คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
1)พระพุทธเจ้า สอนให้ปล่อยวาง แต่ทำไหม ฆ่าสัตว์ประทังชีวิตถึงบาป ทั้งๆที่หากไม่ทำอาจไม่มีอะไรกิน
ตอบ ปล่อยวางนิหมายถึง การปล่อยวางอารมย์ของกิเลสตัณหา ปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาครับ
ส่วนฆ่าสัตว์ประทังชีวิตทำไมถึงบาป...
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เจตนานี้คือกรรม
เจตนาที่เป็นกุศล จึงเป็น กุศลกรรม (บุญ)
เจตนาที่เป็นอกุศล จึงเป็น อกุศลกรรม (บาป)
การฆ่า ที่มี เจตนาทีมีอกุศลจิตอยู่ จึงเป็นบาป
2) สมัยทีท่านตรัสรู้ ยังไม่มีการจดบันทึก
เราจะรู้ได้ไงว่าคำสอนนั้น มาจากท่านจริงๆ
ถ้างั้นทั้งหมดจะคงเป็นแค่เรื่องที่เล่าต่อกันมา
ตอบ มีการสังคายนา คือ รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งสังคายนาครั้งแรกคือ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 3 เดือน ซึ่งพระสงฆ์(พระอรหันต์)ทีเข้าร่วมการสังคายนาครั้งนั้น มีทั้งหมด 500 รูป
และรูปแบบการสังคายานาคือ ให้พระสงฆ์ทุกรูปสวดคำสอนพระพุทธเจ้าในหัวข้อนั้นๆพร้อมกัน ถ้าสวดเหมือนกันหมด แสดงว่าคำสอนหัวข้อนั้นตรงตามพระพุทธเจ้าสอน.. ด้วยวิธีนี่จึงเชื่อกันว่ามีความแม่นยำค่อนข้างสูง
3)บุญมีจริงไหม หรือคิดกันขึ้นมาเพื่อให้คนทำดีเฉยๆ
ตอบ บุญมีจริง
พระพุทธเจ้าสอนว่า
เจตนาที่เป็นกุศล เรียกว่า กุศลกรรม เรียกอีกอย่างว่า บุญ
... ตรงนี้ ขอถามว่า เจตนา มีอยู่จริงไหม??
ความคิด ฝ่ายกุศล(คิดที่จะทำดี) มีจริงไหม??
ถ้าเจตนามีจริง ความคิดที่จะทำดีมีจริง... บุญก็จะมีจริง..
จริงๆคุณต้องถามว่า ผลของบุญมีจรืงไหม ต่างหาก..
ขอถาม ถ้ามีคนๆนึง ทำดีกับคุณด้วยใจจริง ช่วยเหลือคุณอย่างเต็มใจ และคุณก็รับรู้ได้ว่าเขาจริงใจที่จะช่วยคุณจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง คุณจะรู้สึกดีกับเขาไหม พูดดีกับเขาไหม ทำดีกับเขาไหม..
นี่ไง ผลของบุญที่คนนั้นทำ
4)นรกและสวรรค์มีจริงไหมแล้วเขารู้ได้อยากไรหรือคิดกันขึ้นมาเพื่อให้กลัวและไม่กล้าทำ
ถ้าบอกว่า มีจริง แต่พิสูจน์ให้คุณเห็นไม่ได้ ก็คงเป็นคำพูดลอยๆสำหรับคุณ แต่เรา พุทธศาสนิกชนเชื่อว่ามีอยู่จริงเพราะเรามีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า
ตอบ ปล่อยวางนิหมายถึง การปล่อยวางอารมย์ของกิเลสตัณหา ปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาครับ
ส่วนฆ่าสัตว์ประทังชีวิตทำไมถึงบาป...
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เจตนานี้คือกรรม
เจตนาที่เป็นกุศล จึงเป็น กุศลกรรม (บุญ)
เจตนาที่เป็นอกุศล จึงเป็น อกุศลกรรม (บาป)
การฆ่า ที่มี เจตนาทีมีอกุศลจิตอยู่ จึงเป็นบาป
2) สมัยทีท่านตรัสรู้ ยังไม่มีการจดบันทึก
เราจะรู้ได้ไงว่าคำสอนนั้น มาจากท่านจริงๆ
ถ้างั้นทั้งหมดจะคงเป็นแค่เรื่องที่เล่าต่อกันมา
ตอบ มีการสังคายนา คือ รวบรวมคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด ซึ่งสังคายนาครั้งแรกคือ หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพาน 3 เดือน ซึ่งพระสงฆ์(พระอรหันต์)ทีเข้าร่วมการสังคายนาครั้งนั้น มีทั้งหมด 500 รูป
และรูปแบบการสังคายานาคือ ให้พระสงฆ์ทุกรูปสวดคำสอนพระพุทธเจ้าในหัวข้อนั้นๆพร้อมกัน ถ้าสวดเหมือนกันหมด แสดงว่าคำสอนหัวข้อนั้นตรงตามพระพุทธเจ้าสอน.. ด้วยวิธีนี่จึงเชื่อกันว่ามีความแม่นยำค่อนข้างสูง
3)บุญมีจริงไหม หรือคิดกันขึ้นมาเพื่อให้คนทำดีเฉยๆ
ตอบ บุญมีจริง
พระพุทธเจ้าสอนว่า
เจตนาที่เป็นกุศล เรียกว่า กุศลกรรม เรียกอีกอย่างว่า บุญ
... ตรงนี้ ขอถามว่า เจตนา มีอยู่จริงไหม??
ความคิด ฝ่ายกุศล(คิดที่จะทำดี) มีจริงไหม??
ถ้าเจตนามีจริง ความคิดที่จะทำดีมีจริง... บุญก็จะมีจริง..
จริงๆคุณต้องถามว่า ผลของบุญมีจรืงไหม ต่างหาก..
ขอถาม ถ้ามีคนๆนึง ทำดีกับคุณด้วยใจจริง ช่วยเหลือคุณอย่างเต็มใจ และคุณก็รับรู้ได้ว่าเขาจริงใจที่จะช่วยคุณจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง คุณจะรู้สึกดีกับเขาไหม พูดดีกับเขาไหม ทำดีกับเขาไหม..
นี่ไง ผลของบุญที่คนนั้นทำ
4)นรกและสวรรค์มีจริงไหมแล้วเขารู้ได้อยากไรหรือคิดกันขึ้นมาเพื่อให้กลัวและไม่กล้าทำ
ถ้าบอกว่า มีจริง แต่พิสูจน์ให้คุณเห็นไม่ได้ ก็คงเป็นคำพูดลอยๆสำหรับคุณ แต่เรา พุทธศาสนิกชนเชื่อว่ามีอยู่จริงเพราะเรามีศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า
แสดงความคิดเห็น
พระพุทธเจ้าสอนให้ปล่อยวาง บุญบาปมาแต่ไหน
1)พระพุทธเจ้า สอนให้ปล่อยวาง แต่ทำไหม ฆ่าสัตว์ประทังชีวิตถึงบาป ทั้งๆที่หากไม่ทำอาจไม่มีอะไรกิน
2) สมัยทีท่านตรัสรู้ ยังไม่มีการจดบันทึก
เราจะรู้ได้ไงว่าคำสอนนั้น มาจากท่านจริงๆ
ถ้างั้นทั้งหมดจะคงเป็นแค่เรื่องที่เล่าต่อกันมา
3)บุญมีจริงไหม หรือคิดกันขึ้นมาเพื่อให้คนทำดีเฉยๆ
4)นรกและสวรรค์มีจริงไหมแล้วเขารู้ได้อยากไรหรือคิดกันขึ้นมาเพื่อให้กลัวและไม่กล้าทำ