คนพูดส่อเสียด

เรื่องเล่า
+++ ผลกรรมของคนชอบพูดส่อเสียด +++
ถาม : พวกที่ ชอบพูดส่อเสียด กรรมของเขาจะเป็นอย่างไรเจ้าคะ ? 
ตอบ : กรรมของเขาจะเป็นอย่างไร ? ก็เป็นอย่างนางปิสุณาวาที 
ครอบครัวนี้คงเป็นครอบครัวที่พ่อแม่สร้างกรรมไว้สาหัสสากรรจ์เลย ลูกแต่ละคนแสบไส้ไปคนละอย่าง
นางปิสุณาวาทีชอบยุคนให้แตกกัน เห็นใครที่ไหนเขาทะเลาะกันด้วยฝีมือตัวเอง แล้วจะมีความสุขมาก 
อีกคนหนึ่ง ชอบลักชอบขโมย เห็นอะไรอะไรของชาวบ้านก็หยิบฉวยของเขาไปเรื่อย 
คนที่สามก็ สารพัดที่จะกิน เจออาหารดีเลวอย่างไรฟาดกระจายหมด 
แม้พ่อแม่จะทนไหว เพราะด้วยความรักลูกก็ยังเลี้ยงอยู่ แต่คนร่วมหมู่บ้านเขาทนไม่ไหวด้วย เขาก็จับทั้งสามคน ลอยแพออกทะเลไป 
บุญยังดีไปเจอ เรือโจรสลัด เขารับขึ้นเรือมา นายโจรเห็นเป็นผู้หญิงสวย ก็สงสัยว่าทำไมถึงโดนลอยแพมา พอสังเกตดูรู้ชัดเข้าก็คิดว่า...นิสัยคนเราต้องแก้ไขกันได้ นายโจรเขามีความสามารถ ปกครองพวกลูกน้องตั้งเยอะตั้งแยะ ก็จะลองแก้ไขดู 
คนช่างกินก็ให้ไปเป็นแม่ครัว เคยเห็นแม่ครัวเป็นคนช่างกินบ้างไหม ? คนต้องทำครัวทั้งวัน ทำไปทำมาก็หมดอารมณ์ไปเอง..ใช่ไหม ? ...รอดไปรายหนึ่ง
คนช่างขโมยก็ยกกุญแจคลังสมบัติให้ดูแล ให้เฝ้าคลังสมบัติเอาไว้ อะไรๆ ก็เป็นของตัวเองแล้ว ไม่รู้จะขโมยอะไร ก็เลยเลิกนิสัยขโมยได้ 
แต่ของนางปิสุณาวาทีแก้ไม่ตก ไปยุลูกเรือคนโน้นคนนี้ ให้เขาทะเลาะเบาะแว้งกันยุ่งไปหมดทั้งเรือ เขาจะตีกันตาย จนนายโจรทนไม่ไหว หมดหนทางที่จะแก้แล้ว ก็เลยจับใส่แพลอยต่อไป คราวนี้ก็ต้องลอยเท้งเต้งไปคนเดียว
เมื่อถูกลอยต่อไป...บุญของนางยังดีอยู่ ไปเจอ นกอินทรีใหญ่ ๒ ตัวผัวเมีย บินมาหากินในทะเลหรือว่าจะบินกลับฝั่งก็ไม่รู้ เห็นนางเข้าก็สงสาร จึงตั้งใจจะช่วย แต่ที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งก็คือ สมัยนั้นคนกับสัตว์พูดภาษาเดียวกันได้ นกเขาตั้งใจจะช่วย จากนั้นนกอินทรี ๒ ผัวเมียก็แกะเอาไม้แพมาหนึ่งอัน ให้นางปิสุณาวาทีเกาะอยู่ตรงกลาง แล้วพาบินเข้าฝั่ง 
ระหว่างที่นกอินทรีใหญ่ ๒ ตัวใช้กรงเล็บขยุ้มไม้หิ้วนางไปอยู่ นางปิสุณาวาทีทนคันปากไม่ไหว ไต่ไปทางอินทรีที่เป็นผัว ทำกระซิบกระซาบอยู่พักหนึ่ง แล้วอีกสักพักก็ไต่ไปทางเมียบอกว่า "ผัวแกน่ะเจ้าชู้เหลือเกิน เผลอหน่อยเดียวเกี้ยวฉันเข้าซะแล้ว" นางนกตัวเมียก็โกรธขึ้นมา แทนที่จะหิ้วนางปิสุณาวาทีต่อไป ก็เลิกแล้วหันไปตีผัวแทน ฝ่ายผัวก็จำเป็นที่จะต้องป้องกันตัว จึงปล่อยไม้ที่ขยุ้มไว้ นางปิสุณาวาทีเลยตกทะเลจมน้ำตาย..! 
แต่ถึงตายแล้วก็ยังไม่หมดฤทธิ์ ศพโดนซัดลอยไปติดที่ชายฝั่งหน้าวัดแห่งหนึ่ง พระท่านเห็นเข้าก็สังเวชศพที่ตาย จึงช่วยกันเอาศพไปเผา..ใช่ไหม ? ปรากฏว่าพอซากศพไปอยู่ในวัด พระทั้งวัดก็เลยทะเลาะเบาะแว้งกัน ท่านนั้นว่าควรเผา ท่านนี้ว่าควรฝัง บ้างก็ว่าต้องสืบหาญาติก่อน เมื่อตกลงกันไม่ได้พระก็วางมวยกันเอง..! อะไรจะฤทธิ์มากขนาดนี้..! 
พอได้สติว่า คงจะเป็นเพราะศพนี้แน่ ก็หามเอาไปทิ้งที่ป่าช้า จัดการเผาจนเหลือแต่เศษกระดูกและหัวกะโหลก พอดีพวกนักเลงเหล้าเขาไปต้มเหล้ากินกันในป่าช้า หาหินมาทำเชิงตะกอนได้ไม่ครบ คว้าได้หัวกะโหลกมาก็ยัดเข้าไป ปรากฏว่าทุกวันกินเหล้ากันก็ไม่มีอะไร อย่างเก่งก็เมาคลานกลับบ้านไปหลับ วันนั้นตีกันหัวร้างคางแตกหมด แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ใครกินเหล้าออกอาการเดียวกัน คือต้องมีเรื่องทะเลาะกันจนได้ทุกครั้ง 
ดังนั้น..เราจะเห็นว่า โทษของการกล่าววาจาส่อเสียดนั้นรุนแรงเพียงใด ขนาดเหลือแต่หัวกะโหลกก็ยังมีฤทธิ์
พวกเราเคยไปเจอใครที่เขาชอบส่อเสียดมาบ้างหรือเปล่า ? คำว่า "ส่อเสียด" นั้น ความหมายที่แท้จริง คือ ยุคนอื่นให้เขาแตกกัน "ปิสุณาวาที" แปลว่า วาจาส่อเสียด 
จะมี 
มุสาวาทา พูดโกหก 
ผรุสวาทา พูดคำหยาบ 
สัมปลัปปวาทา พูดเพ้อเจ้อ 
ปิสุณาวาทา พูดส่อเสียด
...ชื่อเขาบอกตรงเลย ขนาดนายโจรที่แก้ไขเรื่องอะไรก็แก้ได้ แต่สันดานพูดส่อเสียดนี่แก้ไม่ได้ เลยต้องจับลอยแพต่อไป 
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่