มหากาพย์การรักษาอาการปวดท้องประจำเดือน

จังหวะชีวิตคนเรามันก็เปลี่ยนไปตามช่วงเวลานะคะ
ช่วงเวลาก่อน 25 ปี เราไม่เคยปวดท้องประจำเดือนเลย อาจจะมีบ้างแค่นิดหน่อย เหมือนหิวข้าว ไม่ต้องทานยา

เมื่อปีเบญจเพศมาเยือน นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะค่ะ

อยู่มาวันหนึ่ง เราก็ปวดท้องเกร็งระดับ 10 หามส่งโรงพยาบาล หมอก็ U/S ไปเรื่อย แล้วบอกว่าเตรียมตัวผ่าตัดนะ คุณเป็นไส้ติ่ง ต้อง admit เตรียมตัวผ่าตัดพรุ่งนี้เช้า พร้อมให้ยาแก้ปวด

--- เฮ้ย! มันไม่ใช่แล้ว ---

หลังจากอาการดีขึ้น เราตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลทันที วันรุ่งขึ้นไปตรวจ OPD ที่ ร.พ. จุฬาลงกรณ์ พร้อมเอาประวัติแนบไปด้วย หมอแจ้งว่า คุณปวดท้องจากซีสต์ที่รังไข่ แล้วคุณไม่ได้ท้องนอกมดลูกนะ 

ใช่ค่ะ โรงพยาบาลเดิมมันบอกเราว่าต้องผ่าตัดไส้ติ่ง แต่มันเขียนในประวัติว่าเราท้องนอกมดลูก แย่มากๆ 

อาการปวดท้องก็ดำเนินไปเรื่อยๆ กินพอสแตนก็เอาอยู่ค่ะ เหมือนคนทั่วไป 

อายุ 28 ปี ไปตรวจภายในประจำปี คุณหมอแจ้งว่าดีใจด้วยนะคะ ซีสต์ในรังไข่หายไปแล้วค่ะ เย้ๆ --- ว่าแต่ ซีสต์มันหายไปได้ด้วยเหรอ ก็งงๆ เนอะ

--- Adenomyosis มาเยือน ---

อายุ 29 ปี ประจำเดือนมา แต่ไม่ปกติ มันทะลักเหมือนเขื่อนแตกค่ะ ผ้าอนามัยซับไม่อยู่ แล้วมันก็มาเยอะมากๆ ประมาณว่าต้องเปลี่ยนแผ่นนอนทุกๆ 1 ชั่วโมง เราก็ทนไปประมาณ 6 เดือน ไม่ไหวแล้ว เราเสียเลือดเยอะเกินไป เหมือนจะช็อคทุกครั้งที่มีประจำเดือน มือเท้าเย็น ใจสั่น หัวใจก็ทำงานหนัก 110-120 ต่อนาที จึงตัดสินใจไปหาหมอ วินิจฉัยเป็นโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Adenomyosis) อาจจะทำให้มีภาวะมีบุตรยากร่วมด้วย รักษาโดยการทานฮอร์โมนเดี่ยว กับยาแก้ปวดธรรมดา ถ้าอยากมีบุตรให้กลับมาหาหมอใหม่นะคะ

แต่...ความปวดและประจำเดือนมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละปี รอยโรคมันขยายขอบเขต ฮอร์โมนตัวเก่ามันเริ่มเอาไม่อยู่แล้ว หมอจึงเปลี่ยนฮอร์โมนตัวใหม่มาให้ แพงกว่าเดิม 5-6 เท่า แต่ประสิทธิภาพดีมาก ไม่มีประจำเดือนและไม่ปวดอีกเลย เย้ๆ 

--- อยากมีลูก ทำไงดี ---

อายุ 35 ปี เราอยากมีลูกค่ะ เรากลับไปปรึกษาคุณหมออีกครั้ง เราตั้งครรภ์ค่ะ โดยใช้วิทยาศาสตร์ช่วย หลังจากทำ ICSI ครั้งแรก ใส่ตัวอ่อน 1 ตัว มันสำเร็จอย่างง่ายดาย จนแทบจะเหมือนฝันไป 

ใช่ค่ะ  มันคือฝันดีเพียงชั่วคราว เหมือนในละครเกาหลีเลย ที่หลอกให้เราสำลักความสุข ความสุขมันมาอยู่กับเรา 2 เดือนค่ะ 

--- ปีใหม่ แสนเศร้า ---

หลังจากดูพลุปีใหม่เสร็จ ระหว่างทางกลับบ้านบนทางด่วน เลือดจะทะลักออกมาค่ะ มีภาวะแท้งคุกคาม เรารีบไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โชคดีที่น้องยังอยู่ หลังจากเลือดออกครั้งแรก เราก็มีเลือดออกซึมๆ ทุกวัน และค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อยๆ แต่เราก็สามารถประคองครรภ์จนผ่านเดือนที่ 3 ไปได้ น่าจะปลอดภัยขึ้น 

สัปดาห์ที่กำลังจะครบ 4 เดือน เราเริ่มมีไข้และเลือดทะลักเหมือนจะเป็นปกติ เราแทบจะไปฉุกเฉินทุกวัน ในช่วงเวลาตี 2 โชคดีน้องยังอยู่
ในคืนที่ครบ 4 เดือน เราตื่นขึ้นมากลางดึก พร้อมกับอาการหนาวสั่นไปที่กระดูก สั่นแบบสั่นกระทบกัน เอาผ้านวมห่มก็ยังสั่น วัดความดันไม่ได้ สามีเรียกรถฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด 4 นาที โรงพยาบาลก็เฮงซวย ให้นอนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินแบบนั้นแหละ สามีตัดสินใจเรียก TAXI ไปฉุกเฉิน รพ.จุฬาลงกรณ์ พบว่า อยู่ในภาวะช็อค ติดเชื้อในกระแสเลือด ถุงน้ำคร่ำรั่ว รกพันคอเด็ก บลาๆๆๆๆ สรุปต้องยุติครรภ์ ไม่งั้นคุณแม่ตาย

ช่วงเวลาในโรงพยาบาลผ่านไปเร็วนะคะ ต้องขอบคุณ รพ.จุฬาฯ มากๆ ที่ทำให้รอดมาได้ 

--- พอกันที ---
หลังจากนั้น เรายังอยากมีบุตรนะคะ แต่หมอบอกพอเถอะ อาจตายได้
ผลข้างเคียงของการมีตั้งครรภ์ในครั้งนั้น คือ ฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์ไปเลี้ยงทั้งลูกและมดลูก ทำให้รอยโรคมันขยายใหญ่ขึ้นเหมือนคนท้อง 5 เดือน ฮอร์โมนที่กินก็เอาไม่ค่อยอยู่ เราปวดท้องทุกวัน น้ำหนักขึ้นมาเป็น 10 กิโลกรัม เราตัดสินใจผ่าตัดมดลูกทิ้งไปเลยดีกว่า ไหนๆ หมอก็ไม่ให้ท้องแล้ว 

การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ผ่าสวย ฟื้นตัวเร็ว น่าจะจบด้วยดี แต่เอ๊ะ! มันปวดแบบแปลกๆ เดือนแรกคงคิดไปเอง จดลงปฎิทินไว้ก่อน เดือนที่ 2 ใช่เลย มันปวดประจำเดือนค่ะ แต่ไม่มีประจำเดือน ระดับความปวด มันน้อยลงกว่าเดิมกึ่งหนึ่ง แต่มันคือระดับ 5-7 แหละ เรายังคงต้องกิน arcoxia 120 mg เหมือนเดิม 

สงสัยเราต้องอยู่กับอาการปวดไปตลอดชีวิต T.T
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่