JJNY : "สุทิน"โต้เดือด"จเด็จ" ปมเสนอรัฐบาลแห่งชาติ│อดีตกกต. แจงชัด│‘ทิชา’ฝากถึง‘สนธิญา’│"ปูติน"ยกระดับป้องกันภัยทางอากาศ

"สุทิน" โต้เดือด "ส.ว.จเด็จ" หยุดเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ปมเสนอรัฐบาลแห่งชาติ
https://www.nationtv.tv/politic/378917977
 
 
"สุทิน" โต้ "ส.ว.จเด็จ" ปมเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ขอ เคารพเสียงประชาชน ไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ถามแรง จะเลือกตั้งกันเพื่ออะไร ย้ำ ผลคะแนนชี้ชัดคนไทยอยากให้ใครบริหารประเทศ
 
31 พฤษภาคม 2566 นายสุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีตประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ นายจเด็จ อินสว่าง สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีแนวคิดอยากเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ดึงข้อดีของแต่ละพรรคการเมืองมาทำงานเพื่อประเทศ รวมถึงยืนยันจะไม่ลงมติให้หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากจุดยืนในการแก้ไขมาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ว่า ก็คงเป็นสิทธิส่วนตัวของนายจเด็จ แต่อย่างไรก็ตาม พรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุด ก็มาจากการยอมรับของประชาชนส่วนใหญ่

โดยทุกคนรักชาติบ้านเมืองเหมือนกันทั้งนั้น ซึ่งหากทุกคนเคารพเสียงของประชาชนไม่น่าจะมีปัญหา หากจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งอย่างเดียวคงไม่ได้ วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่เลือกแล้วว่าจะเอาแบบไหน ฉะนั้นพวกเขาคงไม่ติดใจต่อประเด็นต่าง ๆ ส่วน ส.ว. ควรจะเคารพเสียงประชาชน และเคารพการเลือกตั้ง
 
ส่วนเรื่องการเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาตินั้น นายสุทิน ระบุว่า บ้านเมืองตอนนี้ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องทำแบบนั้น เพราะเพิ่งจะผ่านการเลือกตั้งไปไม่นาน แล้วเสียงประชาชนก็ชัดเจนว่าอยากให้ใครเข้ามาบริหารประเทศ การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ควรทำเมื่อประเทศเกิดทางตัน หาทางออกไม่ได้ หากวันนี้ทำได้ วันหน้าก็ทำได้ คำถามคือแล้วจะมีการเลือกตั้งทำไม
  
ขณะที่รัฐบาลแห่งชาติที่กล่าวข้างต้นในแนวคิดของ นายจเด็จ อาจรวมถึงการทำงานร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร่วมอยู่ด้วยนั้น เหมือนเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน โดยวันนี้ชัดเจนแล้วว่าอยากให้ฝ่ายไหนตั้งรัฐบาล และไม่อยากให้ใครตั้ง
 
เมื่อถามว่า หากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า ตนไม่อยากทำนายอะไร กับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่เชื่อว่าวันนั้นทั้ง 8 พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล คงต้องมาหาทางออกร่วมกัน และปรับรูปแบบอย่างไร ถ้าหากกรณีเกิดทางตันจริงๆ



อดีตกกต. แจงชัด หาก กกต.หรือศาลชี้ ‘พิธา’ ขาดคุณสมบัติ ไม่กระทบส.ส.ก้าวไกล
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7692530

อดีต กกต.แจงชัด คดีหุ้น ‘พิธา’ หากศาลชี้ขาดคุณสมบัติ เป็นความรับผิดชอบเฉพาะตัว ไม่มีผลกระทบถึง ‘ว่าที่ส.ส.’ ของก้าวไกล ต้องหลุดจากตำแหน่ง
 
วันที่ 31 พ.ค.2566 นางสดศรี สัตยธรรม อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวในรายการ ‘อยากมีเรื่องคุย’ ทางข่าวสดออนไลน์ ถึงกรณีหาก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกศาลวินิจฉัยเรื่องขาดคุณสมบัติการเป็นส.ส. จากกรณีถือครองถือหุ้นไอทีวี จะกระทบกับการเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ ว่า คุณสมบัติของผู้สมัครส.ส. ต้องผ่านการกลั่นกรองของ กกต.แล้วว่าครบถ้วนหรือไม่ ซึ่ง กกต.แค่ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่สามารถขุดคุ้ยเรื่องถือหุ้น หรือเรื่องอื่นได้ กระทั่งมีคนร้องเรียน
 
เมื่อร้องเรียนแล้วเชื่อว่าไม่ใช่แค่เรื่องเดียว ต้องหลายเรื่อง และกกต.ไม่ได้แถลง เพราะเป็นเรื่องความลับราชการ กกต.ต้องรักษาไว้ แต่กกต.มีเวลา 67 วันในการพิจารณา
 
เมื่อถามว่าคุณสมบัติส.ส.ไม่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัตินายกฯ ใช่หรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า แน่นอน เรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.จะพิจารณาตามกฎหมายเลือกตั้ง มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 วรรคสาม เขียนชัดเจนว่าบุคคลใดถือหุ้นสื่อ ไม่สามารถสมัครส.ส.ได้
 
ต่อข้อถามว่าหากนายพิธา ขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. จะกระทบถึงการรับรองผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่ อดีต กกต. กล่าวว่า ตามกฎหมายเลือกตั้งและมีการแก้ไขมาปัจจุบัน ผู้สมัครต้องผ่านการกลั่นกรองของคณะกรรมการที่แต่ละพรรคตั้งขึ้น จากนั้นส่งรายชื่อเข้ามาส่วนกลางของพรรคเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ว่าคุณสมบัติครบหรือไม่ จะส่งลงสมัครหรือไม่ จากนั้นจะเสนอรายชื่อมาที่หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้รับรองรายชื่อเท่านั้น
 
หาก กกต.หรือศาลพิจารณาเรื่องคุณสมบัติส.ส. ก็เป็นเรื่องเฉพาะตน ไม่เกี่ยวกับการลงนามส่งรายชื่อผู้สมัครส.ส. และจะไปเอาความผิดหัวหน้าพรรคไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้ตรวจคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.
 
หากหัวหน้าพรรคคนใดมีปัญหาถูกร้องเรียน และโชคร้าย ศาลพิจารณาว่าคุณสมบัติไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเข้ามาตราไหนก็ตาม จะรับผิดชอบเฉพาะตัว ไม่เกี่ยวกับพรรค ดังนั้น ว่าที่ ส.ส.สบายใจได้ ไม่ต้องหลุดจากตำแหน่งว่าที่ ส.ส. เป็นไปตามกฎหมาย เราอย่าไปฟังอะไรที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ” นางสดศรี กล่าว


 
‘ทิชา’ ฝากถึง ‘สนธิญา’ ถ้าสู้เพื่อความจริง ควรเดินหน้าสู้ต่อ ยกเว้นสู้เพื่อ…
https://www.matichon.co.th/politics/news_4007213

‘ทิชา’ ฝากถึง ‘สนธิญา’ ถ้าสู้เพื่อความจริง ควรเดินหน้าสู้ต่อ ยกเว้นสู้เพื่อ… หลัง ‘สนธิญา’ ขอไกล่เกลี่ย-ทำหนังสือขอขมา ‘เสรีพิศุทธ์’
 
จากกรณีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โพสต์หนังสือที่ นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน มีหนังสือมากราบขอประทานโทษ จากกรณีที่ถูกศาลอาญาชั้นต้น พิพากษาจำคุก 6 เดือน ปรับ 5 หมื่นบาท โทษจำรอลงอาญา 2 ปี และศาลแพ่งพิพากษาให้ชดใช้ค่าเสียหายอีก 2 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ พร้อมกันนั้นพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้สอบถามลูกเพจด้วยว่า เนื่องจากคดีนี้สังคมเรียกร้องให้ดำเนินคดี จึงขอความเห็นว่าควรให้อภัย หรือ ไม่ควรให้อภัย

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นางทิชา ณ นคร หรือ ป้ามล ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน โพสต์เฟซบุ๊ก “Thicha Nanakorn” แสดงความเห็นว่า
 
ถ้า นายสนธิญา มั่นใจว่าการฟ้องร้องดังกล่าวเป็นการต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความจริง ก็ไม่ควรไกล่เกลี่ย ยกเว้นว่าสู้เพื่อ… พร้อมกันนั้นนางทิชา ได้ยกเคสของตนเองมาเปรียบเทียบ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
 
ทิชา เคยถูก ผบ.ตร.สันต์ ศรุตานนท์ ฟ้องอาญาและแพ่ง 100 ล้าน กรณีเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ “จดหมายจากองค์ผู้หญิงถึงนายกรัฐมนตรี” (บิ๊กขี้หลี : คำพาดหัวในสื่อยุคนั้น) สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
 
“คดีบิ๊กขี้หลี” สู้กันนานถึง 11 ปี โดยมีสภาทนายความ (ทนายนคร ชมพูชาติ และทนายสุทิน) ให้ความช่วยเหลือทุกขั้นตอน
ปีที่ 10 ของคดี ระหว่างรอคำพิพากษาศาลฎีกา ทนายโจทก์ (ทนายบัญชา ปรมีศณาภร์) ยื่นคำร้องต่อศาลขอนัดไกล่เกลี่ยจำเลย (ใช่ ! โจทก์นัดไกล่เกลี่ยจำเลย)
 
ทิชา ในฐานะจำเลยยืนยันต่อหน้าศาลว่า ไม่รับการไกล่เกลี่ย เเม้จะถูกเตือนปนหวังดีจากทนายโจทก์ว่า ถ้าฏีกาแพ้คุณจะเจอกับอะไร
“เจอก็เจอ เจอก็ยอมรับผล ไม่มีอะไรให้ต้องถอย”
 
แต่ในจินตนาการทิชา พอนึกออกว่า หากยอมรับการไกล่เกลี่ยในวันนั้น พาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้น คือ โจทก์เมตตาจำเลยที่สำนึกผิด, จำเลยขอบคุณโจทก์ที่เมตตา,  สันต์ ผบ.ตร. ไม่เอาโทษทิชา, ทิชาขอบคุณ ผบ.ตร.สันต์, บลา บลา บลา
 
อ้าว ! สู้มา 10 ปี ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ยกหมด เหลือศาลฎีกา มีเหตุผลอะไรให้ต้องไกล่เกลี่ยกับโจทก์ ที่สำคัญมีเหตุผลอะไรที่โจทก์จะขอไกล่เกลี่ยกับจำเลย ยกเว้นพอเดาทางออกว่าฝ่ายโจทก์จะแพ้ และคิดว่าจำเลยจะกลัว จะถอยง่ายๆ
 
ใช่ ! ทิชาปฏิเสธ !!! ปีที่ 11 ของคดี … ศาลฏีกาพิพากษา “ยกฟ้อง”
 
ฝากถึงนักร้อง …สิ่งไหนที่ถูกต้องจงร่ำร้องอย่างดื้อรั้น สู้เพื่อความถูกต้อง สู้เพื่อปกป้องความจริงๆ จะปกป้องคุณ 
ยกเว้น สู้เพื่อ …
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่