ส่วนตัว ณเวลานี้ผมก็เป็นพลทหารยุคโควิด มาอยู่บ้านนายพล
ส่วนตัวผมเรียนจบม.6แต่ไม่ได้เรียนรด. เรียนมหาลัยยังไม่จบ แล้วมาจับเพราะต้องมีหลักฐานเกณฑ์ทหาร ส่วนตัวตั้งใจจะไปสอบตำรวจ บวกกับที่บ้านไม่เคยมีใครได้ใบแดงก็พอทำให้มั่นใจบ้าง สรุปโป๊ะ ใบแดง2ปี ก็เลยอดทนกลั้นใจสู้
เริ่มเลยคือวันแรกที่มีชื่อนำหน้าพลทหาร ฝึกๆๆภาคสาธารณะ 2เดือนไม่ได้กลับบ้าน ได้เล่นโทรศัพท์2ครั้ง/1อาทิตย์ ครั้งละ30-40นาที (แล้วแต่ครูฝึก ครูฝึกคือพลทหารผลัดอาวุโสที่เรียนหลักสูตรผู้ช่วยครูฝึกมา เจอคนดีก็ดีไปเจอคนสติไม่ดีหน่อยก็จะมาซ่อมรุ่นน้อง) ส่วนตัวที่เจอคือชอบหาเรื่องมา-รุ่นน้อง คนที่เขาเข้าใจแล้วยอมรับได้ก็ดีไป แต่คนที่เขาไม่อยากมาเป็นแต่แรกต้องห่างบ้านห่างลูกเมียมาแล้วต้องมาโดนอะไรแบบนี้ บางคนร้องไห้บางคนหนี คงจะจริงที่ว่ายิ่งมีพลทหารเยอะแสดงว่ากองทัพอ่อนแอ เพราะเอาคนที่ไม่เต็มใจมาเป็นยังไงก็สู้คนเต็มใจมาไม่ได้ แล้วก็จะมีครูฝึกที่พึ่งจบจ่ามาคุม จากที่ผมเห็นกับตัว สมัยนี้ยังมีมือถึงเท้าถึงเอาไม้ฟาด ดูเรากลายเป็นคนต้อยต่ำไปเลยที่ต้องมาโดนอะไรแบบนี้ โดนซ่อมทุกวันตั้งแต่วันที่4ของการเข้าไปเป็นทหารจนถึง4วันสุดท้ายก่อนครบ2เดือนแล้วย้ายเข้าหน่วยต่างๆ (เราจะไม่มีสิทธิเลือกหน่วยเลยยกเว้นพวกที่มีญาติเป็นทหารแล้วฝากกันแบบสบายๆ)
การย้ายหน่วยก็จะแล้วแต่ว่าไปเข้าหน่วยแล้วเขาจะปล่อยกลับบ้านเลยไหม ส่วนนี้แล้วแค่หน่วยต้องลุ้นเอา ส่วนตัวผมมาตกที่กรุงเทพ มาอยู่กรมที่ต้องเรียนขับรถรับรองผู้บังคับบัญชา ง่ายๆคือมาเรียนเพื่อไปอยู่บ้านนายโดยเฉพาะๆอีก3เดือน ไม่เคยได้กลับบ้านเกิน5วัน สำหรับผมดีหน่อยบ้านใกล้กรุงเทพแต่สงสารเพื่อนที่บ้านไกลๆ ที่คิดถึงลูกคิดถึงเมีย ผมคิดว่ามันควรจะไม่มีได้แล้วที่ถึงคั้นต้องมาเรียนเพื่อไปเป็นคนใช้ให้ใครสักคน พอเรียนจบนายก็จะมารับให้คนมารับบ้างมารับเองบ้าง เจอนายดีก็ดีไป เจอนายที่ไม่ดีก็มีถึงคั้นตบตีถีบกันเลยทีเดียว ส่วนตัวผมเจอคนดีหน่อยแต่2เดือนได้กลับบ้าน10วัน งานคือดูแลภรรยาและลูกนายพล อาบน้ำหมาแมวดูนกดูต้นไม้ ส่วนเพื่อนๆที่แยกกันไปก็บ่นบ้างท้อบ้างไม่ค่อยได้กลับบ้านบ้าง
นี่แหละครับชีวิตพลทหารของผม ที่ทำให้คิดว่าทหารควรจะมาจากความสมัครใจไม่ใช่บังคับมา มันทำให้ระบบมันไม่ดีเลยขึ้นชื่อว่าอะไรที่ถูกบังคับย่อมไม่ดีทุกอย่างจริงๆ สู้เอางบไปให้คนที่เขาเต็มใจรักอาชีพทหารจริงๆดีกว่า บวกกับยังทำให้ครอบครัวมีบุคลากรที่เป็นผู้ชายที่เป็นผู้นำครอบครัวมีกำลังใจทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ต่อเนื่อง ไม่ใช่กำลังมีหน้าที่การงานดีแต่เหมือนต้องมาโดนกดปุ่มสต๊อปไว้ และผมคิดว่ายังทำให้ระบบเศรษฐกิจเคลื่อนตัวดีขึ้นด้วย เพราะแต่ละปีมีพลทหารหลายแสนคน เงินเดือนที่ต้องมาจ่ายให้ก็หลายหมื่นล้าน เอาไปบำรุงประชาชนในสิ่งที่ขาดสะยังดีกว่าและก็เอาไพัฒนาระบบกองทัพดีกว่า
สุดท้ายนี้ อนาคตจะเป็นยังไงผมคิดว่าก็ไม่อยากให้ลูกผมหลานผมหรือลูกหลานคนอื่นต้องเจออะไรแบบที่ผมเจอแล้วก็จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำจริงๆ และก็ไม่ต้องห่างครอบครัว
ยกเลิกเกณฑ์ทหารดียังไง?
ส่วนตัวผมเรียนจบม.6แต่ไม่ได้เรียนรด. เรียนมหาลัยยังไม่จบ แล้วมาจับเพราะต้องมีหลักฐานเกณฑ์ทหาร ส่วนตัวตั้งใจจะไปสอบตำรวจ บวกกับที่บ้านไม่เคยมีใครได้ใบแดงก็พอทำให้มั่นใจบ้าง สรุปโป๊ะ ใบแดง2ปี ก็เลยอดทนกลั้นใจสู้
เริ่มเลยคือวันแรกที่มีชื่อนำหน้าพลทหาร ฝึกๆๆภาคสาธารณะ 2เดือนไม่ได้กลับบ้าน ได้เล่นโทรศัพท์2ครั้ง/1อาทิตย์ ครั้งละ30-40นาที (แล้วแต่ครูฝึก ครูฝึกคือพลทหารผลัดอาวุโสที่เรียนหลักสูตรผู้ช่วยครูฝึกมา เจอคนดีก็ดีไปเจอคนสติไม่ดีหน่อยก็จะมาซ่อมรุ่นน้อง) ส่วนตัวที่เจอคือชอบหาเรื่องมา-รุ่นน้อง คนที่เขาเข้าใจแล้วยอมรับได้ก็ดีไป แต่คนที่เขาไม่อยากมาเป็นแต่แรกต้องห่างบ้านห่างลูกเมียมาแล้วต้องมาโดนอะไรแบบนี้ บางคนร้องไห้บางคนหนี คงจะจริงที่ว่ายิ่งมีพลทหารเยอะแสดงว่ากองทัพอ่อนแอ เพราะเอาคนที่ไม่เต็มใจมาเป็นยังไงก็สู้คนเต็มใจมาไม่ได้ แล้วก็จะมีครูฝึกที่พึ่งจบจ่ามาคุม จากที่ผมเห็นกับตัว สมัยนี้ยังมีมือถึงเท้าถึงเอาไม้ฟาด ดูเรากลายเป็นคนต้อยต่ำไปเลยที่ต้องมาโดนอะไรแบบนี้ โดนซ่อมทุกวันตั้งแต่วันที่4ของการเข้าไปเป็นทหารจนถึง4วันสุดท้ายก่อนครบ2เดือนแล้วย้ายเข้าหน่วยต่างๆ (เราจะไม่มีสิทธิเลือกหน่วยเลยยกเว้นพวกที่มีญาติเป็นทหารแล้วฝากกันแบบสบายๆ)
การย้ายหน่วยก็จะแล้วแต่ว่าไปเข้าหน่วยแล้วเขาจะปล่อยกลับบ้านเลยไหม ส่วนนี้แล้วแค่หน่วยต้องลุ้นเอา ส่วนตัวผมมาตกที่กรุงเทพ มาอยู่กรมที่ต้องเรียนขับรถรับรองผู้บังคับบัญชา ง่ายๆคือมาเรียนเพื่อไปอยู่บ้านนายโดยเฉพาะๆอีก3เดือน ไม่เคยได้กลับบ้านเกิน5วัน สำหรับผมดีหน่อยบ้านใกล้กรุงเทพแต่สงสารเพื่อนที่บ้านไกลๆ ที่คิดถึงลูกคิดถึงเมีย ผมคิดว่ามันควรจะไม่มีได้แล้วที่ถึงคั้นต้องมาเรียนเพื่อไปเป็นคนใช้ให้ใครสักคน พอเรียนจบนายก็จะมารับให้คนมารับบ้างมารับเองบ้าง เจอนายดีก็ดีไป เจอนายที่ไม่ดีก็มีถึงคั้นตบตีถีบกันเลยทีเดียว ส่วนตัวผมเจอคนดีหน่อยแต่2เดือนได้กลับบ้าน10วัน งานคือดูแลภรรยาและลูกนายพล อาบน้ำหมาแมวดูนกดูต้นไม้ ส่วนเพื่อนๆที่แยกกันไปก็บ่นบ้างท้อบ้างไม่ค่อยได้กลับบ้านบ้าง
นี่แหละครับชีวิตพลทหารของผม ที่ทำให้คิดว่าทหารควรจะมาจากความสมัครใจไม่ใช่บังคับมา มันทำให้ระบบมันไม่ดีเลยขึ้นชื่อว่าอะไรที่ถูกบังคับย่อมไม่ดีทุกอย่างจริงๆ สู้เอางบไปให้คนที่เขาเต็มใจรักอาชีพทหารจริงๆดีกว่า บวกกับยังทำให้ครอบครัวมีบุคลากรที่เป็นผู้ชายที่เป็นผู้นำครอบครัวมีกำลังใจทำงานหาเลี้ยงครอบครัวได้ต่อเนื่อง ไม่ใช่กำลังมีหน้าที่การงานดีแต่เหมือนต้องมาโดนกดปุ่มสต๊อปไว้ และผมคิดว่ายังทำให้ระบบเศรษฐกิจเคลื่อนตัวดีขึ้นด้วย เพราะแต่ละปีมีพลทหารหลายแสนคน เงินเดือนที่ต้องมาจ่ายให้ก็หลายหมื่นล้าน เอาไปบำรุงประชาชนในสิ่งที่ขาดสะยังดีกว่าและก็เอาไพัฒนาระบบกองทัพดีกว่า
สุดท้ายนี้ อนาคตจะเป็นยังไงผมคิดว่าก็ไม่อยากให้ลูกผมหลานผมหรือลูกหลานคนอื่นต้องเจออะไรแบบที่ผมเจอแล้วก็จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำจริงๆ และก็ไม่ต้องห่างครอบครัว