สงสัยครับ ทำไมเรือดำน้ำยิงขีปนาวุธนัดเดียว = เปิดเผยตำแหน่ง?? อยู่ใต้น้ำทะเลลึก หากันง่ายขนาดนั้นเลยหรือครับ

อ่านหลายๆกระทู้เดียวกับเรือดำน้ำ แล้วเจอหลายความเห็นว่า เรือดำน้ำยิงขีปนาวุธนัดเดียว = เปิดเผยตำแหน่ง?? แล้วเกิดข้อสงสัยว่าเรือดำน้ำอยู่ในน้ำทะเลลึกหลายร้อยเมตร + มืด ขนาดนั้น ยิงแค่นัดเดียว เรือผิวน้ำจะหาเจอ+ชี้พิกัดของเรือดำน้ำได้เร็วขนานดนั้นเลยหรือครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
ยาวหน่อยนะครับ - -

ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง การปราบเรือดำน้ำทำได้ไม่ยากนัก เพราะเรือดำน้ำยุคนั้นดำได้ไม่ลึกและไม่มีลูกยาวไกลๆ เวลาจะโจมตีข้าศึกต้องเข้ามาในระยะใกล้ๆ  เรือดำน้ำยุคนั้นเจอเรือพิฆาตแค่1ลำก็สู้แทบไม่ได้แล้ว

เรือพิฆาตเร็วกว่า ทนกว่า มีอาวุธเยอะกว่า อาวุธรุนแรงกว่า มีทั้งเรดาร์มีทั้งโซนาร์ ถ้าอยู่ใกล้ฝั่งสามารถเรียกเครื่องบินมาช่วยโจมตีเรือดำน้ำได้อีกแรง ความได้เปรียบของเรือดำน้ำยุคนั้นคือมีสิทธิยิงก่อนเพราะสามารถแอบเข้ามาในระยะยิงได้โดยไม่ให้เรือผิวน้ำรู้ตัว จากการย่องเงียบโดยการเดินเครื่องแบบเดินๆหยุดๆ
แต่เรือดำน้ำต้องยิงให้โดน ยิงให้จมในการโจมตีครั้งแรก ถ้าหากยิงไม่โดน หรือยิงโดนแล้วจมเรือพิฆาตไม่ได้ หายนะมาเยือนทันที
เรืออูในยุคนั้นจะใช้วิธีรุมเรือผิวน้ำมากกว่าจะไปเดี่ยวๆแล้วเปิดใส่ก่อน ถ้าไม่จวนตัวจริงๆส่วนมากเรืออูจะพยายามหนีเรือพิฆาตก่อน

เรือที่ตกเป็นเหยื่อของเรืออูเยอรมันส่วนมากเป็นเรือสินค้าเรือส่งเสบียงที่ป้องกันตัวเองไม่ได้ หรือเรือรบที่โดนเรืออูรุมโจมตีพร้อมๆกันแบบนี้ก็เสร็จเรือดำน้ำ

มีครั้งหนึ่งเรือพิฆาตของสหรัฐสามารถจมเรืออูได้3ลำ เนื่องจากเป้าหมายหลักของเรืออูคือทำลายเรือเสบียง พอเรืออูเปิดเผยตำแหน่งจากการโจมตีเรือเสบียง เรือพิฆาตของสหรัฐก็ออกล่าช่วยกัน3-4ลำ เรือพิฆาตสหรัฐเสียหายไป1ลำแต่ไม่จม ส่วนเรืออูจมไป3ลำ
นี่คือเรือดำน้ำยุคสงครามโลกล่าได้ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย สามารถถูกล่าได้ไม่ใช่อยู่ใต้น้ำแล้วจะหาไม่เจอ

นี่คือยุทธวิธีแบบโบราณเสี่ยงดวงเสี่ยงตายวัดกันด้วยจำนวนให้ตายกันไปข้าง ยุทธวิธีแบบนี้ไม่เคยถูกใช้อีกเลยตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่สอง ในยุคสมัยใหม่ประเทศมหาอำนาจไม่ได้มีสงครามรุนแรงถึงขั้นเอาให้ตายกันไปข้างแบบยุคนั้น ต่างฝ่ายต่างพัฒนากลยุทธการสงครามไปมาก เหมือนเดินหมากบนกระดาน รู้เขารู้เรา ประเทศมหาอำนาจไม่ปะทะกันตรงๆเพราะเขารู้ว่าจะไปจบที่ตรงไหน

ยุคต่อมาหลังจบสงครามโลกครั้งที่สองมีการพัฒนาจรวดระยะไกลชนิดต่างๆ เรือดำน้ำมีขีปนาวุธระยะไกลติดตัวไปด้วย ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในระยะใกล้ๆ แถมเป็นเรือดำน้ำชนิดขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ ดำได้เป็นเดือนไม่ต้องขึ้นมาบนผิวน้ำ และดำได้ลึกขึ้นจาก100-300เมตรเป็น500-600เมตร ตอนนี้ล่ะที่เรือดำน้ำมีความอันตรายมากขึ้น

เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ยุคใหม่ยิงขีปนาวุธระยะไกลๆได้หลายร้อยกิโลเมตรถึงเป็นพันกิโลเมตร และยิงลูกเดียวก็เห็นผลเพราะเป็นหัวรบนิวเคลียร์
เรือดำน้ำพวกนี้คือไม่มีทางทำอะไรมันได้เลย เพราะต่อให้จับได้ว่ายิงนิวเคลียร์มาจากตรงไหนแต่กว่าจะเข้าไปถึงก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ วิธีตอบโต้คือยิงนิวเคลียร์ใส่อีกฝ่ายเหมือนกัน ก็ยิงนิวเคลียร์ใส่กันจนเละกันไปข้างนั่นแหละ โดยไม่ต้องไปสนเรื่องการปราบเรือดำน้ำ เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์และติดขีปนาวุธพิสัยไกลติดหัวรบนิวเคลียร์พวกนี้คือไพ่ใบสุดท้าย ถ้าไม่ถึงคราวจนตรอกจะสิ้นชาติเขาก็ไม่เอามาใช้ นอกจากเอาไว้ลาดตระเวน เรื่องการจะปราบมันก็เลิกคิดได้เลย ไม่เอาไปโจมตีเล็กน้อยไม่เปิดเผยตัว เท่ากับไม่ถูกล่า เมื่อถูกล่าแปลว่ามีสงครามใหญ่จะเท่ากับโดนกดดันให้ยิงนิวเคลียร์ใส่กัน เรือพวกนี้ส่วนมากจะหลีกเลี่ยงไม่ปะทะกับอีกฝ่ายโดยตรง ฉะนั้นก็ตัดเรื่องการล่าเรือพวกนี้ออกไป

เรือดำน้ำพลังงานดีเซลไฟฟ้ายุคใหม่บางลำก็ถูกติดตั้งด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลติดหัวรบนิวเคลียร์ ก็จะเป็นเช่นเดียวกับกรณีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์นั่นแหละ คือไม่ต้องทำอะไรมันให้เสียเวลา นอกจากตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์เช่นเดียวกัน

ทีนี้มาพูดถึงเรือดำน้ำของประเทศที่ไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครอง เป็นเรือดำน้ำพลังงานดีเซลไฟฟ้าทั้งหมด เรือดำน้ำพวกนี้มีเทคโนโลยีเหนือกว่าเรือดำน้ำยุคสงครามโลกไม่มาก อาจจะดำได้ลึกกว่าเร็วกว่าเงียบกว่ามีอาวุธดีกว่า แต่ยังห่างชั้นจากเรือดำน้ำที่ติดหัวรบนิวเคลียร์อย่างเทียบกันไม่ติด
เรือดำน้ำพลังงานดีเซลไฟฟ้าพวกนี้สามารถถูกล่าได้
หากเรือดำน้ำชนิดนี้ยิงอาวุธก็เป็นอาวุธที่มีพิสัยใกล้ ยิงปุ๊บเท่ากับเปิดเผยตัวก็เป็นระยะที่ไม่ไกลมาก หน่วยปราบเรือดำน้ำสามารถเข้าปิดล้อมได้ไว สามารถเรียกเครื่องบินเรียกฮ.เรียกหน่วยปราบเรือดำน้ำเข้าไปช่วยทำลายได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์
เรือดำน้ำพวกนี้ดำได้ลึกสุดก็200-300เมตร ทำความเร็วได้น้อย40-50กิโลเมตรต่อขั่วโมงหนียังไงก็ไม่ทันเครื่องบินไม่ทันฮ.ปราบเรือดำน้ำ
อย่างอ่าวไทยลึกไม่เกิน100เมตร ถ้าเรือดำน้ำบุกเข้ามา1ลำอาจจะถูกตรวจจับได้ก่อนเพราะน้ำไม่ลึกและเรามีดาวเทียมทางทหาร2ดวงคอยส่องตลอดเวลา ตรวจเจอก็แจ้งให้กลับไป แล้วถ้าไม่กลับไปแต่มายิงโจมตีใส่ก็จะถูกไล่ล่าทันที คือบุกเข้ามาโจมตีในอ่าวไทยได้แต่จะออกไปไม่ได้เท่ากับภารกิจฆ่าตัวตาย

แล้วประโยชน์ที่แท้จริงของเรือดำน้ำพลังงานดีเซลไฟฟ้าคืออะไรในเมื่อสามารถปราบได้ไม่ยาก
-มันถูกปราบได้ไม่ยากก็จริง แต่การจะปราบมันได้ก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ต้องใช้เรือรบเป็นสิบๆลำ ใช้ฮ.โจมตีใช้เครื่องบินโจมตีช่วย ต้องเสียกำลังรบไปกับการปราบเรือดำน้ำลำเดียวไม่ใช่น้อยๆ พอเสียกำลังรบเรือผิวน้ำส่วนหนึ่งไปใช้ปราบเรือดำน้ำ การป้องกันทางทะเลก็จะอ่อนลงทันที
ยกตัวอย่างสมมุติว่าข้าศึกส่งเรือดำน้ำบุกเข้ามาโจมตีเรือรบไทยในอ่าวไทย2ลำ ไทยก็ต้องใช้เรือผิวน้ำหลายสิบลำในการไล่ล่า พอไทยสูยเสียกำลังรบส่วนหนึ่งไปกับการปราบเรือดำน้ำ2ลำนั้น เรือรบผิวน้ำของข้าศึกก็ได้เปรียบในเรื่องจำนวนทันที
-และการจะปราบเรือดำน้ำได้ดีนั้น ก็ต้องมีเรือดำน้ำเองด้วย เอาไว้ใช้ฝึกปราบ สมมุติทร.ไทยฝึกปราบเรือดำน้ำแบบไม่มีเรือดำน้ำมาให้ฝึกปราบ ได้แต่สมมุติยุทธวิธีแล้วฝึกกันแค่นั้น ถ้าเจอของจริงมันอาจจะไม่ง่ายก็ได้ อย่างน้อยก็เอามาไว้ฝึกให้ชำนาญ
-จริงๆแล้วคือเอาไว้ขู่ มีไว้ให้รู้ว่าทะเลแถวนี้ไม่ใช่จะรุกล้ำเข้ามาง่ายๆ เพราะเรือดำน้ำของเราแอบอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ และพร้อมจะซุ่มยิงทำลายเรือรบข้าศึกได้ทุกเมื่อ แต่การจะใช้เรือดำน้ำมารบกันขนาดนั้นคือสงครามใหญ่ชนิดตายกันไปข้าง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆแต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ไม่มีใครรู้
ยามสงบแบบนี้มีไว้ป้องปรามเท่านั้น มีไว้เพื่อคานอำนาจประเทศเพื่อนบ้านว่าเราก็มีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องรบกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่