.
.
เรือโนอาห์ช่วงน้ำท่วมในพระคัมภีร์
โต้คลื่นยักษ์กับท้องฟ้าที่มีพายุ
© Pink_frog via Getty Images
.
.
น้ำท่วมโลกของโนอาห์
Noah
เป็นเรื่องราวที่เก่าแก่กว่าพระคัมภีร์
และนักวิจัยยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับรากเหง้าเรื่องนี้
หนึ่งในเรื่องราวในพระคัมภีร์
ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ตามพันธสัญญาเดิม
" เมื่อโนอาห์มีอายุได้ 600 ปี
ในเดือนที่ 2 วันที่ 17 ของเดือนนั้น
ในวันนั้นเองน้ำพุใต้ดินที่ลึกมาก
น้ำทั้งหมดก็พลุ่งขึ้นมา และช่องฟ้าก็เปิด"
ปฐมกาล 7:11
ตามข้อความบอกเล่า
พระเจ้าเห็นความชั่วร้ายภายในมนุษย์
และสั่งให้น้ำท่วมโลก
แต่โนอาห์เป็นคนชอบธรรม
พระเจ้าจึงสั่งให้เขาต่อเรือลำเบ้ง(มหึมา)
ให้ครอบครัวของโนอาห์
และให้ช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยง สัตว์ร้าย นก
และสัตว์เลื้อยคลานได้ตามจำนวนที่ระบุ
แต่น้ำท่วมของโนอาห์เกิดขึ้นจริงหรือไม่
" สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่นอนจากธรณีวิทยา
ก็คือ น้ำท่วมโลกไม่เคยเกิดขึ้นจริง
ถ้าคุณมองว่า น้ำท่วมโลกจริง ๆ
จะท่วม/ปกคลุมภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
ผมขอโทษที่จะบอกว่า
ต่อให้น้ำบนโลก/น้ำจนหมดโลก
ก็ไม่เพียงพอที่จะทำอย่างนั้นได้เลย "
David Montgomery
ศาสตราจารย์ด้านธรณีสัณฐานวิทยา
University of Washington ใน Seattle
และเป็นผู้แต่งเรื่อง
The Rocks Don't Lie
: A Geologist Investigates Noah's Flood
(W. W. Norton & Company, 2012)
ตอบทางอีเมลกับ Live Science
.
.
.
.
.
หากสวรรค์/ท้องฟ้าเปิดออกจริง
น้ำทั้งหมดในชั้นบรรยากาศ
กลายเป็นฝนตกลงมาสู่พื้นโลก
โลกจะจมอยู่ใต้น้ำที่มีน้ำขึ้นสูง
ประมาณ 1 นิ้ว (2.5 เซนติเมตร)
น้ำไม่เพียงพอสำหรับเรือแคนู
แล้วนับประสาอะไรกับเรือขนาดเติบ(ใหญ่)
U.S. Geological Survey
แล้วถ้าน้ำที่มีมากกว่าน้ำจากสวรรค์
ถ้าหากธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็ง
ทั้งหมดของโลกละลาย
ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น
มากกว่า 195 ฟุต (60 เมตร)
ตามข้อมูลของ
NASA
น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย
ผลการศึกษาในปี 2016
ที่ตีพิมพ์ในวารสาร
Nature Geoscience
ในชั้นเปลือกโลกลึก 1.2 ไมล์ (2 กิโลเมตร)
ประมาณการว่า จะกักเก็บน้ำบาดาล/น้ำใต้ดิน
ไว้ได้ 5.4 ล้านลบ.ไมล์ (22.6 ล้านลบ.กม)
ซึ่งเพียงพอที่จะปกคลุมพื้นที่
รองรับน้ำที่ระะดับความลึก 590 ฟุต (180 ม.)
ทั้งยังมีเมืองที่อยู่เหนือ
ระดับน้ำทะเลหลายพันฟุต
ยอดเขาเอเวอเรสต์
ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
อยู่เหนือระดับน้ำทะเล
มากกว่า 29,000 ฟุต (8,849 ม.)
ยิ่งไปกว่านั้น
นักธรณีวิทยาต่างไม่เคยเห็น
หลักฐานของน้ำท่วมโลก
ในบันทึกจากก้อนหิน
(ต้องมีร่องรอยคราบน้ำ ตะไคร่น้ำ)
.
.
.
.
© John Harper/Getty Images
.
.
เรื่องราวในพระคัมภีร์
ก็ยังมีข้อกังขาน่าสงสัยอื่น ๆ
เช่น โนอาห์อายุ 600 ปีเมื่อน้ำท่วมเริ่มขึ้น
คนเราอายุคงไม่ยืนยาวอยู่ได้นานขนาดนั้น
สปีชีส์สัตว์ส่วนใหญ่
จะอยู่ไม่รอดจากการผสมพันธุ์
จากคู่ผัวตัวเมียเพียง 2-7 คู่เท่านั้น
เพราะไม่มีความหลากหลายทางพันธุกรรม
มากพอที่จะสร้างประชากรที่มีศักยภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า
สัตว์ทุกตัวจะขึ้นไปบนเรือได้อย่างไร
“เจ้าและครัวเรือนทั้งหมดของเจ้า
จงเข้าไปในเรือ
เพราะในชั่วอายุคนรุ่นนี้
เราเห็นเจ้าเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้าเรา
จงเอาสัตว์ใช้งานที่ไม่เป็นมลทินทุกชนิด
ไปกับเจ้าด้วยอย่างละ 7 คู่ (ตัวผู้กับตัวเมีย)
สัตว์ใช้งานที่เป็นมลทินอย่างละหนึ่งคู่
นกในอากาศอย่างละ 7 คู่
เพื่อรักษาพันธุ์สัตว์ให้มีชีวิตทั่วพื้นแผ่นดิน
เพราะว่าอีก 7 วันเราจะทำให้ฝนตก
บนแผ่นดิน 40 วัน 40 คืน
เราจะทำลายล้างมนุษย์
และสัตว์ทั้งหมดที่เราสร้างจากพื้นแผ่นดิน "
ปฐมกาล 7:1-24
ลองจินตนาการ นกเพนกวิน
เดินเตาะแตะจากแอนตาร์กติกา
เพื่อเดินทางไปยังตะวันออกกลาง
เตรียมลงเรือของโนอาห์
(คงใช้เวลาเดินนานนับปี)
" ตามเอกสารทางประวัติศาสตร์
น้ำท่วมของโนอาห์
เป็นการเล่าถึงเรื่องราวที่เก่ากว่า
และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเชิงเปรียบเทียบ
มากกว่าการเล่าเหตุการณ์ตามตัวอักษร
เรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล
ในพันธสัญญาเดิมซึ่งเขียนไว้
ระหว่าง 800 ปีก่อนคริสตกาล
และ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช
น่าจะมาจากประเพณีปากเปล่า
บอกเล่าเรื่องราวตำนานทรงจำ
ที่เก่ากว่าจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง
มีเรื่องราวที่แตกต่างกันเล็กน้อย
เกี่ยวกับเรื่องราวน้ำท่วมของโนอาห์
ในหนังสือทางศาสนาอื่น ๆ เช่น คัมภีร์กุรอาน
ในขณะที่น้ำท่วมใหญ่ครั้งก่อน ๆ
เกิดจากตำราโบราณของ
ชาวเมโสโปเตเมีย
ข้อสังเกตมีเรื่องราวน้ำท่วมของ
ชาวสุเมเรียน
ที่บันทึกไว้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ที่มีอายุย้อนไปถึงปลาย 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ใครจะรู้ว่าเรื่องราวย้อนกลับไปไกลได้แค่ไหน "
Ira Spar ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาโบราณ
ที่ Ramapo College of New Jersey
เขียนตอบอีเมลกับ Live Science
.
.
.
.
หากเราเชื่อว่า
แหล่งที่มาของน้ำท่วมของโนอาห์
เป็น
น้ำท่วมในระดับภูมิภาค
และไม่ใช่น้ำท่วมทั่วโลก
ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง
และเป็นไปได้ทางธรณีวิทยา
ที่พื้นที่บางแห่งอาจเคยเกิดขึ้นจริง
ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องราว/ตำนาน
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990
นักสมุทรศาสตร์วิทยา
William Ryan และ Walter Pitman
ตั้งสมมติฐานในการประชุมของ
American Geophysical Union ว่า
เมื่อประมาณ 7,500 ปีก่อน
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเริ่มไหลลงสู่ทะเลดำ
ที่แยกตัวออกไปในขณะนั้น
ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่รอบ ๆ ทะเลดำ
เป็นต้นกำเนิดของน้ำท่วมของโนอาห์
วารสาร Science รายงานในปี 1998
นั่นคือ เหตุการณ์เริ่มต้นน้ำท่วมโลก
ที่ท่วมทั้งโลกที่รู้จักต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
และนั่นอาจดำเนินต่อไปเพื่อสืบเรื่องราว
ของน้ำท่วมโลกของโนอาห์
จากผู้รอดชีวิตที่หนีไปยัง
เมโสโปเตเมีย
ดินแดนหลายอาณาจักร/จักรวรรดิ์
.
.
.
.
.
Mesopotamia ดินแดนในอดีต Washukanni,
Nineveh,Hatra, Assur, Nuzi, Palmyra, Mari,
Sippar, Babylon, Kish, Nippur, Isin, Lagash, Uruk, Charax Spasinu และ Ur เหนือจรดใต้
.
.
.
.
.
หลายพันปีแล้ว
ตำนานน้ำท่วมใหญ่ยังคงดำรงอยู่
ในเรื่องราวพระคัมภีร์ไบเบิลของโนอาห์
และในตำนานตะวันออกกลาง
เช่น มหากาพย์
กิลกาเมซ
วิลเลียม ไรอัน กับ วอลเตอร์ พิตแมน
นักธรณีฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงสองคน
ได้ค้นพบเหตุการณ์ภัยพิบัติ
ที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อ 7,600 ปีที่แล้ว
ในพื้นที่ทะเลดำในปัจจุบัน
โดยใช้คลื่นเสียงร่วมกับอุปกรณ์ขุดเจาะ
เพื่อสำรวจพื้นทะเลด้านล่าง
เผยให้เห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า
ผืนน้ำภายในทะเลแห่งนี้
เคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่
ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลด้านนอก
ที่อยู่สูงกว่าหลายร้อยฟุต
เทคนิคการค้นหาที่สลับซับซ้อน
ยืนยันว่าเมื่อ 7,600 ปีก่อน
น้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นได้ไหลบ่า
ผ่านหุบเขาช่องแคบ
Bosporus
และน้ำเค็มของ
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ได้ไหลลงสู่ทะเลสาบน้ำจืด
ด้วยแรงที่เหนือจินตนาการ
ไหลบ่าลงมาเหนือชายหาดและแม่น้ำ
ทำลายหรือไล่ฆ่าทุกชีวิตที่อยู่เบื้องหน้า
ริมทะเลสาบซึ่งเคยเป็น
โอเอซิส
สวนเอเดน สำหรับฟาร์มและหมู่บ้าน
ในพื้นที่กึ่งทะเลทรายที่กว้างใหญ่
กลายเป็นทะเลแห่งความตาย
ผู้คนต่างหลบหนี กระจายภาษา
พันธุกรรม และความทรงจำของพวกเขา
หมายเหตุ
มีเค้าความเป็นไปได้ว่า
หอคอยบาเบล
อาจจะเคยมีเคยอยู่ที่นี่ในทะเลดำ
ก่อนถูกน้ำท่วมจนล่มสลาย
พร้อมกับผู้คนหนีตายกระจัดกระจาย
ไปตามที่ต่าง ๆ รอบ ๆ ทะเลดำ
พร้อมกับภาษาที่แตกต่างกัน
พันธุกรรมที่ไม่เหมือนกัน
ตามตำนานว่าท้าทายพระเจ้า
ด้วยการสร้างอาคารสูงเสียดฟ้า
จะโบยบินไปหาพระเจ้าข้างบน
ช่องแคบอิสตันบูล/Bosporus
น่าจะเป็นทางเดินเรือออกทะเลอีกแห่ง
ทางเดินเรืออาจจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
หรือชาวบ้านขุดเจาะเป็นทางเดินเรือ
ที่แต่เดิมควบคุมน้ำทะเลไว้ได้
แต่ปรากฏการณ์พลิกผันทำให้กว้างขึ้น
ทำให้น้ำเค็มไหลบ่าเข้าหาน้ำจืด
ปัตตานี (ปัตตา+ธานี=เมืองข้าว)
ที่นี่เคยเป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญ
มีเหตุการณ์ขุดคูคลองเพื่อการค้า/ทางเรือ
ทำให้น้ำเค็มจากทะเลไหล่บ่าเข้าคลองน้ำจึด
น้ำเค็มทำให้นาข้าวล่มไปหลายแห่ง
มีในงานวิจัยของม.สงขลานครินทร์
.
.
.
Bosporus (แดง)ใกล้กับ Dardanelles(เหลือง)
และ Sea of Marmara
.
.
.
.
.
ผลการศึกษาในปี 2009
ที่ตีพิมพ์ในวารสาร
Quaternary Science Reviews
ได้โต้แย้งว่า น้ำท่วมทะเลดำ
ในยุค
Holocene 11,700 ปีที่แล้ว
น่าจะน้อยกว่าประมาณการของ
William Ryan กับ Walter Pitman
แต่ในขณะที่แรงบันดาลใจ
สำหรับเรื่องราวน้ำท่วมของโนอาห์
ทำให้เกิดการอภิปรายถกเถียงกัน
ยังมีเรื่องราวน้ำท่วมอื่น ๆ อีกมากมาย
จากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกที่ได้รับแรงบันดาลใจ
จากเหตุการณ์น้ำท่วมระดับภูมิภาค
มีเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำท่วมของ
ชนพื้นเมืองอเมริกัน
ชนเผ่าในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
น้ำท่วมที่ฟังดูคล้ายกับ
คลื่นสึนามิ
ที่คลื่นยักษ์ซัดเข้าหาชายฝั่งทะเล
เพราะการเกิดแผ่นดินไหวในอเมริกาใต้
และหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ (เกาะพีพี ป่าตอง)
David Montgomery ให้ความเห็นเพิ่มเติม
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3q3i8yA
น้ำท่วมโลกมีจริงหรือไม่
.
เรือโนอาห์ช่วงน้ำท่วมในพระคัมภีร์
โต้คลื่นยักษ์กับท้องฟ้าที่มีพายุ
© Pink_frog via Getty Images
.
น้ำท่วมโลกของโนอาห์ Noah
เป็นเรื่องราวที่เก่าแก่กว่าพระคัมภีร์
และนักวิจัยยังคงเรียนรู้เกี่ยวกับรากเหง้าเรื่องนี้
หนึ่งในเรื่องราวในพระคัมภีร์
ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด ตามพันธสัญญาเดิม
" เมื่อโนอาห์มีอายุได้ 600 ปี
ในเดือนที่ 2 วันที่ 17 ของเดือนนั้น
ในวันนั้นเองน้ำพุใต้ดินที่ลึกมาก
น้ำทั้งหมดก็พลุ่งขึ้นมา และช่องฟ้าก็เปิด"
ปฐมกาล 7:11
ตามข้อความบอกเล่า
พระเจ้าเห็นความชั่วร้ายภายในมนุษย์
และสั่งให้น้ำท่วมโลก
แต่โนอาห์เป็นคนชอบธรรม
พระเจ้าจึงสั่งให้เขาต่อเรือลำเบ้ง(มหึมา)
ให้ครอบครัวของโนอาห์
และให้ช่วยชีวิตสัตว์เลี้ยง สัตว์ร้าย นก
และสัตว์เลื้อยคลานได้ตามจำนวนที่ระบุ
แต่น้ำท่วมของโนอาห์เกิดขึ้นจริงหรือไม่
" สิ่งหนึ่งที่เรารู้แน่นอนจากธรณีวิทยา
ก็คือ น้ำท่วมโลกไม่เคยเกิดขึ้นจริง
ถ้าคุณมองว่า น้ำท่วมโลกจริง ๆ
จะท่วม/ปกคลุมภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
ผมขอโทษที่จะบอกว่า
ต่อให้น้ำบนโลก/น้ำจนหมดโลก
ก็ไม่เพียงพอที่จะทำอย่างนั้นได้เลย "
David Montgomery
ศาสตราจารย์ด้านธรณีสัณฐานวิทยา
University of Washington ใน Seattle
และเป็นผู้แต่งเรื่อง The Rocks Don't Lie
: A Geologist Investigates Noah's Flood
(W. W. Norton & Company, 2012)
ตอบทางอีเมลกับ Live Science
.
.
.
.
หากสวรรค์/ท้องฟ้าเปิดออกจริง
น้ำทั้งหมดในชั้นบรรยากาศ
กลายเป็นฝนตกลงมาสู่พื้นโลก
โลกจะจมอยู่ใต้น้ำที่มีน้ำขึ้นสูง
ประมาณ 1 นิ้ว (2.5 เซนติเมตร)
น้ำไม่เพียงพอสำหรับเรือแคนู
แล้วนับประสาอะไรกับเรือขนาดเติบ(ใหญ่)
U.S. Geological Survey
แล้วถ้าน้ำที่มีมากกว่าน้ำจากสวรรค์
ถ้าหากธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็ง
ทั้งหมดของโลกละลาย
ระดับน้ำทะเลจะเพิ่มสูงขึ้น
มากกว่า 195 ฟุต (60 เมตร)
ตามข้อมูลของ NASA
น้ำจะเพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย
ผลการศึกษาในปี 2016
ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience
ในชั้นเปลือกโลกลึก 1.2 ไมล์ (2 กิโลเมตร)
ประมาณการว่า จะกักเก็บน้ำบาดาล/น้ำใต้ดิน
ไว้ได้ 5.4 ล้านลบ.ไมล์ (22.6 ล้านลบ.กม)
ซึ่งเพียงพอที่จะปกคลุมพื้นที่
รองรับน้ำที่ระะดับความลึก 590 ฟุต (180 ม.)
ทั้งยังมีเมืองที่อยู่เหนือ
ระดับน้ำทะเลหลายพันฟุต
ยอดเขาเอเวอเรสต์
ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
อยู่เหนือระดับน้ำทะเล
มากกว่า 29,000 ฟุต (8,849 ม.)
ยิ่งไปกว่านั้น
นักธรณีวิทยาต่างไม่เคยเห็น
หลักฐานของน้ำท่วมโลก
ในบันทึกจากก้อนหิน
(ต้องมีร่องรอยคราบน้ำ ตะไคร่น้ำ)
.
.
.
© John Harper/Getty Images
.
.
เรื่องราวในพระคัมภีร์
ก็ยังมีข้อกังขาน่าสงสัยอื่น ๆ
เช่น โนอาห์อายุ 600 ปีเมื่อน้ำท่วมเริ่มขึ้น
คนเราอายุคงไม่ยืนยาวอยู่ได้นานขนาดนั้น
สปีชีส์สัตว์ส่วนใหญ่
จะอยู่ไม่รอดจากการผสมพันธุ์
จากคู่ผัวตัวเมียเพียง 2-7 คู่เท่านั้น
เพราะไม่มีความหลากหลายทางพันธุกรรม
มากพอที่จะสร้างประชากรที่มีศักยภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า
สัตว์ทุกตัวจะขึ้นไปบนเรือได้อย่างไร
“เจ้าและครัวเรือนทั้งหมดของเจ้า
จงเข้าไปในเรือ
เพราะในชั่วอายุคนรุ่นนี้
เราเห็นเจ้าเป็นผู้ชอบธรรมต่อหน้าเรา
จงเอาสัตว์ใช้งานที่ไม่เป็นมลทินทุกชนิด
ไปกับเจ้าด้วยอย่างละ 7 คู่ (ตัวผู้กับตัวเมีย)
สัตว์ใช้งานที่เป็นมลทินอย่างละหนึ่งคู่
นกในอากาศอย่างละ 7 คู่
เพื่อรักษาพันธุ์สัตว์ให้มีชีวิตทั่วพื้นแผ่นดิน
เพราะว่าอีก 7 วันเราจะทำให้ฝนตก
บนแผ่นดิน 40 วัน 40 คืน
เราจะทำลายล้างมนุษย์
และสัตว์ทั้งหมดที่เราสร้างจากพื้นแผ่นดิน "
ปฐมกาล 7:1-24
ลองจินตนาการ นกเพนกวิน
เดินเตาะแตะจากแอนตาร์กติกา
เพื่อเดินทางไปยังตะวันออกกลาง
เตรียมลงเรือของโนอาห์
(คงใช้เวลาเดินนานนับปี)
" ตามเอกสารทางประวัติศาสตร์
น้ำท่วมของโนอาห์
เป็นการเล่าถึงเรื่องราวที่เก่ากว่า
และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเชิงเปรียบเทียบ
มากกว่าการเล่าเหตุการณ์ตามตัวอักษร
เรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิล
ในพันธสัญญาเดิมซึ่งเขียนไว้
ระหว่าง 800 ปีก่อนคริสตกาล
และ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช
น่าจะมาจากประเพณีปากเปล่า
บอกเล่าเรื่องราวตำนานทรงจำ
ที่เก่ากว่าจากแหล่งข้อมูลหลายแห่ง
มีเรื่องราวที่แตกต่างกันเล็กน้อย
เกี่ยวกับเรื่องราวน้ำท่วมของโนอาห์
ในหนังสือทางศาสนาอื่น ๆ เช่น คัมภีร์กุรอาน
ในขณะที่น้ำท่วมใหญ่ครั้งก่อน ๆ
เกิดจากตำราโบราณของ ชาวเมโสโปเตเมีย
ข้อสังเกตมีเรื่องราวน้ำท่วมของ ชาวสุเมเรียน
ที่บันทึกไว้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ที่มีอายุย้อนไปถึงปลาย 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
ใครจะรู้ว่าเรื่องราวย้อนกลับไปไกลได้แค่ไหน "
Ira Spar ศาสตราจารย์ด้านการศึกษาโบราณ
ที่ Ramapo College of New Jersey
เขียนตอบอีเมลกับ Live Science
.
.
.
หากเราเชื่อว่า
แหล่งที่มาของน้ำท่วมของโนอาห์
เป็นน้ำท่วมในระดับภูมิภาค
และไม่ใช่น้ำท่วมทั่วโลก
ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง
และเป็นไปได้ทางธรณีวิทยา
ที่พื้นที่บางแห่งอาจเคยเกิดขึ้นจริง
ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องราว/ตำนาน
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990
นักสมุทรศาสตร์วิทยา
William Ryan และ Walter Pitman
ตั้งสมมติฐานในการประชุมของ
American Geophysical Union ว่า
เมื่อประมาณ 7,500 ปีก่อน
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเริ่มไหลลงสู่ทะเลดำ
ที่แยกตัวออกไปในขณะนั้น
ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่รอบ ๆ ทะเลดำ
เป็นต้นกำเนิดของน้ำท่วมของโนอาห์
วารสาร Science รายงานในปี 1998
นั่นคือ เหตุการณ์เริ่มต้นน้ำท่วมโลก
ที่ท่วมทั้งโลกที่รู้จักต่อผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่น
และนั่นอาจดำเนินต่อไปเพื่อสืบเรื่องราว
ของน้ำท่วมโลกของโนอาห์
จากผู้รอดชีวิตที่หนีไปยัง เมโสโปเตเมีย
ดินแดนหลายอาณาจักร/จักรวรรดิ์
.
.
.
.
Mesopotamia ดินแดนในอดีต Washukanni,
Nineveh,Hatra, Assur, Nuzi, Palmyra, Mari,
Sippar, Babylon, Kish, Nippur, Isin, Lagash, Uruk, Charax Spasinu และ Ur เหนือจรดใต้
.
.
.
.
หลายพันปีแล้ว
ตำนานน้ำท่วมใหญ่ยังคงดำรงอยู่
ในเรื่องราวพระคัมภีร์ไบเบิลของโนอาห์
และในตำนานตะวันออกกลาง
เช่น มหากาพย์ กิลกาเมซ
วิลเลียม ไรอัน กับ วอลเตอร์ พิตแมน
นักธรณีฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงสองคน
ได้ค้นพบเหตุการณ์ภัยพิบัติ
ที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์
น้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อ 7,600 ปีที่แล้ว
ในพื้นที่ทะเลดำในปัจจุบัน
โดยใช้คลื่นเสียงร่วมกับอุปกรณ์ขุดเจาะ
เพื่อสำรวจพื้นทะเลด้านล่าง
เผยให้เห็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า
ผืนน้ำภายในทะเลแห่งนี้
เคยเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่
ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลด้านนอก
ที่อยู่สูงกว่าหลายร้อยฟุต
เทคนิคการค้นหาที่สลับซับซ้อน
ยืนยันว่าเมื่อ 7,600 ปีก่อน
น้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นได้ไหลบ่า
ผ่านหุบเขาช่องแคบ Bosporus
และน้ำเค็มของ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ได้ไหลลงสู่ทะเลสาบน้ำจืด
ด้วยแรงที่เหนือจินตนาการ
ไหลบ่าลงมาเหนือชายหาดและแม่น้ำ
ทำลายหรือไล่ฆ่าทุกชีวิตที่อยู่เบื้องหน้า
ริมทะเลสาบซึ่งเคยเป็น โอเอซิส
สวนเอเดน สำหรับฟาร์มและหมู่บ้าน
ในพื้นที่กึ่งทะเลทรายที่กว้างใหญ่
กลายเป็นทะเลแห่งความตาย
ผู้คนต่างหลบหนี กระจายภาษา
พันธุกรรม และความทรงจำของพวกเขา
หมายเหตุ
มีเค้าความเป็นไปได้ว่า หอคอยบาเบล
อาจจะเคยมีเคยอยู่ที่นี่ในทะเลดำ
ก่อนถูกน้ำท่วมจนล่มสลาย
พร้อมกับผู้คนหนีตายกระจัดกระจาย
ไปตามที่ต่าง ๆ รอบ ๆ ทะเลดำ
พร้อมกับภาษาที่แตกต่างกัน
พันธุกรรมที่ไม่เหมือนกัน
ตามตำนานว่าท้าทายพระเจ้า
ด้วยการสร้างอาคารสูงเสียดฟ้า
จะโบยบินไปหาพระเจ้าข้างบน
ช่องแคบอิสตันบูล/Bosporus
น่าจะเป็นทางเดินเรือออกทะเลอีกแห่ง
ทางเดินเรืออาจจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
หรือชาวบ้านขุดเจาะเป็นทางเดินเรือ
ที่แต่เดิมควบคุมน้ำทะเลไว้ได้
แต่ปรากฏการณ์พลิกผันทำให้กว้างขึ้น
ทำให้น้ำเค็มไหลบ่าเข้าหาน้ำจืด
ปัตตานี (ปัตตา+ธานี=เมืองข้าว)
ที่นี่เคยเป็นแหล่งปลูกข้าวสำคัญ
มีเหตุการณ์ขุดคูคลองเพื่อการค้า/ทางเรือ
ทำให้น้ำเค็มจากทะเลไหล่บ่าเข้าคลองน้ำจึด
น้ำเค็มทำให้นาข้าวล่มไปหลายแห่ง
มีในงานวิจัยของม.สงขลานครินทร์
.
.
Bosporus (แดง)ใกล้กับ Dardanelles(เหลือง)
และ Sea of Marmara
.
.
.
.
ผลการศึกษาในปี 2009
ที่ตีพิมพ์ในวารสาร
Quaternary Science Reviews
ได้โต้แย้งว่า น้ำท่วมทะเลดำ
ในยุค Holocene 11,700 ปีที่แล้ว
น่าจะน้อยกว่าประมาณการของ
William Ryan กับ Walter Pitman
แต่ในขณะที่แรงบันดาลใจ
สำหรับเรื่องราวน้ำท่วมของโนอาห์
ทำให้เกิดการอภิปรายถกเถียงกัน
ยังมีเรื่องราวน้ำท่วมอื่น ๆ อีกมากมาย
จากที่ต่าง ๆ ทั่วโลกที่ได้รับแรงบันดาลใจ
จากเหตุการณ์น้ำท่วมระดับภูมิภาค
มีเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำท่วมของ
ชนพื้นเมืองอเมริกัน
ชนเผ่าในแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ
น้ำท่วมที่ฟังดูคล้ายกับ คลื่นสึนามิ
ที่คลื่นยักษ์ซัดเข้าหาชายฝั่งทะเล
เพราะการเกิดแผ่นดินไหวในอเมริกาใต้
และหมู่เกาะแปซิฟิกใต้ (เกาะพีพี ป่าตอง)
David Montgomery ให้ความเห็นเพิ่มเติม
.
เรียบเรียง/ที่มา
https://bit.ly/3q3i8yA