คนเทรนงานอารมณ์ร้อน ตอนนี้ เครียด กดดันมาก

ขอเกริ่นก่อนนะครับว่าก่อนจะมาสมัคงานร้านกาแฟร้านนี้ ผมเคยทำร้านกาแฟมาก่อน ซึ่งแต่ละร้านก็จะมีมาตราฐาน หรือสูตร แต่งต่างกันไป 
ส่วนตัวที่ร้านเก่า เป็นร้านที่คนเยอะแบบมาตูมเดียวคือต่อแถวล้นออกไปนอกร้านเลย เพราะที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มักจะมี ทัวร์นักท่องเที่ยวที่มากับรถบัสแบบ2ชั้น วันละ 1-3 คัน บางวันมีนักเรียนมาทัศนศึกษาด้วย ยังไม่รวมคนในพื้นที่ ที่มาเที่ยวกันอีก คือถ้าคนเยอะคือเยอะแบบนี้เลย วันไหนเงียบก็คือไม่มีคนเลย เพราะงั้นที่ร้านเก่าจะเป็นการทำเครื่องดื่มที่เน้นทำไว ขายไว ไม่มีขั้นตอนเยอะ แต่พอมาสมัคงานที่ใหม่ ทางร้านก็ไม่ได้บอกว่า รับคนที่มีประสบการณ์หรือมีความรู้เรื่องการแฟอย่างเป็นอย่างดี แค่บอกว่า ถ้ามีประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ซึ่งแน่นอน ก่อนสมัคไปเรารู้ตัวเองดีว่า เรามีประสบการณ์การชงน้ำนะ แต่กาแฟเราไม่ได้เก่งเลย พอมีความเข้าใจแค่ว่า กาแฟนมมีอะไรบ้าง มอคค่าต่างจากคาปูชิโน่ยังไง อเมริกาโน่เป็นกาแฟอะไร ซึ่งพอเรารู้ตัวเองดีว่าเราไม่ได้เก่ง ตอนสัมภาษณ์ก็พูดย้ำกับทางร้านว่า ผมไม่ได้เก่งครับ มีความรู้แค่เท่านี้ๆๆนะครับ ที่ร้านเก่าขั้นตอนการชงกาแฟเป็นแบบนี้นะครับ ซึ่งทางร้านในตอนนั้นก็ไม่ติดอะไร และให้เราเริ่มงาน ซึ่งด้วยความที่ร้านนี้เป็นร้านที่ค่อนข้างซีเรียสเรื่องกาแฟ เพราะทุกอย่างต้องชั่ง
ต้องชั่งบักเกตก่อน ชั่งกาแฟที่เราบดออกมา ว่าได้ไหม เกิน 0.1 ก็ไม่ได้ ถ้าเกินต้องตักออก ตอนกลั่นกาแฟก็ต้องชั่ง และตาต้องมองวินาทีข้างบนและดูปริมาณกาแฟที่เราชั่งไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่เคยเจอแบบนี้ และเป็นวันแรกของการทำงาน เครื่องมือต่างๆก็ไม่ได้เหมือนที่ร้านเก่า มันไม่ชินมือ มันก็ต้องมีความเก้งๆกังๆเป็นเรื่องปกติของการทำงานวันแรก ใช่ครับ ผมโดนว่า กู สารพัดสัตว์มาหมด จนผมก็ใจหายนะ ว่าเค้าอาจจะลืมรึป่าวว่าผมพึ่งมาทำงานวันแรก พึ่งเจอเครื่องมือใหม่ๆครั้งแรก ต้องทำท่าทางหรือต่อว่าผมขนาดนี้เลยหรอ วันแรกก็โดนต่อว่าแบบยับๆเลย กลับบ้านมาเจอแฟนไม่อยากให้เค้าเป็นห่วงเพราะเราเองก็พึ่งได้งานนี้ ก็โกหกเค้าไปว่า งานราบรื่นดี เพราะเราคิดว่าเราต้องผ่านมันไปให้ได้ แต่จะต้องดีขึ้นแน่นอน แต่
วันที่ 2 ก็โดนว่าตั้งแต่เปิดร้านเลย เหมือนกับให้เราไปเอาของด้วยความที่เรายังไม่รู้ว่าอะไรมันวางตรงไหนก็เป็นเรื่องปกติที่เราต้องถามว่ามันวางตรงไหนและใช่ครับ ผมโดนสวนกลับมาว่าก็ลองหาก่อนสิค่อยถาม ผมก็พยายามหา และพอหาไม่เจอไม่ทันใจเค้า ใช่ครับ ด่า และในวันเดียวกันพอเค้าให้ผมไปหยิบของ ด้วยความที่เราไม่กล้าถามแล้วเพราะกลัวโดนต่อว่า ก็เลยพยายามเดินหาก่อน ใช่ครับ พี่เค้าเดินมาบอกว่า แล้วทำไมไม่ถามกูว่ะ พร้อมเอามือผลักเราออก มันทำให้ผมกดดันและไม่มั่นใจ เพราะรู้สึกว่า จะทำอะไรก็โดนต่อว่า และเจ้าของร้านก็ไม่ช่วยผมเลย ปล่อยให้ผมโดนต่อว่าอยู่แบบนี้ 2 วัน จริงๆผมสามารถจำสูตรทางร้านได้เกือบครบทุกเมนูตั้งแต่วันที่ 2 แล้ว อาจะไม่ได้แม่นมาก แต่ก็พอคิดออกว่ามันต้องใส่อะไรเท่าไหร่บ้าง เหลือแค่ปฏิบัติจริง ซึ่งกาแฟนมแต่ละแก้วไม่ได้ใส่แค่นมข้นจืดกับนมข้นหวานเท่านั้น มันมากกว่านั้นอีกหลายขั้นตอน ซึ่งไม่รู้เป็นความโชคดีหรือความซวยของผมที่สองวันนี้ที่ผมไปทำงานไม่มีลูกค้าเลย ตลอกทั้งวันมีลูกค้าแค่ 2-3 คน ทุกคนล้วนสั่งอเมริกาโน่ ก็เลยไม่ได้ฝึกชงสักที และทางร้านก็ไม่ได้ให้ซ้อมฝึกอะไร คือจะได้ลองฝึกก็คือแก้วที่ลูกค้าสั่งเท่านั้น และจุดพีคคือ ผมถูกทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองเลย ผมโดนบอกว่าให้คีปลุค ส่วนตัวผมเป็นคนค่อนข้างเรียบร้อยยิ้มง่าย พูดคุยกับลูกค้าแล้วลูกค้ารู้สึกสบายใจ แต่บุคลิกที่ทางร้านต้องการคือ ผู้ชายบอยๆมีความมั่นใจในตัวเองสูง มีความมั่นใจว่าเราเก่ง เพื่อจะให้ลูกค้าเชื่อถือว่าเราเจ๋งจริง ซึ่งถ้าทางร้านแจ้งตั้งแต่วันสัมภาษณ์ว่าต้องการแบบนี้ๆนะ ผมคงตัดสินใจไม่ทำตั้งแต่วันนั้น
และจะให้ผมพกความมั่นใจแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อผมพึ่งมาทำงานได้สองวัน และได้ทำอเมริกาโน่ไปแค่สองแก้ว ที่เหลือโดนด่าทั้งวัน วันที่ 3 มาทำงาน เรารู้ตัวเลยว่า เราไม่อยากตื่นไปทำงาน เรากดดัน เรากลัว แต่ก็ต้องไป วันที่ 3 เป็นวันที่ผมถูกถึงเนื้อถึงตัว คือพลักผมออกให้หลบไป ต่อหน้าลูกค้าที่ยืนรอเครื่องดื่ม จนลูกค้ามองแบบ เกิดอะไรขึ้น เพียงเพราะว่าทำเครื่องดื่มนี้มันไม่รวดเร็วถูกใจเค้า ความเร็วที่เค้าต้องการคือคล่องแล้ว เทส่วนผสมแบบไม่ต้องนึกในหัวแล้วว่าต้องใส่อะไรเท่าไหร่ จนเค้าคงลืมไปว่านี่เป็นเมนูแก้วเเรกที่ผมเคยลองทำนอกจากอเมริกาโน่
บวกกับความกดดันที่สะสมว่าถ้าไม่เป๊ะก็กลัวจะโดนด่า มันเลยทำให้ผมเกร็งและต่อต้าน กลัวที่จะหยิบจับอะไร แม้กระทั่งบุคลิกต่างๆในตัวผมที่อาจจะไม่ตรงกับเทสที่ทางร้านต้องการ และพยายามจะให้ผมเปลี่ยน มันทำให้ผมเครียดแบบถึงที่สุด จนแฟนมารับตอนเลิกงาน ก็ยิ้มสู้เพื่อให้เค้าไม่ต้องเป็นห่วง แต่สภาพผมคือดูไม่ได้แล้วดูเหมือนคนทำงานหนัก อาจจะเพราะนอนไม่หลับเพราะเก็บไปคิดมากจนนอนไม่หลับตลอด 2 วันที่ทำงานที่นี่ ได้นอนแค่ 2-3 ชม และตื่นไปทำงาน จนวันที่ 3 คือวันที่ผมกลับมาถึงบ้าน ผมนอนไม่หลับ ไปนั่งเก้าอี้มองออกไปนอกหน้าต่าง นั่งคิดอะไรคนเดียวจนแฟนตื่นมาเจอและดูจากสีหน้าแววตาที่ผิดสังเกตุ และถามเราตรงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ผมเลยเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นไป พูดไปร้องไห้ไป แต่ก็พยายามกลั้นไว้ เพราะไม่อยากให้เค้าเห็นว่าเราจะสู้ไม่ไหว
แต่โชคดีของผมที่แฟนบอกไม่ต้องไปทำแล้ว พร้อมกอดแล้ว ปลอบใจ ว่าไม่เป็นอะไร ค่อยหางานใหม่ เป็นความโชคดีที่เรามีรายได้เข้ามาทุกวันจากอีกงานอยู่แล้ว เพียงแต่แค่อยากมีรายได้สัก 2 ทาง ผมเลยตัดสินใจที่จะออกมาจากตรงนั้น ขอถามพี่ๆเพื่อนๆหน่อยครับ ว่าเคยเจอกรณีแบบนี้บ้างไหม ขอโทษนะครับที่พิมพ์ยาวไป  มันเหมือนได้ระบายออกมาครับ 😅😅
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่