มันก็แปลกอยู่นะ น้าฉ่วยมีคุณสมบัติครบ ประสบการณ์เพียบ เงินก็จ่ายเอง กลับไม่ได้
เทียบกับลูกชายน้าตุ๊กที่เคยคุมแค่ T3 ยังมีชื่อติดได้ น้าก็ควรได้ด้วยนะ หรือมันมีสาเหตุอื่นที่เราๆยังไม่รู้
................................................
"ดราม่าวงการโค้ชเมืองไทย"
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์อบรมโค้ชระดับโปรไลเซ่นส์ ในปี2566 โดยทางสมาคมฟุตบอลฯ ได้ประกาศรายชื่อ 18 คนที่จะอบรม หลักสูตร เอเอฟซี โปรไลเซ่นส์ ระหว่างวันที่ 3 มิถุนายน 2566 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2567 แต่ไม่มีรายชื่อของ"น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือมากประสบการณ์ ที่ได้ยื่นขอเข้ารับการอบรมครั้งนี้ โดย"น้าฉ่วย" ให้สัมภาษณ์ถึงการกระทำดังกล่าวของทางสมาคมฟุตบอลฯว่า.......
" ผมได้ยื่นสมัครขอเข้าเรียนด้วย โดยใช้ทุนส่วนตัวซึ่งค่าสมัครก็ปาเข้าไปกว่า 500,000 บาท แต่ก็จำเป็นต้องเรียน เพราะต้องการทำตามกฏระเบียบที่ทางสมาคมฟุตบอลฯกำหนด เพราะโค้ชไทยลีกต้องโปรไลเซ่นส์ เพราะจะได้มีเครื่องมือทำมาหากินในวิชาชีพโค้ช แต่ปรากฏว่าไม่มีรายชื่อผมได้เข้าเรียน ผมพยายามสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าเพราะอะไร"
.
"ผมพยายามทำตามกฏระเบียบโค้ชคุมข้างสนามต้องมีโปรไลเซ่นส์ ผมก็ต้องไปเรียนโดยใช้เงินส่วนตัว แต่สุดท้ายไม่มีชื่อเรียน ผมว่าการคัดเลือกโค้ชที่จะได้สิทธิ์ไปเรียน C/B/A หรือ โปรไลเซ่นส์ มันคงจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะบางคนไม่มีโปรไฟล์แต่ได้ไปเรียน ไหนจะชาวต่างชาติอีก ก็ต้องบอกว่าผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ เลือกแต่พักพวกของตัวเองหรือเปล่า"
.
" ปัญหามันมีอยู่ไต้พรม ยังไม่มีใครสะบัดให้สังคมได้รับรู้ สมาคมไม่สามารถจัดการเรียนด้วยการหาสปอนเซอร์มาได้ ก็ต้องมีค่าสมัคร สมัยก่อน ไม่ได้เสียเงินเยอะอะไรขนาดนี้ โอเคครั้งนี้ต้องเสียเงินเยอะ ผมก็อยากเรียนเพื่อให้ได้ตามหลักการของสมาคม แต่บางทีก็เสียความรู้สึกเช่นกัน"
.
" คนที่ได้สิทธิ์เรียนกับคนที่ไม่มีชื่อ ใช้กระบวนการคัดเลือกอะไร เอาอะไรมาตัดสินว่าใครจะได้เรียนหรือไม่ได้เรียน การเอาชาวต่างชาติมาทับโควตาของคนไทย ทำไมถึงให้สิทธิ์โค้ชต่างชาติแบบนั้น แล้วโค้ชชาวไทยที่เขาทำงานปัจจุบัน เขาจะเอา ไลเซ่นส์ ไหนมาประกอบวิชาชีพ"
.
" จริงๆแล้วทางสมาคมฯ น่าจะให้สิทธิ์โค้ชที่ทำงานลีกอาชีพก่อน โค้ชบางคนไม่เคยคุมทีมระดับไทยลีก หรือลีกอื่นมาเลยแต่กลับมีชื่อ ถ้าถามเรื่องอายุ? อายุเยอะเกี่ยวไหม แล้วทุกวันนี้ผมอายุเยอะ ก็ยังมีสโมสรเขาจ้างให้ทำทีมอยู่ตลอด และเคยพาทีมประสบความสำเร็จพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก2 พาทีมขึ้นไทยลีกมาก็เยอะ ผลงานทุกคนเห็นอยู่แล้ว ถ้าผมอายุเยอะไม่มีใครจ้าง.. ก็ว่าไปอย่าง" น้าฉ่วย .. กล่าวปิดท้ายแบบเจ็บๆ..
สำหรับรายชื่อผู้มีสิทธิ์อบรม โปรไลเซ่นส์ ทั้งหมด 18 รายมีดังนี้
- สะสม พบประเสริฐ
- เทิดศักดิ์ ใจมั่น
- พิภพ อ่อนโม้
- นฤพล แก่นสน
- วสพล แก้วผลึก
- สารทูล สิงห์นันท์
- สันติ ไชยเผือก
- ภาณุพงศ์ ผิวอ่อน
- วีระยุทธ์ บินอับดุล เลาะมาน
- ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล
- ชยกร ถนัดเดินข่าว
- ปิยะพันธ์ ชบา
- อานนท์ แก้วพฤกษ์
- จงสฤษดิ์ วุฒิช่วย
- อุทัย บุญเหมาะ
- Mr. Jihoo Chun
- Mr. Yeom Ki Hun
- Mr. Jun Fuguda
สำหรับ 18 รายชื่อจะมีสิทธิ์เข้ารับการอบรมโค้ชระดับ โปรไลเซ่นส์ 2566-67
.
Cr.เพจรักบอลไทย ชูชาติไทย
เรื่องนี้ควรจะต้องมีคำตอบจากสมาคม : น้าฉ่วยโวย ยอมควักเงิน 5 แสนแต่ไม่มีชื่ออบรมโปรไลเซ่นส์
เทียบกับลูกชายน้าตุ๊กที่เคยคุมแค่ T3 ยังมีชื่อติดได้ น้าก็ควรได้ด้วยนะ หรือมันมีสาเหตุอื่นที่เราๆยังไม่รู้
................................................
"ดราม่าวงการโค้ชเมืองไทย"
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์อบรมโค้ชระดับโปรไลเซ่นส์ ในปี2566 โดยทางสมาคมฟุตบอลฯ ได้ประกาศรายชื่อ 18 คนที่จะอบรม หลักสูตร เอเอฟซี โปรไลเซ่นส์ ระหว่างวันที่ 3 มิถุนายน 2566 ถึง 16 กุมภาพันธ์ 2567 แต่ไม่มีรายชื่อของ"น้าฉ่วย" สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือมากประสบการณ์ ที่ได้ยื่นขอเข้ารับการอบรมครั้งนี้ โดย"น้าฉ่วย" ให้สัมภาษณ์ถึงการกระทำดังกล่าวของทางสมาคมฟุตบอลฯว่า.......
" ผมได้ยื่นสมัครขอเข้าเรียนด้วย โดยใช้ทุนส่วนตัวซึ่งค่าสมัครก็ปาเข้าไปกว่า 500,000 บาท แต่ก็จำเป็นต้องเรียน เพราะต้องการทำตามกฏระเบียบที่ทางสมาคมฟุตบอลฯกำหนด เพราะโค้ชไทยลีกต้องโปรไลเซ่นส์ เพราะจะได้มีเครื่องมือทำมาหากินในวิชาชีพโค้ช แต่ปรากฏว่าไม่มีรายชื่อผมได้เข้าเรียน ผมพยายามสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าเพราะอะไร"
.
"ผมพยายามทำตามกฏระเบียบโค้ชคุมข้างสนามต้องมีโปรไลเซ่นส์ ผมก็ต้องไปเรียนโดยใช้เงินส่วนตัว แต่สุดท้ายไม่มีชื่อเรียน ผมว่าการคัดเลือกโค้ชที่จะได้สิทธิ์ไปเรียน C/B/A หรือ โปรไลเซ่นส์ มันคงจะมีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะบางคนไม่มีโปรไฟล์แต่ได้ไปเรียน ไหนจะชาวต่างชาติอีก ก็ต้องบอกว่าผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ เลือกแต่พักพวกของตัวเองหรือเปล่า"
.
" ปัญหามันมีอยู่ไต้พรม ยังไม่มีใครสะบัดให้สังคมได้รับรู้ สมาคมไม่สามารถจัดการเรียนด้วยการหาสปอนเซอร์มาได้ ก็ต้องมีค่าสมัคร สมัยก่อน ไม่ได้เสียเงินเยอะอะไรขนาดนี้ โอเคครั้งนี้ต้องเสียเงินเยอะ ผมก็อยากเรียนเพื่อให้ได้ตามหลักการของสมาคม แต่บางทีก็เสียความรู้สึกเช่นกัน"
.
" คนที่ได้สิทธิ์เรียนกับคนที่ไม่มีชื่อ ใช้กระบวนการคัดเลือกอะไร เอาอะไรมาตัดสินว่าใครจะได้เรียนหรือไม่ได้เรียน การเอาชาวต่างชาติมาทับโควตาของคนไทย ทำไมถึงให้สิทธิ์โค้ชต่างชาติแบบนั้น แล้วโค้ชชาวไทยที่เขาทำงานปัจจุบัน เขาจะเอา ไลเซ่นส์ ไหนมาประกอบวิชาชีพ"
.
" จริงๆแล้วทางสมาคมฯ น่าจะให้สิทธิ์โค้ชที่ทำงานลีกอาชีพก่อน โค้ชบางคนไม่เคยคุมทีมระดับไทยลีก หรือลีกอื่นมาเลยแต่กลับมีชื่อ ถ้าถามเรื่องอายุ? อายุเยอะเกี่ยวไหม แล้วทุกวันนี้ผมอายุเยอะ ก็ยังมีสโมสรเขาจ้างให้ทำทีมอยู่ตลอด และเคยพาทีมประสบความสำเร็จพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีก2 พาทีมขึ้นไทยลีกมาก็เยอะ ผลงานทุกคนเห็นอยู่แล้ว ถ้าผมอายุเยอะไม่มีใครจ้าง.. ก็ว่าไปอย่าง" น้าฉ่วย .. กล่าวปิดท้ายแบบเจ็บๆ..
สำหรับรายชื่อผู้มีสิทธิ์อบรม โปรไลเซ่นส์ ทั้งหมด 18 รายมีดังนี้
- สะสม พบประเสริฐ
- เทิดศักดิ์ ใจมั่น
- พิภพ อ่อนโม้
- นฤพล แก่นสน
- วสพล แก้วผลึก
- สารทูล สิงห์นันท์
- สันติ ไชยเผือก
- ภาณุพงศ์ ผิวอ่อน
- วีระยุทธ์ บินอับดุล เลาะมาน
- ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล
- ชยกร ถนัดเดินข่าว
- ปิยะพันธ์ ชบา
- อานนท์ แก้วพฤกษ์
- จงสฤษดิ์ วุฒิช่วย
- อุทัย บุญเหมาะ
- Mr. Jihoo Chun
- Mr. Yeom Ki Hun
- Mr. Jun Fuguda
สำหรับ 18 รายชื่อจะมีสิทธิ์เข้ารับการอบรมโค้ชระดับ โปรไลเซ่นส์ 2566-67
.
Cr.เพจรักบอลไทย ชูชาติไทย