คือเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ป้ายรถเมล์หมอชิตเก่า ตรงป้ายบีทีเอสครับ เรื่องที่เกิดขึ้นก็ตามหัวกระทู้นี่แหละ และสำหรับใครที่เจอเหตุการณ์เดียวกับผมของคืนวันนี้วันที่ 24 พฤษภาคม 2566 เวลาประมาณ 22:40 น. ก็อยากให้มาช่วยร่วมกันร้องเรียน และร่วมกันแสดงความคิดเห็นในกระทู้นี้ได้ครับ ว่าเราจะมีมาตรการดำเนินการอะไรกับรถเมล์ขี้โกงเจ้านี้บ้าง

ผมเป็นทนายความชื่อปภพ ปกติส่วนตัวก็ไม่ค่อยโดยสารรถโดยสารประจำทางสักเท่าไหร่หรอก นั่งแต่รถแท็กซี่หรืออย่างมากก็ขับรถไปเองไม่เคยแตะรถเมล์ครับ แต่พอมาแตะนานๆ ครั้งก็เจอปัญหาลักษณะดังกล่าวจนทำให้รู้สึกว่าระบบสาธารณูปโภคเรื่องรถโดยสารประจำทางของประเทศไทยคือឥຖุลมากครับ ไม่รู้จะเอาคำอะไรมาอธิบายความឥຖุลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้แล้ว มีแค่คำๆ นี้คำเดียวที่พอจริยาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ว่ามัน ឥຖุล ทั้งเหง้าจริงๆ

เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ผมเดินทางจากอนุสาวรีย์ชัยซึ่งเป็นต้นทางของรถเมล์สาย 510 โดยคันนี้เป็นคันสุดท้ายของวันครับ เวลาประมาณ 22:20 น ตรงเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านที่ตลาดใหม่ดอนเมือง

โดยปกติแล้วรถเมล์สายนี้มีอัตราค่าบริการอยู่ที่ 20 บาทโดยสตาร์ท ถ้าขึ้นทางด่วนก็บวกอีก 5 บาท กรณีของผมถูกเรียกเก็บเงิน 25 บาททั้งที่รถเมล์สายนี้รอบกลางคืนจะไม่ขึ้นทางด่วน แต่มันก็เก็บราคาเต็มจำนวนบวกค่าทางด่วนออกไปด้วย ซึ่งแบบนี้คือเรื่องน่าเกลียดเรื่องแรก

รถเมล์วิ่งมาประมาณ 20 นาที จากอนุสาวรีย์ชัยเกาะพหลโยธิน จนมาถึงสถานี BTS หมอชิตซึ่งเป็นป้ายรถเมล์ขนาดใหญ่ ระหว่างที่กำลังเปิดรับผู้โดยสารอยู่นั้นก็มีควันโขมงออกมาจากทางด้านหลัง ผมเป็นคนแรกที่ทักขึ้นมาว่า "กลิ่นอะไรวะ" ดังลั่นรถเมล์เลย

ผู้โดยสารก็มองเป็นตาเดียวไปที่ข้างหลังตามเสียงที่ผมตะโกน ก็เห็นควันขึ้นโขมง ่มีคนตะโกนว่า "ไฟไหม้ครับ"  แต่ผมไม่เห็นไฟนะ ผมเห็นแต่ควันโขมงท้ายรถเลย จากนั้นผู้โดยสารทุกคนต่างวิ่งกรูกันลงมาจากรถสาย 510 กันทั้งหมด มารออยู่ที่ชานชาลาป้ายรถเมล์ ทุกคนต่างไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพราะเจ้าหน้าที่เขาก็พูดว่ามันไม่มีรถมาเปลี่ยนนะ ต้องหารถเมล์คันอื่นต่อไป หรืออาจจะรอเป็นชั่วโมงเพื่อเอาสายพานมาเปลี่ยน (แล้วเงินที่พวกเราจ่ายค่ารถกันไปล่ะ คุณส่งเราไปไม่ถึงที่หมายคุณก็ต้องคืนเงินเต็มจำนวนไม่ใช่จะมาเก็บเงินเราไปฟรีๆ หน้าด้านๆ"

ทางกระเป๋ารถที่เป็นเด็กหนุ่มก็วิ่งไปดูข้างหลังที่มีควันโขมงขึ้นมาปรากฏว่าสายพานรถเมล์ขาด ทำให้วิ่งต่อไปไม่ได้ ทางป้ายสายหมายเลข 510 ที่เป็นไฟดิจิตอลแสดงหมายเลขของรถเมล์คันนี้ก็เปลี่ยนเป็นตัวอักษรภาษาไทยสลับกับภาษาอังกฤษเขียนว่างดให้บริการ ผมได้ถ่ายวีดีโอเอาไว้ด้วยในเหตุการณ์นี้ครับ ดังนั้นคือมีหลักฐาน

ผ่านไปประมาณ 10 นาทีผมเองที่ต้องการไปดอนเมืองก็ถูกกวักมือเรียกจากเด็กกระเป๋าสาย 510 ว่า "นี่ครับพี่สาย 39 รถคันนี้ไปรังสิตครับ รังสิตมธ.ไปกันได้หมดเลย"

ผมก็เลยกระโดดขึ้นรถเมล์ร้อนสาย 39 จากสถานีหมอชิตเพื่อที่จะมุ่งหน้ากลับบ้านที่ตลาดใหม่ดอนเมือง

แต่พอขึ้นมาได้สักระยะหนึ่งเกือบจะถึงห้าแยกลาดพร้าวแล้ว ผมบอกกระเป๋ารถเมล์ว่าผมจะไปตลาดใหม่ กระเป๋ารถเมล์สาย 39 ทำท่าตกใจแล้วก็ทวนให้ผมตอบอีกครั้งว่าผมจะไปไหน พอผมบอกที่หมายเป็นครั้งที่ 2 กระเป๋ารถเมล์สาย 39 ก็หัวเราะ แล้วก็บอกว่า "พี่คะรถของหนูไม่ได้วิ่งเส้นวิภาวดีนะคะวิ่งเส้นพหลค่ะใครเป็นคนไล่ให้พี่ขึ้นมาคะเนี่ย" เราก็บอกไปว่า ก็กระเป๋ารถเมล์สาย 510 ที่รถเสียอยู่เมื่อกี้นี้ไง

ด้านกระเป๋าสาย 39 เขาก็บอกว่าไม่ใช่ค่ะพี่ คันของหนูอ่ะไปเส้นพหล ไปรังสิตก็จริงแต่ไม่ผ่านดอนเมืองค่ะพี่ต้องขึ้นสายอื่นเดี๋ยวหนูให้พี่ลงป้ายหน้านะคะตรงป้ายสวนจตุจักรฝั่งตรงข้ามพระพรหม

สุดท้ายผมก็ถูกไล่ลงจากรถเมล์สาย 39

ผมมาตั้งกระทู้เนี่ยเพราะจะเรื่องราวแห่งความឥຖุลของรถเมล์สาย 510 คันนี้ให้ฟังว่ามันเป็นยังไง และก็ต้องการเรียกร้องครับ คือคุณไล่เราลงจากรถเมล์อ่ะแล้วให้เราไปต่อรถคันอื่นโดยที่คุณไม่คืนเงินด้วย แบบนี้มันเอาเปรียบลูกค้าใช่หรือเปล่า? ไหนจะยังมีการให้เราไปขึ้นรถเมล์สายที่มันไม่ผ่านบ้านเราอีก แบบนี้เอาเปรียบลูกค้าเกินไปหรือเปล่า?

อีกกระทงนึงก็คือแทนที่คุณจะจัดการมาตรการแก้ปัญหาเอารถเมล์สาย 510 คันใหม่มาเปลี่ยนให้เราใหม่ กลับไล่ให้เราลงไปขึ้นรถคันอื่นให้เสียค่าตั๋วใหม่โดยที่ค่าตั๋วขึ้นรถคุณมาคุณก็ไม่คืนให้เราเนี่ยนะ ឥຖุลจริงๆ รถเมล์สายนี้

ใครก็ตามเคยเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกับผมหรืออยู่ในเหตุการณ์บนรถคันเดียวกับผมรบกวนมาแสดงความคิดเห็นเล่าเรื่องปัญหาของตัวเองกันได้ครับว่าผลกระทบจากการที่รถเสียโดยไม่มีรถมาเปลี่ยนแถมเงินค่าตั๋วโดยสารก็ไม่คืนทั้งที่ไปไม่ถึงจุดหมายรวมไปถึงหากจะโดนไล่ลงกลางทางเพราะกระเป๋ารถเมล์แนะนำสายรถเมล์ผิดแบบผม ก็มาช่วยแสดงความคิดเห็นกันได้สิ่งที่ผมต้องการคือเล่าเรื่องนี้ให้ดังทั่วโซเชียลและอีกประเด็นหนึ่งก็คือต้องการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกรณีที่ไม่คืนค่าโดยสารให้กับเราแถมยังไล่เราให้ไปขึ้นรถเมล์ผิดสายทำให้เราเสียเวลาในการเดินทางไปหลายชั่วโมง