คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ขอเป็น 1 กำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะครับ การร้องไห้คิดถึงบิดา มารดาที่จากไปแล้วไม่ใช่เรื่องน่าอายครับ ผมเองก็อายุมากกว่า เจ้าของกระทู้นิดหน่อย ผมเองก็ยังร้องไห้ อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา บ่อยๆครั้ง
ผมเพิ่งเสียคุณแม่ไปเช่นกัน วันนี้ครบ 57 วัน ในสมองเข้าใจทุกอย่าง ธรรมชาติ การพลัดพราก เกิด แก่ เจ็บ ตาย สักวันเราก็ต้องจากกันไม่จากเป็นก็จากตาย ในวันที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ผมได้ทำทุกอย่างที่จะทำได้ กอด หอมแก้ม หาของอร่อยให้กิน ยามเจ็บป่วย ก็เฝ้าดูแลรักษา จากอะไรที่ไม่เคยทำ ทำไม่เป็น ก็ทำเป็นหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะสวนก้น ล้วงก้น เรื่องยาที่แม่ต้องทาน หรือฉีด ก็รู้จักทุกตัว คุณหมอที่ดูแลรักษาแม่ผมก็ได้คุยกับคุณหมอทุกท่าน ในช่วงเวลาที่ท่านยังอยู่เราคุยกันทุกๆเรื่อง อะไรที่ค้างคาใจ หรือยังมีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แม้กระทั่งเรื่องของความตาย เราคุยกันว่าเราจะไม่ร้องไห้กันอีกแล้ว เราร้องไห้กันมาเยอะแล้ว ทั้งที่โรงพยาบาล ทั้งที่บ้าน เรากอดกันร้องไห้บ่อยมาก ในวันที่แม่จากไป ผมไปติดต่อ รพ. เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งผมจะต้องกลับไปทำตามที่คุณหมอได้สอน คือการแทงมอร์ฟีนใต้ผิวหนัง แต่ผมกลับไปไม่ทัน
ผมได้รับโทรศัพท์ในช่วงที่รอยาอยู่ที่ รพ. หัวใจผมแหลกสลาย ผมรีบกลับบ้านตอนขับรถกลับบ้านผมแทบไม่รู้ตัวเลย พอมาถึงบ้านผมก็เข้าไปกอดคุณแม่แล้วเขย่าตัวเบาๆ พร้อมกับร้องไห้ พอเริ่มได้สติผมก็เอาที่วัดออกซิเจนวัดที่นิ้วแม่ก็ไม่พบสัญญานใดๆ ผมพยายามตั้งสติแล้วไหว้ร่างคุณแม่ และติดต่อหน่วยงานราชการต่างๆ
ผมอยู่กับแม่แค่ 2 คน คุณแม่เป็น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ และทุกอย่างในชีวิตของผม ถึงแม้ทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว 57 วัน พยายามรับความจริงว่าแม่จากไปแล้ว พยายามนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา มันคือเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีประโยชน์ที่จะหลอกตัวเอง แต่หัวใจบอกว่าแม่ยังอยู่กับเราเสมอ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเวลาผมคิดถึงแม่มากๆ ผมจะไปวัด และไปที่หน้าเมรุ เพื่อรู้จักปลง เพื่อให้รู้ถึงความจริงของธรรมชาติ
สิ่งที่พอจะช่วยปลอบประโลมเราได้บ้าง
1.คิดในทางบวก หากท่านยังมีชีวิตอยู่ต่อ ท่านจะเจ็บปวดและทรมานร่างกายมาก และเราได้ดูแลท่านอย่างดีที่สุดแล้ว
2.คิดถึงหลักพุทธศาสนา เมื่อก่อนผมเปิดยูทูปธรรมะให้แม่ฟังตอนที่ท่านยังอยู่ แต่ผมไม่ได้ฟังตามไปด้วย มาถึงวันนี้ผมเปิดฟังและคิดตามตลอด ช่วยทำให้จิตใจดีขึ้นได้ ลองฟัง พระมหาบุญช่วย ธรรมะคลายทุกข์ ดูนะครับ
3.ตั้งใจทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน ส่งให้ถึงท่านทำให้ถูกหลักศาสนา(มากที่สุดเท่าที่จะทำได้) ส่วนตัวผมเองผมจะใส่บาตรทุกวัน แต่ให้น้าคนที่มาช่วยดูแลแม่ใส่ให้ เพราะว่าผมออกไปทำงานตอนเช้าพระท่านยังมาไม่ถึงบ้าน แต่ผมจะจุดธูปบอกพระพุทธในบ้าน และยกจบของใส่บาตรหน้ารูปถ่ายของแม่ ท่องอุทิศส่วนกุศล อิทังเม มาตาปิตุนัง.... กรวดน้ำทุกวัน (ซึ่งไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิตที่ผ่านมา 46 ปี)
4.ทุกวันพระ ขึ้น/แรม 15 จะซื้อดอกไม้มาไหว้พระพุทธในบ้าน ขึ้น/แรม 8 จะเข้าห้องพระสวนมนต์ เพื่อให้จิตใจสบายขึ้นหลังจากมีสมาธิในการอ่านหนังสือสวดมนต์
ทุกวันนี้ก็ยังร้องไห้อยู่ครับ ตอนที่พิมพ์ข้อความนี้ ก็น้ำตาไหลอยู่ตลอด ได้แต่ปลง และภาวนาให้ความโศกเศร้า ความเสียใจเปลี่ยนมาเป็นพลังในการดำเนินชีวิต เป็นพลังในการทำความดี เป็นพลังทำตัวเองอยู่ในศีลในธรรม ให้สมกับที่แม่หวัง พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นคนดี เป็นที่รักของทุกๆคน ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะทำได้อย่างที่หวัง
ขอเป็นแรงและกำลังใจให้กันและกันครับ
ผมเพิ่งเสียคุณแม่ไปเช่นกัน วันนี้ครบ 57 วัน ในสมองเข้าใจทุกอย่าง ธรรมชาติ การพลัดพราก เกิด แก่ เจ็บ ตาย สักวันเราก็ต้องจากกันไม่จากเป็นก็จากตาย ในวันที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ผมได้ทำทุกอย่างที่จะทำได้ กอด หอมแก้ม หาของอร่อยให้กิน ยามเจ็บป่วย ก็เฝ้าดูแลรักษา จากอะไรที่ไม่เคยทำ ทำไม่เป็น ก็ทำเป็นหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะสวนก้น ล้วงก้น เรื่องยาที่แม่ต้องทาน หรือฉีด ก็รู้จักทุกตัว คุณหมอที่ดูแลรักษาแม่ผมก็ได้คุยกับคุณหมอทุกท่าน ในช่วงเวลาที่ท่านยังอยู่เราคุยกันทุกๆเรื่อง อะไรที่ค้างคาใจ หรือยังมีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แม้กระทั่งเรื่องของความตาย เราคุยกันว่าเราจะไม่ร้องไห้กันอีกแล้ว เราร้องไห้กันมาเยอะแล้ว ทั้งที่โรงพยาบาล ทั้งที่บ้าน เรากอดกันร้องไห้บ่อยมาก ในวันที่แม่จากไป ผมไปติดต่อ รพ. เพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งผมจะต้องกลับไปทำตามที่คุณหมอได้สอน คือการแทงมอร์ฟีนใต้ผิวหนัง แต่ผมกลับไปไม่ทัน
ผมได้รับโทรศัพท์ในช่วงที่รอยาอยู่ที่ รพ. หัวใจผมแหลกสลาย ผมรีบกลับบ้านตอนขับรถกลับบ้านผมแทบไม่รู้ตัวเลย พอมาถึงบ้านผมก็เข้าไปกอดคุณแม่แล้วเขย่าตัวเบาๆ พร้อมกับร้องไห้ พอเริ่มได้สติผมก็เอาที่วัดออกซิเจนวัดที่นิ้วแม่ก็ไม่พบสัญญานใดๆ ผมพยายามตั้งสติแล้วไหว้ร่างคุณแม่ และติดต่อหน่วยงานราชการต่างๆ
ผมอยู่กับแม่แค่ 2 คน คุณแม่เป็น คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่เป็นทั้งพ่อและแม่ และทุกอย่างในชีวิตของผม ถึงแม้ทุกวันนี้ผ่านมาแล้ว 57 วัน พยายามรับความจริงว่าแม่จากไปแล้ว พยายามนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา มันคือเรื่องจริงทั้งหมด ไม่มีประโยชน์ที่จะหลอกตัวเอง แต่หัวใจบอกว่าแม่ยังอยู่กับเราเสมอ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเวลาผมคิดถึงแม่มากๆ ผมจะไปวัด และไปที่หน้าเมรุ เพื่อรู้จักปลง เพื่อให้รู้ถึงความจริงของธรรมชาติ
สิ่งที่พอจะช่วยปลอบประโลมเราได้บ้าง
1.คิดในทางบวก หากท่านยังมีชีวิตอยู่ต่อ ท่านจะเจ็บปวดและทรมานร่างกายมาก และเราได้ดูแลท่านอย่างดีที่สุดแล้ว
2.คิดถึงหลักพุทธศาสนา เมื่อก่อนผมเปิดยูทูปธรรมะให้แม่ฟังตอนที่ท่านยังอยู่ แต่ผมไม่ได้ฟังตามไปด้วย มาถึงวันนี้ผมเปิดฟังและคิดตามตลอด ช่วยทำให้จิตใจดีขึ้นได้ ลองฟัง พระมหาบุญช่วย ธรรมะคลายทุกข์ ดูนะครับ
3.ตั้งใจทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน ส่งให้ถึงท่านทำให้ถูกหลักศาสนา(มากที่สุดเท่าที่จะทำได้) ส่วนตัวผมเองผมจะใส่บาตรทุกวัน แต่ให้น้าคนที่มาช่วยดูแลแม่ใส่ให้ เพราะว่าผมออกไปทำงานตอนเช้าพระท่านยังมาไม่ถึงบ้าน แต่ผมจะจุดธูปบอกพระพุทธในบ้าน และยกจบของใส่บาตรหน้ารูปถ่ายของแม่ ท่องอุทิศส่วนกุศล อิทังเม มาตาปิตุนัง.... กรวดน้ำทุกวัน (ซึ่งไม่เคยทำมาก่อนเลยในชีวิตที่ผ่านมา 46 ปี)
4.ทุกวันพระ ขึ้น/แรม 15 จะซื้อดอกไม้มาไหว้พระพุทธในบ้าน ขึ้น/แรม 8 จะเข้าห้องพระสวนมนต์ เพื่อให้จิตใจสบายขึ้นหลังจากมีสมาธิในการอ่านหนังสือสวดมนต์
ทุกวันนี้ก็ยังร้องไห้อยู่ครับ ตอนที่พิมพ์ข้อความนี้ ก็น้ำตาไหลอยู่ตลอด ได้แต่ปลง และภาวนาให้ความโศกเศร้า ความเสียใจเปลี่ยนมาเป็นพลังในการดำเนินชีวิต เป็นพลังในการทำความดี เป็นพลังทำตัวเองอยู่ในศีลในธรรม ให้สมกับที่แม่หวัง พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเป็นคนดี เป็นที่รักของทุกๆคน ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะทำได้อย่างที่หวัง
ขอเป็นแรงและกำลังใจให้กันและกันครับ
แสดงความคิดเห็น
คิดถึงพ่อที่จากไป ทำใจยังไงดีครับ
ผมอายุ 44 แล้วครับ แต่ก็ยังร้องให้เมื่อคิดถึงวันเก่าๆที่พ่อทำอาหารให้ทาน แกชอบเย็บเสื้อผ้าอะไรที่ขาดแกเย็บให้หมด แกอายุ 85 ครับ จากไปด้วยโรคชรา แม่บอกก่อนแกจะไป แกพูดไม่ชัดฟังไม่ออกว่าจะสื่อสารอะไร แล้วแกก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ซักพักแกก็ตัวกระตุกแล้วก็จากไปอย่างสงบ โดยลูกทั้ง 4 คน มาไม่ทันครับ ถ้ามาทันน่าจะพาแกไปส่ง รพ. ได้ทัน ตอนพิมอยู่ผมก็ยังร้องให้ครับ นึกถึงวันที่เรากินข้าวกับพ่อแม่ พี่น้องที่บ้านแบบพร้อมหน้าพร้อมตากัน ในทุกๆ อาทิตย์จะเป็นวันครอบครัวเราครับ ไม่ว่าใครจะไปทำงานที่ไหน เสาร์อาทิตย์จะกลับมาบ้านพ่อแม่ทุกคน มันมีความสุข ผมเคยฝันร้ายฝันว่าพ่อเสียชีวิตอยู่บ่อยๆ ครั้ง ทุกครั้งที่ฝันน้ำตาจะไหลออกมาในฝันทุกครั้ง แต่ในทุกๆครั้งเมื่อเราตื่นจากฝัน เราก็บอกตัวเองเราแค่ฝันไป พ่อยังไม่ตายโว้ย พ่อยังอยู่ที่บ้าน เราก็ดีใจที่มันเป็นแค่ความฝัน และบอกตัวเองว่าครอบครัวเรายังอยู่ครบทุกคนโว๊ย เวลาไปสมัครงานหรือสมัครไรก็แล้วแต่เวลากรอกรายละเอียด ช่องสถานะของ บิดา มารดา เราจะลงว่า ยังมีชีวิตอยู่ทั้งคู่ แบบภูมิใจ
แต่ตอนนี้เราคงไม่ได้กรอกข้อความแบบนั้นได้แล้ว บางทีก็อยากรู้ว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง คิดถึงเสียงของท่าน นึกถึงเมื่อตอนเป็นเด็กที่ท่านไปรับ-ส่งพาลูกๆไปฝึกเรียนว่ายน้ำ บางวันผมก็พอที่จะทำใจได้บ้าง บางวันก็ร้องไห้หนักมาก ช่วงแรกๆ หลังจากคุณพ่อเสีย ตอนไปทำงานที่บริษัทตอนเช้าผมจะต้องมิตติ้งเรื่องงานกับลูกน้องตอนเช้าอยู่ดีๆ ผมก็ร้องให้ออกมา จนลูกน้องถามหัวหน้าเป็นอะไรครับผมก็เลยบอกพี่คิดถึงพ่อ บอกแบบไม่อายลูกน้อง ซึ่งก็พยายามคิดว่าท่านไม่ต้องเจ็บปวดแล้ว ก่อนท่านจะเสีย ผมกับพี่น้องยังช่วยกันตัดผมให้ท่าน พาแกไปอาบน้ำ แต่ท่านเดินไม่ค่อยแข็งแรงต้องพยุงพาไป น้องสาวก็ซื้อขนมอร่อยๆ ที่ท่านชอบมาให้ทาน ท่านก็ยังกินแล้วพูดคุยแบบปกติเหมือนในทุกๆ ครั้งที่เรากลับมาบ้าน ซึ่งก็ไม่คิดว่าวันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่ได้คุยกับท่าน ทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสก็ใส่บาตรอุทิศให้ท่านครับ