แก๊สโซฮอล์ E20 ดีต่อสิ่งแวดล้อม กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกร
จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพื่อชดเชยการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ซึ่งพลังงานทดแทนที่สามารถผลิตได้เองในประเทศจึงมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสมเอทานอล ร้อยละ10 ที่เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 กันอย่างแพร่หลายและมีความต้องการใช้ในปริมาณเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
รัฐบาลจึงมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์หันมาใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมเอทานอลมากขึ้น จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กำหนดคุณลักษณะของน้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลร้อยละ 20 หรือที่เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เพื่อให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันได้มีมาตรฐานในการผลิตน้ำมันออกจำหน่าย และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นมา
ดังนั้นเพื่อให้มีการเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮฮล์ E20 ทดแทนน้ำมันเบนซินที่ใช้อยู่เดิมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาในปี พ.ศ.2551 พพ. ได้ดำเนินการศึกษาและวิจัยทดสอบการใช้น้ำมันแก๊สโซฮฮล์ E20 ในรถยนต์ และจักรยานยนต์ที่มีอยู่แล้วโดยทั่วไป (รถยนต์และจักรยานยนต์มือสอง) ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในโครงการวิจัยและทดลองใช้น้ำมันเบนซินที่ผสมเอทานอลไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ขึ้นไปในรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยโครงการดังกล่าวมีการจัดประชุมระดมความเห็นและรับฟ้งข้อเสนอแนะจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้แทนภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวของเพื่อกําหนดแนวทางวิจัยและทําการทดลองให้ตรงเป้าหมายเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้ใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ให้มากที่สุด
ซึ่งโครงการวิจัยและทดลองใช้แก๊สโซฮอล์ที่ผสมเอทานอลตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปในรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ได้ข้อมูลผลการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการใช้น้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 โดยคัดเลือกรถยนต์สำหรับศึกษาจำนวน 2 รุ่น จำนวนรุ่นละ 3 คัน ทดสอบวิ่งระยะทางรวม 100,000 กม. รถยนต์ Toyota Vios 1.5J (ปี 2005) รถยนต์ Honda Civic 1.7 EXi (ปี 2005) ผลการทดสอบปรากฏว่า
1. กำลังของเครื่องยนต์ในรถยนต์ทดสอบที่ความเร็วต่าง ๆ พบว่า การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ น้ำมันเบนซิน 91 มีกำลังใกล้เคียงกัน โดยเมื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีกำลังสูงกว่าเล็กน้อยซึ่งสอดคล้องกับรายงานการทดสอบในต่างประเทศ
2. อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่า รถยนต์ทดสอบทุกคันมีอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเมื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงกว่าเมื่อใช้น้ำมันเบนซิน 91 ประมาณ 6%
3. ปริมาณมลพิษที่ปล่อยออกมาจากรถยนต์ทดสอบ พบว่า เมื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ค่า THC และ CO มีค่าลดลงในขณะที่ NOx ยังมีการเปลี่ยนแปลงไม่ชัดเจน คือ มีทั้งที่เพิ่มขึ้นและลดลงซึ่งน่าจะเกิดจากสภาพของเครื่องยนต์และการปรับแต่งคาร์บูเรเตอร์ ทั้งนี้จากผลงานวิจัยในต่างประเทศ ส่วนใหญ่แล้วค่า NOx จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
4. การสึกหรอของเครื่องยนต์ การวิเคราะห์น้ำมันหล่อลื่นพบว่า การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 มีผลกระทบต่อรถยนต์ในด้านการสึกหรอและการเสื่อมของน้ำมันหล่อลื่นอยู่ในระดับต่ำในทุก ๆ ด้าน โดยเริ่มเห็นสัญญาณเริ่มต้นของการสึกหรอหลังจากการได้ทำการวิ่งทดสอบไปแล้ว 80,000 กิโลเมตร
ทั้งนี้จากผลการทดสอบจะเห็นว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเบนซิน ด้วยสัดส่วนของเอทานอลที่เพิ่มขึ้นเป็น 20% ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น กำลังของ เครื่องยนต์ และแรงบิดจึงมีประสิทธิภาพดีขึ้น มีอัตราเร็วสูงสุดใกล้เคียงกับการใช้น้ำมันเบนซิน อย่างไรก็ตามรถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้นั้น ต้องเป็นรถที่ออกแบบมาเฉพาะ โดยมีการพัฒนาอุปกรณ์บางอย่างในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสม เพื่อรองรับส่วนผสมของเอทานอลที่สูงกว่าร้อยละ 10 ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณเอทานอลที่สูงขึ้นเป็นร้อยละ 20 ในแก๊สโซฮอล์ E20 นั้น จะส่งผลถึงความสามารถในการกัดกร่อนยาง และโลหะ หรือทองแดงในระบบเก็บส่งน้ำมันในเครื่องยนต์ได้
ปัจจุบันมีการใช้น้ำมันเบนซินผสมเอทานอลเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์กันอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ เช่น ประเทศบราซิล สวีเดน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และจีน เป็นต้น โดยสัดส่วนการผสมเอทานอลในน้ำมันเบนซินมีปริมาณตั้งแต่ 3% จนถึง 85% โดยปริมาณและในบางประเทศได้มีการใช้เอทานอล 100% เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์อีกด้วย สำหรับประเทศไทยได้มีการส่งเสริมการใช้น้ำมันเบนซินผสมเอทานอลร้อยละ10 มาตั้งแต่ปี 2544 แต่เนื่องจากมีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลมุ่งเห็นความสำคัญของเชื้อเพลิงชีวภาพจึงมีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ลดเงินตราไหลออกต่างประเทศ สร้างความมั่นคงและพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน ทั้งนี้ประเทศไทยมีความพร้อมในเรื่องวัตถุดิบ เช่น อ้อย กากน้ำตาล และ มันสำปะหลัง ที่ใช้ในการผลิตเอทานอล โดยการเพิ่มสัดส่วนเอทานอลในน้ำมันเบนซินยังเป็นการช่วยให้พยุงราคาสินค้าทางการเกษตร และรายได้ให้แก่เกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย
>>>>>>>>
แก๊สโซฮอล์ E20 ดีต่อสิ่งแวดล้อม กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และสร้างรายได้เพิ่มให้แก่เกษตรกร
จากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนเพื่อชดเชยการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ซึ่งพลังงานทดแทนที่สามารถผลิตได้เองในประเทศจึงมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้ประเทศไทยมีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสมเอทานอล ร้อยละ10 ที่เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 กันอย่างแพร่หลายและมีความต้องการใช้ในปริมาณเพิ่มขึ้นตลอดเวลา
รัฐบาลจึงมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ใช้รถยนต์หันมาใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมเอทานอลมากขึ้น จึงได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กำหนดคุณลักษณะของน้ำมันเบนซินที่มีส่วนผสมของเอทานอลร้อยละ 20 หรือที่เรียกว่าน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เพื่อให้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันได้มีมาตรฐานในการผลิตน้ำมันออกจำหน่าย และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 เป็นต้นมา
ดังนั้นเพื่อให้มีการเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮฮล์ E20 ทดแทนน้ำมันเบนซินที่ใช้อยู่เดิมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาในปี พ.ศ.2551 พพ. ได้ดำเนินการศึกษาและวิจัยทดสอบการใช้น้ำมันแก๊สโซฮฮล์ E20 ในรถยนต์ และจักรยานยนต์ที่มีอยู่แล้วโดยทั่วไป (รถยนต์และจักรยานยนต์มือสอง) ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในโครงการวิจัยและทดลองใช้น้ำมันเบนซินที่ผสมเอทานอลไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ขึ้นไปในรถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยโครงการดังกล่าวมีการจัดประชุมระดมความเห็นและรับฟ้งข้อเสนอแนะจากสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ ผู้แทนภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวของเพื่อกําหนดแนวทางวิจัยและทําการทดลองให้ตรงเป้าหมายเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนผู้ใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ให้มากที่สุด
ซึ่งโครงการวิจัยและทดลองใช้แก๊สโซฮอล์ที่ผสมเอทานอลตั้งแต่ร้อยละ 20 ขึ้นไปในรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ได้ข้อมูลผลการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างการใช้น้ำมันเบนซิน 91 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 โดยคัดเลือกรถยนต์สำหรับศึกษาจำนวน 2 รุ่น จำนวนรุ่นละ 3 คัน ทดสอบวิ่งระยะทางรวม 100,000 กม. รถยนต์ Toyota Vios 1.5J (ปี 2005) รถยนต์ Honda Civic 1.7 EXi (ปี 2005) ผลการทดสอบปรากฏว่า
1. กำลังของเครื่องยนต์ในรถยนต์ทดสอบที่ความเร็วต่าง ๆ พบว่า การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 และ น้ำมันเบนซิน 91 มีกำลังใกล้เคียงกัน โดยเมื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีกำลังสูงกว่าเล็กน้อยซึ่งสอดคล้องกับรายงานการทดสอบในต่างประเทศ
2. อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่า รถยนต์ทดสอบทุกคันมีอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเมื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 จะมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงกว่าเมื่อใช้น้ำมันเบนซิน 91 ประมาณ 6%
3. ปริมาณมลพิษที่ปล่อยออกมาจากรถยนต์ทดสอบ พบว่า เมื่อใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ค่า THC และ CO มีค่าลดลงในขณะที่ NOx ยังมีการเปลี่ยนแปลงไม่ชัดเจน คือ มีทั้งที่เพิ่มขึ้นและลดลงซึ่งน่าจะเกิดจากสภาพของเครื่องยนต์และการปรับแต่งคาร์บูเรเตอร์ ทั้งนี้จากผลงานวิจัยในต่างประเทศ ส่วนใหญ่แล้วค่า NOx จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
4. การสึกหรอของเครื่องยนต์ การวิเคราะห์น้ำมันหล่อลื่นพบว่า การใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 มีผลกระทบต่อรถยนต์ในด้านการสึกหรอและการเสื่อมของน้ำมันหล่อลื่นอยู่ในระดับต่ำในทุก ๆ ด้าน โดยเริ่มเห็นสัญญาณเริ่มต้นของการสึกหรอหลังจากการได้ทำการวิ่งทดสอบไปแล้ว 80,000 กิโลเมตร
ทั้งนี้จากผลการทดสอบจะเห็นว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำมันเบนซิน ด้วยสัดส่วนของเอทานอลที่เพิ่มขึ้นเป็น 20% ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์สะอาดขึ้น กำลังของ เครื่องยนต์ และแรงบิดจึงมีประสิทธิภาพดีขึ้น มีอัตราเร็วสูงสุดใกล้เคียงกับการใช้น้ำมันเบนซิน อย่างไรก็ตามรถที่ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้นั้น ต้องเป็นรถที่ออกแบบมาเฉพาะ โดยมีการพัฒนาอุปกรณ์บางอย่างในระบบน้ำมันเชื้อเพลิงให้เหมาะสม เพื่อรองรับส่วนผสมของเอทานอลที่สูงกว่าร้อยละ 10 ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณเอทานอลที่สูงขึ้นเป็นร้อยละ 20 ในแก๊สโซฮอล์ E20 นั้น จะส่งผลถึงความสามารถในการกัดกร่อนยาง และโลหะ หรือทองแดงในระบบเก็บส่งน้ำมันในเครื่องยนต์ได้
ปัจจุบันมีการใช้น้ำมันเบนซินผสมเอทานอลเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์กันอย่างกว้างขวางในหลายประเทศ เช่น ประเทศบราซิล สวีเดน สหรัฐอเมริกา แคนาดา และจีน เป็นต้น โดยสัดส่วนการผสมเอทานอลในน้ำมันเบนซินมีปริมาณตั้งแต่ 3% จนถึง 85% โดยปริมาณและในบางประเทศได้มีการใช้เอทานอล 100% เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์อีกด้วย สำหรับประเทศไทยได้มีการส่งเสริมการใช้น้ำมันเบนซินผสมเอทานอลร้อยละ10 มาตั้งแต่ปี 2544 แต่เนื่องจากมีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลมุ่งเห็นความสำคัญของเชื้อเพลิงชีวภาพจึงมีนโยบายที่จะเพิ่มสัดส่วนปริมาณการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ ลดเงินตราไหลออกต่างประเทศ สร้างความมั่นคงและพึ่งพาตนเองด้านพลังงาน ทั้งนี้ประเทศไทยมีความพร้อมในเรื่องวัตถุดิบ เช่น อ้อย กากน้ำตาล และ มันสำปะหลัง ที่ใช้ในการผลิตเอทานอล โดยการเพิ่มสัดส่วนเอทานอลในน้ำมันเบนซินยังเป็นการช่วยให้พยุงราคาสินค้าทางการเกษตร และรายได้ให้แก่เกษตรกรอีกทางหนึ่งด้วย
>>>>>>>>