เหตุผลที่2คือ มีความพยายามที่จะกันบิ๊กเนมบางรายให้พ้นทางคดี และให้มีผู้ร้ายใส่สูทซักคนในคดีนี้ แต่ในทางสืบสวนสอบสวน เจ้าหน้าที่ไม่อาจแยกแยะอย่างนั้นได้"เจ้าหน้าที่ระดับสูงที่เป็นเจ้าของผู้รับผิดชอบคดีกล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติม สีสันบันเทิงก็มา- ทางไปของเงิน STARK กับปริศนาแร็พโย่ ขันเงิน ไทยเทเนียม
เงินทั้งหมด 22,680 ล้านบาท จากกรณีSTARK หายไปไหนหละ? Gone with the wind ใช่ไหม..?
ท่านจะแปลกใจไหมว่า ทำไมนักร้องแร็พโย่ มีเงินทุนไปเทกโอเวอร์MPICที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เข้าถือหุ้นในสัดส่วน92% มูลค่า650 ล้านบาท เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัดว่าไปเกี่ยวกับบอร์ดชุดเก่าของSTARKที่เพิ่งโดนกดดันให้ลาออกไปอย่างไร
บางทีหากมีดาราศิลปินเข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องแบบนี้บ้าง ก็อาจทำให้รายงานชิ้นนี้มีสีสันขึ้นมาหน่อย ไม่หนักอึ้งเกินไป ส่วนปริศนานั้นก็ต้องรอให้ผู้เกี่ยวข้อง และผู้สื่อข่าวสายบันเทิง บรรดานักสืบโคนัน คดีแตงโมเข้ามาคลี่คลาย ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผมอยากเชื่อว่าบอร์ดเก่าSTARK ท่านนี้คงรวย ใช้เงินส่วนตัวลงทุนเทกโอเวอร์กิจการMPIC และแรพเปอร์ขันเงินคงรวยจากการขายเทปมาซื้อต่อ กลายเป็นเจ้าของรายใหม่MPIC
คงไม่เกี่ยวกับเงินอะไรของSTARK ใดๆทั้งสิ้น
เว้นแต่นักสืบโคนันสายบันเทิงจะมีข้อมูลให้ผมเปลี่ยนความเชื่อ
เพราะความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
..
(เรื่องเกี่ยวเนื่อง
-บอร์ด STARK เข้าเทคโอเวอร์ MPIC จาก MAJOR ราคา 650 ล้านบาท
https://mgronline.com/stockmarket/detail/9660000018975
-ประวัติ ขันเงิน แรปเปอร์หนุ่มชื่อดัง ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ MPIC
https://musicstation.kapook.com/view269386.html )
ขอขอบคุณแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลExclusiveนี้ครับ แต่ทั้งหมดทุกท่านขอสงวนนาม สงวนหน่วยงาน เนื่องจากอยู่ระหว่างดำเนินคดี เพื่อไม่ให้เสียรูปคดี แต่ที่ให้ข้อมูลมานี้ เพื่อยืนยันว่า ไม่ได้นิ่งเฉย และเป็นความเงียบงันในท่ามกลางความเสียหายมโหฬารในวงกว้างเช่นนี้                                                                                                                                                                                                                                                                                           เครดิต :   https://www.facebook.com/tontancorp/?locale=th_TH
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่