House of Thai Football จะมาอธิบายถึงไลเซนส์โค้ชในรายการต่างๆ ของเอเอฟซี ทั้งในระดับทีมชาติและสโมสร
สหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ได้ทำการกำหนดไลเซนส์ขั้นต่ำโค้ชในแต่ละรายการแข่งขัน ระหว่างปี 2019-2022 เพื่อเป็นการยกระดับการแข่งขัน
โดยเอเอฟซีตระหนักดีว่า เกมฟุตบอลที่มีคุณภาพ จะเกิดขึ้นไม่ได้ในทวีปเอเชีย หากปราศจากผู้ฝึกสอนที่มีพื้นฐาน องค์ความรู้ที่สูงขึ้น ตามเกณฑ์ที่สากลยอมรับ
อย่างการแข่งขันรายการใหญ่ อาทิเช่น ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือยูโร แต่ละทีมย่อมมีกลยุทธ์ แท็คติกที่แยบยล และซับซ้อนมากขึ้น เพื่อเอาชนะคู่แข่ง เช่นเดียวกับแนวทางการเล่นของทีม การวางตัว และความเข้าใจระเบียบการแข่งขัน
ซึ่งในรายการแข่งขันของทีมชาติชุดใหญ่ ทั้งชายและหญิง และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชาย ได้มีการกำหนดเกณฑ์ให้ หัวหน้าผู้ฝึกสอน จะต้องมีใบประกอบอาชีพโค้ชระดับ โปร ไลเซนส์ ขณะที่ผู้ช่วยโค้ช อยู่ในระดับ เอ ไลเซนส์
ขณะที่ในระดับเยาวชน ทั้งในรุ่นอายุไม่เกิน 16 และ 19 ปี ทั้งชายและหญิง จะต้องมี เอ ไลเซนส์ เป็นอย่างน้อย
ส่วนสโมสรที่ลงแข่งขันในรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก หัวหน้าผู้ฝึกสอนจะมีใบประกอบวิชาชีพโค้ชในระดับ เอ เป็นอย่างน้อย ก่อนที่ในปี 2020 จะขยับขึ้นเป็นโปร ไลเซนส์ ต่อไป มีเพียง เอเอฟซี คัพ ที่ยังอนุโลมให้เฮดโค้ชเป็น เอ ไลเซนส์ จนถึงปี 2022 เนื่องจากหลายๆ ประเทศสมาชิกยังมีโค้ชระดับโปรไลเซนส์อยู่น้อย ทำให้สโมสรไม่มีตัวเลือกในประเทศมากนัก
สำหรับในประเทศไทย ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการจัดอบรมโค้ชระดับโปร ไลเซนส์ อย่างต่อเนื่องให้ได้ 1-2 ปี ต่อครั้ง เพื่อให้บุคลากรไทยได้อบรม และเป็นคุณสมบัติที่ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ สามารถเลือกใช้งานได้ ตามระเบียบของนานาชาติ
จริงอยู่ที่ไลเซนส์ อาจไม่ได้สะท้อนถึงฝีมือคนๆนั้นทั้งหมด แต่เนื้อหาในหลักสูตร ก็รวมถึงการบริหารจัดการนอกสนาม ซึ่งช่วยให้โค้ชมีความรู้ นำไปประยุกต์ใช้ และมีวิธีการรับมือกับสถานการณ์ รวมถึงความท้าทายต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งในและนอกสนาม
นอกจากนี้ ยังเป็นกติกาของสังคมด้วยเช่นกัน เป็นมาตรฐานที่รับรู้กันในระดับนานาชาติ ว่าโค้ชที่จบไลเซนส์นั้นๆ ได้ผ่านหัวข้อการอบรมใดมาบ้าง
เครดิต ::
http://fathailand.org/news/3571?fbclid=IwAR3KU9CPUM6i7pSIlb0sK6vcw2_tGWChgtyt0zbjyxA3Dzyd2PkJb5f7WGc 
House of Thai Football : ไลเซนส์โค้ชในรายการแข่งขันของเอเอฟซี
สหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) ได้ทำการกำหนดไลเซนส์ขั้นต่ำโค้ชในแต่ละรายการแข่งขัน ระหว่างปี 2019-2022 เพื่อเป็นการยกระดับการแข่งขัน
โดยเอเอฟซีตระหนักดีว่า เกมฟุตบอลที่มีคุณภาพ จะเกิดขึ้นไม่ได้ในทวีปเอเชีย หากปราศจากผู้ฝึกสอนที่มีพื้นฐาน องค์ความรู้ที่สูงขึ้น ตามเกณฑ์ที่สากลยอมรับ
อย่างการแข่งขันรายการใหญ่ อาทิเช่น ฟุตบอลโลก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือยูโร แต่ละทีมย่อมมีกลยุทธ์ แท็คติกที่แยบยล และซับซ้อนมากขึ้น เพื่อเอาชนะคู่แข่ง เช่นเดียวกับแนวทางการเล่นของทีม การวางตัว และความเข้าใจระเบียบการแข่งขัน
ซึ่งในรายการแข่งขันของทีมชาติชุดใหญ่ ทั้งชายและหญิง และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีชาย ได้มีการกำหนดเกณฑ์ให้ หัวหน้าผู้ฝึกสอน จะต้องมีใบประกอบอาชีพโค้ชระดับ โปร ไลเซนส์ ขณะที่ผู้ช่วยโค้ช อยู่ในระดับ เอ ไลเซนส์
ขณะที่ในระดับเยาวชน ทั้งในรุ่นอายุไม่เกิน 16 และ 19 ปี ทั้งชายและหญิง จะต้องมี เอ ไลเซนส์ เป็นอย่างน้อย
ส่วนสโมสรที่ลงแข่งขันในรายการ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก หัวหน้าผู้ฝึกสอนจะมีใบประกอบวิชาชีพโค้ชในระดับ เอ เป็นอย่างน้อย ก่อนที่ในปี 2020 จะขยับขึ้นเป็นโปร ไลเซนส์ ต่อไป มีเพียง เอเอฟซี คัพ ที่ยังอนุโลมให้เฮดโค้ชเป็น เอ ไลเซนส์ จนถึงปี 2022 เนื่องจากหลายๆ ประเทศสมาชิกยังมีโค้ชระดับโปรไลเซนส์อยู่น้อย ทำให้สโมสรไม่มีตัวเลือกในประเทศมากนัก
สำหรับในประเทศไทย ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการจัดอบรมโค้ชระดับโปร ไลเซนส์ อย่างต่อเนื่องให้ได้ 1-2 ปี ต่อครั้ง เพื่อให้บุคลากรไทยได้อบรม และเป็นคุณสมบัติที่ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ สามารถเลือกใช้งานได้ ตามระเบียบของนานาชาติ
จริงอยู่ที่ไลเซนส์ อาจไม่ได้สะท้อนถึงฝีมือคนๆนั้นทั้งหมด แต่เนื้อหาในหลักสูตร ก็รวมถึงการบริหารจัดการนอกสนาม ซึ่งช่วยให้โค้ชมีความรู้ นำไปประยุกต์ใช้ และมีวิธีการรับมือกับสถานการณ์ รวมถึงความท้าทายต่างๆ ที่หลากหลาย ทั้งในและนอกสนาม
นอกจากนี้ ยังเป็นกติกาของสังคมด้วยเช่นกัน เป็นมาตรฐานที่รับรู้กันในระดับนานาชาติ ว่าโค้ชที่จบไลเซนส์นั้นๆ ได้ผ่านหัวข้อการอบรมใดมาบ้าง
เครดิต ::
http://fathailand.org/news/3571?fbclid=IwAR3KU9CPUM6i7pSIlb0sK6vcw2_tGWChgtyt0zbjyxA3Dzyd2PkJb5f7WGc