เมื่อคนหนึ่งในครอบครัวต้องเผชิญกับ obsessive passion ของอีกคนเป็นเวลาเกือบสองปี
passionอาจมองเป็นเรื่องดี แต่หากหมกมุ่นมากไป จนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ก็ส่งผลเสียมากมายต่อตนเองและครอบครัว
ควรทำอย่างไร?
- เพิกเฉย แยกกันอยู่
- เลิกกัน
- บอกให้เขาลาออกจากงาน
- ตัดเงินsupport เพื่อบีบให้ออก
ถูกกลืนกินโดยระบบทำงานแบบไทย
ไม่เคารพ work life balance เตือนไม่ฟัง
สั่งงานลูกน้องยันเที่ยงคืน
ไลน์หาคนที่ทำงานดึกๆดื่นๆ หรือเช้ามืด ทั้งเรื่องงานและชวนคุย
คิดว่า workplace is family พยายามtreatคนในที่ทำงานเหมือนลูกหลาน และคิดว่าเค้าจะดีกลับทุกคน
พอไม่ได้ดังใจหวังก็ผิดหวังและเครียด
เล่น line ตลอดเวลา ทั้งที่ก่อนหน้าใช้เฉพาะ email
ไม่วางงาน นอกเวลางานและวันหยุด
ไม่ลาหยุดใดใด เพราะคิดว่าตนสำคัญที่ทำงานมาก เป็น MVP
เวลาในครอบครัวคือการระบายเรื่องที่ทำงาน เรื่องซ้ำ ระบบเจ้านายลูกน้อง เส้นสาย การเมือง อิจฉา นินทา ใส่ไข่
แก้ไม่ได้ ไม่สามาถแก้ใด เพราะเป็นระบบที่แย่ที่สุดในเมืองไทย
และไม่ปล่อยวาง
เสียเวลารถติด ไปกลับ3-4ชมต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
เสียสุขภาพจิต เครียด มาลงที่บ้าน
เสีบสุขภาพกาย ปวดเข่า ปวดหัวเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม กรดไหลย้อน
เลิกออกกำลังกาย
เลิกสนใจสุขภาพ
เลิกกิจกรรมร่วมกัน เช่น เดินสวน ดูหนัง ไปชมวิว
กดมือถือตลอดเวลา 3เครื่อง 5 เบอร์ ต้อง standby 24 ชม เพราะคิดว่าตนสำคัญมาก
ฝืดเคืองเพราะรายได้ 3x,xxx (ประมาณ 1000 USD ต่อเดือน) กับงานระดับ director
น้อยกว่าค่าจ้างปรกติ 10-15 เท่า เทียบภาระงาน
เพราะเป็น contract ของระบบงานที่เงินเดือนต่ำสุดในประเทศไทย
ไม่พอ lifestlye ขับรถ europe ทานกาแฟ starbuck เคยได้เงินเดือน10เท่า เมื่อ10ปีที่แล้ว
จมไม่ลง เลยต้องมาเบียดเบียนอีกคน
ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายให้ที่ทำงาน
(จริงๆก็เบียดเบียนมาตลอดหลายปี ไม่ว่าอะไร เพราะไม่ toxic ใส่กัน
แต่มากขึ้นเมื่อมามาทำงานที่นี่ และ toxicใส่)
เงินไม่ใช่ปัญหา... คือคำพูดที่พูดกับคนภายนอกบ่อยมาก
เพราะใช้เงินทุกอย่างของอีกคน
ปีแรกก็โอเค เพราะตกลงว่าจะทำสั้นๆ
ตอนนี้จะอยู่ 3-4 ปี
ถูกกลืนกิน
ยึดติดหน้าตาและตำแหน่ง
ทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัว
ก่อเกิด toxic relationship in family
ควรแก้ปัญหาอย่างไร
ขอขอบคุณอย่างมากในการตอบคำถาม
obsessive passion ต่องานของคนในครอบครัวส่งผล toxic relationship ห่างกัน หรือเลิก หรือให้ลาออก
passionอาจมองเป็นเรื่องดี แต่หากหมกมุ่นมากไป จนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ก็ส่งผลเสียมากมายต่อตนเองและครอบครัว
ควรทำอย่างไร?
- เพิกเฉย แยกกันอยู่
- เลิกกัน
- บอกให้เขาลาออกจากงาน
- ตัดเงินsupport เพื่อบีบให้ออก
ถูกกลืนกินโดยระบบทำงานแบบไทย
ไม่เคารพ work life balance เตือนไม่ฟัง
สั่งงานลูกน้องยันเที่ยงคืน
ไลน์หาคนที่ทำงานดึกๆดื่นๆ หรือเช้ามืด ทั้งเรื่องงานและชวนคุย
คิดว่า workplace is family พยายามtreatคนในที่ทำงานเหมือนลูกหลาน และคิดว่าเค้าจะดีกลับทุกคน
พอไม่ได้ดังใจหวังก็ผิดหวังและเครียด
เล่น line ตลอดเวลา ทั้งที่ก่อนหน้าใช้เฉพาะ email
ไม่วางงาน นอกเวลางานและวันหยุด
ไม่ลาหยุดใดใด เพราะคิดว่าตนสำคัญที่ทำงานมาก เป็น MVP
เวลาในครอบครัวคือการระบายเรื่องที่ทำงาน เรื่องซ้ำ ระบบเจ้านายลูกน้อง เส้นสาย การเมือง อิจฉา นินทา ใส่ไข่
แก้ไม่ได้ ไม่สามาถแก้ใด เพราะเป็นระบบที่แย่ที่สุดในเมืองไทย
และไม่ปล่อยวาง
เสียเวลารถติด ไปกลับ3-4ชมต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์
เสียสุขภาพจิต เครียด มาลงที่บ้าน
เสีบสุขภาพกาย ปวดเข่า ปวดหัวเรื้อรัง เจ็บหน้าอก หายใจไม่อิ่ม กรดไหลย้อน
เลิกออกกำลังกาย
เลิกสนใจสุขภาพ
เลิกกิจกรรมร่วมกัน เช่น เดินสวน ดูหนัง ไปชมวิว
กดมือถือตลอดเวลา 3เครื่อง 5 เบอร์ ต้อง standby 24 ชม เพราะคิดว่าตนสำคัญมาก
ฝืดเคืองเพราะรายได้ 3x,xxx (ประมาณ 1000 USD ต่อเดือน) กับงานระดับ director
น้อยกว่าค่าจ้างปรกติ 10-15 เท่า เทียบภาระงาน
เพราะเป็น contract ของระบบงานที่เงินเดือนต่ำสุดในประเทศไทย
ไม่พอ lifestlye ขับรถ europe ทานกาแฟ starbuck เคยได้เงินเดือน10เท่า เมื่อ10ปีที่แล้ว
จมไม่ลง เลยต้องมาเบียดเบียนอีกคน
ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว และค่าใช้จ่ายให้ที่ทำงาน
(จริงๆก็เบียดเบียนมาตลอดหลายปี ไม่ว่าอะไร เพราะไม่ toxic ใส่กัน
แต่มากขึ้นเมื่อมามาทำงานที่นี่ และ toxicใส่)
เงินไม่ใช่ปัญหา... คือคำพูดที่พูดกับคนภายนอกบ่อยมาก
เพราะใช้เงินทุกอย่างของอีกคน
ปีแรกก็โอเค เพราะตกลงว่าจะทำสั้นๆ
ตอนนี้จะอยู่ 3-4 ปี
ถูกกลืนกิน
ยึดติดหน้าตาและตำแหน่ง
ทำลายความสัมพันธ์ในครอบครัว
ก่อเกิด toxic relationship in family
ควรแก้ปัญหาอย่างไร
ขอขอบคุณอย่างมากในการตอบคำถาม