ในบัตรประชาชนเป็นพุทธก็จริงครับ เพราะตอนเกิดคงเลือกศาสนาไม่ได้หรอกใช่ไหม😆พอโตขึ้นเราก็เริ่มมีอิธิพลของศาสนาเข้ามาในชีวิตมากขึ้นไม่ว่าจะ พุทธเอย อิสลามเอย คริสเอย ต่างๆ เราก็สงสัยทำไมโลกนี้บางศาสนาบอกพระเจ้าสร้าง บางศาสนาบอกเทพสร้าง บางศาสนาบอกเกิดขึ้นเอง แล้วทำไมถึงมีศาสนาอื่นๆบนโลกด้วยหละ ถ้าศาสนานั้นเป็นคนบอกเองว่าตัวเองสร้าง พอคิดเรื่องนี้ปุ๊บความสงสัยมันก็เริ่มเข้าในหัวทำให้ไปศึกษาแต่ละศาสนาเพิ่มขึ้นอีก แต่ละศาสนาจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนๆกันคือ เรื่องที่แบบแฟนตาซีผิดกฎฟิซิก ผิดกฎธรรมชาติ ผิดกฎวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นกฎที่ปัจจุบันหน้าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับมากที่สุดเพราะพิสูจได้จริงอีกด้วย พอรู้อย่างนั้นเราก็เริ่มเอะในศาสนาละ คำถามเกิดขึ้นมากมายสรุปศาสนาไหนเชื่อถือได้อันไหนคือของจริง คิดต่างๆนาๆ หรือศาสนาไม่ได้โดนสร้างโดยพระเจ้า เทพต่างๆนาๆ หรือถูกสร้างโดยมนุษย์ต่างดาว หรือถูกสร้างจากมนุษย์ด้วยกันเอง 😱 แต่พอคิดไตร่ตรองดีๆโดยใช้หลังเหตุผลและความน่าจะเป็นที่สุด คือ 1มนุษย์ต่างดาว ที่อาจจะเป็นผู้สร้างพวกเราและใช้ศาสนาเป็นกฎใหปฎิบัติตาม หรืออาจจะด้วยเหตุผลต่างๆ และ 2มนุษย์ด้วยกันเองที่สร้าง เพราะดูจากศาสนาบางศาสนาที่มีกฎแปลกๆ แต่ก็สอดคลองกับยุคสมัยที่ผู้คนยังต้องการผู้นำและไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสนา การแพท ฟิซิก เคมี อธิเช่น 1.อิสลามห้ามทาน สุกรหรือหมู อาจจะเพราะสมัยนั้นมีเชื้อโรคที่มาจากหมูผู้คนล้มตายจากการติดเชื้อจากหมู ผู้นำชุมชนอาจสร้างสิ่งที่เรียกว่าศาสนาหรือเพิ่มกฎข้อนี้ลงไปในศาสนาเพื่อชี้นำชุมชนและเป็นการแก้ปัญหา แล้วก็กฎที่ห้ามเพศเดียวกันรักกัน อาจจะเพราะประชากรตอนนั้นน้อยนิดหรืออาจจะเกี่ยวกับปัญหาระหว่างดินแดนเหมือนเคยอ่านเจอแว็ปๆว่าสมัยก่อนอิสลามมีปัญหากับกลุ่มคนกรีกโรมัณอะไรทำนองนี้ ซึ่งกรีกโรมัณมีความเชื่อที่ว่าชายที่ได้คนรักเป็นชายคือยอดชาย ทรงอำนาจ หล่อเหลาจนทำให้ชายด้วยกันหลงไหล จะดูยิ่งใหญ่อะไรประมาณนี้ละมั้ง ถ้าข้อมูลผิดพลาดขออภัยด้วยครับอ่านเจอผ่านๆจริงๆ เพราะเหตุนี้อิสลามเลยมองว่าการที่รักเพศเดียวกันเลยผิดละมั่งครับ อารมแบบ เรากับเพื่อนไม่ถูกกัน ลูกของเพื่อนชอบของเล่นสีเขียว ลูกเราอยากได้ของเล่นสีเขียวบ้าง แต่ด้วยความไม่ชอบหน้ากันละหว่างเพื่อนกับเราอะ เราคงไม่ให้ลูกทำตามหรือชอบตามแน่ครับเพราะหมั่นใส้สัตรู อารมประมาณนี้ละมั้งครับ หรืออาจจะมีสงครามคนล้มตายจำนวนมาก ประชากรเหลือน้อย ซึ่งสอดคร้องกับอีกคำสอนหนึ่งคือสามารถมีภรรยาได้4คน เพื่อเป็นอุบายในการดำรงชมชุนให้คงอยู่และทำให้คนในชุมชนไม่ลดลงจนไม่เหลือ เพราะอาจจะเป็นผลกระทบจากสงครามด้วยที่ต้องให้ผู้ชายไปสู้รบจนเหลือน้อยกว่าผู้หญิง (และมันก็สอดคร้องกับเรื่องที่ไม่ถูกกับกรีกด้วย) 2.คริสก็อาจจะคล้ายๆกัน การที่ผู้นำอาจจะต้องแก้ไขปัญหาของชมชุนที่ต้องมีที่พึ่งทางใจอาจจะเป็นอุบายที่ทำให้ประชาชนในชุมชนสบายใจที่มีสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้าคอยช่วยนำทาง เพราะยุคสมัยที่ศาสนากำเหนิดนั้นเป็นยุคที่สังคมมนุษย์ไม่ค่อยอภิรมเท่าไหร่ 3.ฮินดูการเชื่อในเทพเจ้า ก็อย่างที่ว่ามรุษย์สมัยนั้นไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากพอการเห็นสิ่งเหนือธรรมชาติก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะมองเป็นสิ่งวิเศษ พวกเขาเลยอาจมองเป็นเทพแห่ง นี้แห่งนี้ว่ากันไปเพื่อความสบายใจเช่นกับศาสนาอื่นๆ หรืออาจจะเป็นอุบายจากผู้นำชุมชนเพื่อใช้เป็นกฎในการดูและรักษาสิ่งต่างๆไม่ว่าจะแม่น้ำหรืออื่นๆโดยการบอกว่าสิ่งเหล่านั้นมีเทพ ต้องรู้จักดูแลรักษา จึงเกิดพิธีกรรมต่างๆ (อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความคิด ความเป็นไปได้ที่ผมได้คิดวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแหล่งข้อมูลหลายๆที่ครับ)จากที่กล่าวมาข้างต้น ทุกศาสนาย่อมมีจุดประสงค์คือการแก้ปัญหา ความสบายใจ และการมีที่พึ่งทางใจ พอรู้แบบนี้ผมจึงถอยออกจากความเชื่อเรื่องพระเจ้า เทพต่างๆ สิ่งเหนือธรรมชาติแฟนตาซีของแต่ละศาสนา แต่เลือกที่จะเอาแต่กฎต่างๆที่ไม่ขัดต่อความเป็นจริงที่พิสูจได้ไม่ขัดต่อยุคสมัยปัจจุบันไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งหรือเบียดเบียนคนอื่นเอาแต่ข้อที่มีผลดีกับตัวเองของแต่ละศาสนามารวมกันและใช้ในชีวิตประจำวัน บวกกับการเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด เอาจริงๆมันก็ไกล้กับคำว่า ไม่มีศาสนามากสุดแหละ 555 แต่ชีวิตมีความสุขมากไม่ต้องกลัวบาปเพราะไม่ต้องทำตามคำสอนหรือกฎบางข้อที่แปลกๆ เพราะกฎบางข้อที่เราเลือกที่จะนำมาใช้ไม่ได้เอามาหมดยวงของแต่ละศาสนา มันทำให้เรามีสุขชีวิตที่ดีมากเหมือนกัน คนสมัยก่อนเก่งเนาะที่นำพาจิตใจของคนในชุมชนและจัดระเบียบได้ดี แต่อย่างที่กล่าวมา บางคำสอนหรือกฎศาสนามันใช้กับยุคปัจจุบันไม่ได้เลยจึงเลือกใช้แค่บางข้อ ศาสนาเดียวไม่พอเอามาทุกศาสนา555 ทุกคนคิดว่าอย่างไรครับ 😊
สรุปผมเป็นคนศาสนาอะไร?