คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
การลงทุน มีความเสี่ยง แต่ การไม่ลงทุน อะไร เลย เสี่ยง เยอะกว่า
ลงทุน กระจาย ความเสี่ยง อย่า ใส่ไข่ ไว้ในตะกร้า ใบเดียว
การลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ลงทุน ควรศึกษา ทำความเข้าใจ ก่อน ซื้อ
การลงทุน ในความรู้ ไม่มีความเสี่ยง ลงทุน ในความ ไม่รู้ ด้วยความ รู้
ลงทุน อย่า โลภ โลภ เยอะ ลาภ หาย
คนที่เหมาะกับ “การออมกองทุน” อีกอย่างก็คือคนไม่มีเวลามาดูความเป็นไปของตลาดหุ้นมากนัก อาจจะเป็นคนที่ต้องใช้เวลาไปกับสิ่งอื่น ๆ ในชีวิตที่ให้ความสำคัญมากว่า อย่างเช่น คนที่ทำงานประจำ คนที่ต้องให้เวลากับการทำธุรกิจส่วนตัว หรือคนที่อยากใช้เวลาไปกับครอบครัว การลงทุนในกองทุนก็จะเหมาะกว่า
ออมกองทุน ก็คือ การค่อย ๆ ทยอยลงทุนใน “กองทุน”
ออมในกองทุน -> เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือก “หุ้น” ตัวไหนดี ไม่แน่ใจว่าตัวไหนจะ “ปัง” ตัวไหนจะ “พัง” จึงฝากให้ผู้เชี่ยวชาญ (ผู้จัดการกองทุน) เป็นคนเลือกให้ มีการกระจายความเสี่ยงให้แล้ว
การลงทุน SSF ลดหย่อนภาษี สามารถเลือกลงทุนในตลาดเงิน ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ สินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ หรือจะเลือกกองทุนผสม ที่มีนโยบาลการลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์ก็ได้ นโยบายการลงทุนที่หลากหลายของ SSF ถือเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าการลงทุนในกองทุน LTF แบบเดิมที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยเท่านั้น
RMF คือกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยออมเงินเพื่อการเกษียณ โดยจะเป็นการออมแบบบังคับให้ลงทุนยาว ๆ เงื่อนไขหลักคือ ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง และต้องมีอายุครบ 55 ปี ถึงจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนมาใช้ได้
กองทุน ETF
กองทุนอีทีเอฟเองก็ถือว่าเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาด และอยาจะลองลงทุนในหุ้นดูก็อาจจะลองลงทุนในอีทีเอฟไปก่อน เนื่องจากอีทีเอฟมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า อย่างน้อย ๆ ก็ถือว่าเราได้ทำความรู้จักตลาด, วิธีการซื้อขาย และวิธีคัดเลือกสินทรัพย์ที่เราจะลงทุน
กองทุน มีปันผล กองทุน ไม่มีปันผล
กองทุน มีปันผล
ข้อดีของกองทุนปันผล
เป็นแหล่งสร้าง Passive Income ทำให้เรามีกระแสเงินสดเป็นประจำ เพื่อนำมาใช้จ่ายระหว่างทาง
ทำหน้าที่ในการ Take Profits ให้กับเราโดยอัตโนมัติ ทำให้เราได้ผลตอบแทนจากกองทุน ช่วยแก้ปัญหาเวลาที่กองทุนมีกำไรแล้วเราไม่ได้ขายออก
ข้อด้อยของกองทุนปันผล
เงินปันผลที่ได้มาจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
มูลค่าหน่วยลงทุน หรือ NAV ของกองทุนไม่ค่อยไปไหน เพราะ NAV ก็ลดลงตามเมื่อกองทุนจ่ายเงินปันผลออกมา ดังนั้น ส่วนต่างกำไร (Capital gain) ของกองทุนปันผลจะไม่เยอะ
กองทุน ไม่มีปันผล
ข้อดีของกองทุนไม่ปันผล
เมื่อเราขายกองทุน ถ้าได้ส่วนต่างกำรไร (Capital gain) ไม่ต้องนำไปเสียภาษี ทำให้เราให้รับกำไรเต็ม ๆ
กองทุนจะนำกำไรจากผลการดำเนินงานไปลงทุนต่อ (Re-invest) ทำให้เกิดการสร้างผลตอบแทนแบบทบต้น และในระยะะยาวเราจะได้ผลตอบแทนก้อนใหญ่กว่ามาก
ข้อด้อยของกองทุนไม่ปันผล
มูลค่าหน่วยลงทุน หรือ NAV ของกองทุนผันผวนตามราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุน ทำให้ในระยะเวลาสั้น ๆ กองทุนที่เราถืออยู่อาจจะขาดทุนจึงไม่สามารถขายทำกำไรออกมาได้
ไม่มีกระแสเงินสดระหว่างทาง หากต้องการเงินออกจากกองทุนต้องขายหนวยลงทุนเอง
เศรษฐกิจ ไม่ดี ถดถอย ขาลง
ลงทุน ไม่ได้ ขาดทุน คนเดียว ยังมี คน ขาดทุน เหมือนกัน ลง เกือบ ทุก สินทรัพย์
ลงทุน กระจาย ความเสี่ยง อย่า ใส่ไข่ ไว้ในตะกร้า ใบเดียว
การลงทุน มีความเสี่ยง ผู้ลงทุน ควรศึกษา ทำความเข้าใจ ก่อน ซื้อ
การลงทุน ในความรู้ ไม่มีความเสี่ยง ลงทุน ในความ ไม่รู้ ด้วยความ รู้
ลงทุน อย่า โลภ โลภ เยอะ ลาภ หาย
คนที่เหมาะกับ “การออมกองทุน” อีกอย่างก็คือคนไม่มีเวลามาดูความเป็นไปของตลาดหุ้นมากนัก อาจจะเป็นคนที่ต้องใช้เวลาไปกับสิ่งอื่น ๆ ในชีวิตที่ให้ความสำคัญมากว่า อย่างเช่น คนที่ทำงานประจำ คนที่ต้องให้เวลากับการทำธุรกิจส่วนตัว หรือคนที่อยากใช้เวลาไปกับครอบครัว การลงทุนในกองทุนก็จะเหมาะกว่า
ออมกองทุน ก็คือ การค่อย ๆ ทยอยลงทุนใน “กองทุน”
ออมในกองทุน -> เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือก “หุ้น” ตัวไหนดี ไม่แน่ใจว่าตัวไหนจะ “ปัง” ตัวไหนจะ “พัง” จึงฝากให้ผู้เชี่ยวชาญ (ผู้จัดการกองทุน) เป็นคนเลือกให้ มีการกระจายความเสี่ยงให้แล้ว
การลงทุน SSF ลดหย่อนภาษี สามารถเลือกลงทุนในตลาดเงิน ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ สินทรัพย์ทางเลือกอย่างทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ หรือจะเลือกกองทุนผสม ที่มีนโยบาลการลงทุนในหลายประเภทสินทรัพย์ก็ได้ นโยบายการลงทุนที่หลากหลายของ SSF ถือเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่าการลงทุนในกองทุน LTF แบบเดิมที่เน้นลงทุนในหุ้นไทยเท่านั้น
RMF คือกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ จัดตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้คนไทยออมเงินเพื่อการเกษียณ โดยจะเป็นการออมแบบบังคับให้ลงทุนยาว ๆ เงื่อนไขหลักคือ ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง และต้องมีอายุครบ 55 ปี ถึงจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนมาใช้ได้
กองทุน ETF
กองทุนอีทีเอฟเองก็ถือว่าเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตลาด และอยาจะลองลงทุนในหุ้นดูก็อาจจะลองลงทุนในอีทีเอฟไปก่อน เนื่องจากอีทีเอฟมีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า อย่างน้อย ๆ ก็ถือว่าเราได้ทำความรู้จักตลาด, วิธีการซื้อขาย และวิธีคัดเลือกสินทรัพย์ที่เราจะลงทุน
กองทุน มีปันผล กองทุน ไม่มีปันผล
กองทุน มีปันผล
ข้อดีของกองทุนปันผล
เป็นแหล่งสร้าง Passive Income ทำให้เรามีกระแสเงินสดเป็นประจำ เพื่อนำมาใช้จ่ายระหว่างทาง
ทำหน้าที่ในการ Take Profits ให้กับเราโดยอัตโนมัติ ทำให้เราได้ผลตอบแทนจากกองทุน ช่วยแก้ปัญหาเวลาที่กองทุนมีกำไรแล้วเราไม่ได้ขายออก
ข้อด้อยของกองทุนปันผล
เงินปันผลที่ได้มาจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
มูลค่าหน่วยลงทุน หรือ NAV ของกองทุนไม่ค่อยไปไหน เพราะ NAV ก็ลดลงตามเมื่อกองทุนจ่ายเงินปันผลออกมา ดังนั้น ส่วนต่างกำไร (Capital gain) ของกองทุนปันผลจะไม่เยอะ
กองทุน ไม่มีปันผล
ข้อดีของกองทุนไม่ปันผล
เมื่อเราขายกองทุน ถ้าได้ส่วนต่างกำรไร (Capital gain) ไม่ต้องนำไปเสียภาษี ทำให้เราให้รับกำไรเต็ม ๆ
กองทุนจะนำกำไรจากผลการดำเนินงานไปลงทุนต่อ (Re-invest) ทำให้เกิดการสร้างผลตอบแทนแบบทบต้น และในระยะะยาวเราจะได้ผลตอบแทนก้อนใหญ่กว่ามาก
ข้อด้อยของกองทุนไม่ปันผล
มูลค่าหน่วยลงทุน หรือ NAV ของกองทุนผันผวนตามราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุน ทำให้ในระยะเวลาสั้น ๆ กองทุนที่เราถืออยู่อาจจะขาดทุนจึงไม่สามารถขายทำกำไรออกมาได้
ไม่มีกระแสเงินสดระหว่างทาง หากต้องการเงินออกจากกองทุนต้องขายหนวยลงทุนเอง
เศรษฐกิจ ไม่ดี ถดถอย ขาลง
ลงทุน ไม่ได้ ขาดทุน คนเดียว ยังมี คน ขาดทุน เหมือนกัน ลง เกือบ ทุก สินทรัพย์
แสดงความคิดเห็น
จะลงทุนกองทุนรวมเหมือนใน youtube แต่มีแต่ขาดทุนทั้งนั้นเลย
ทำเอาเราไม่กล้าลงทุนตามเขาเลยครับ มีคำแนะนำไหมครับ อยากได้ดอกเบี้ยมากกว่าฝากธนาคาร